หลังจาก vivo ได้เปิดตัวสมาร์ตโฟนซีรีย์ V เมื่อปีที่ผ่านมากับก็ไม่รอช้า เริ่มต้นได้อย่างน่าสนใจกับสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด vivo V23 5G ที่มีความโดดเด่นตั้งแต่ตัวเครื่องที่เปลี่ยนเป็นขอบเหลี่ยม มาพร้อมสีสันที่ถูกออกแบบให้สวยสะกดตากับสีทอง Sunshine Gold ที่ใช้เทคนิคการออกแบบด้วย Color Changing Glass ทำให้ฝาหลังเมื่อถูกแสงยูวีสามารถเปลี่ยนสีได้

นอกจากนี้ ยังโดดเด่นเรื่องกล้องหน้าคู่ 50MP AF Dual Camera ส่องประกายให้ใบหน้าสวยตามสโลแกน “คมชัดทุกโมเมนต์ที่เป็นคุณ” ด้วยไฟแฟลชคู่ Dual-Tone Spotlight และประสิทธิการทำงานลื่นไหลด้วย RAM 12GB แบตเตอรี่ 4200mAh รองรับชาร์จไว 44W FlashCharge ให้เป็นเจ้าของได้ในราคา 17,999 บาท

ดีไซน์ตัวเครื่อง

ตัวเครื่อง vivo V23 5G เป็นอีกรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม มาในรูปทรงขอบเครื่องเหลี่ยม เพิ่มลูกเล่นให้ฝาหลังตัวเครื่องสีทองด้วยการดีไซน์ที่เรียกว่า Color Changing Glass ผลิตจากเทคโนโลยีโฟโตโครมิก เมื่อกระทบกับแสงอัลตราไวโอเลต เช่น แสงแดด จะทำให้ฝาหลังเปร่งประกายเป็นสีที่แตกต่างกันในแต่ละมุม ไม่ว่าจะถือไปไหนก็สะดุดตา

นอกจากนี้ ยังใช้วัสดุ Satin AG ที่ให้สัมผัสนุ่มสบายมือ เปรียบเสมือนใยไหม จับถือได้ถนัดมือไม่ลื่นและที่สำคัญลดการเกิดรอยนิ้วมือได้ดี

ตัวเครื่องยังถูกออกแบบให้มีความบางและน้ำหนักเบา ด้วยการใช้อลูมิเนียมเกรดสำหรับการบินเป็นเฟรมขอบกลาง และตัดแต่งขอบมุมแบบตัว C ทำให้จับถือถนัดมือ สัมผัสนุ่มไม่บาดมือ ทั้งยังสะท้อนเงาอย่างสวยงาม ทำให้ตัวเครื่องดูพรีเมียมและทันสมัย โดยจะมี 2 เฉดสี ให้เลือก ทั้งสี Sunshine Gold และ Stardust Black

ขอบข้างตัวเครื่องนอกจากจะสวยงามแล้วยังวางพอร์ตต่างๆ ได้อย่างลงตัว โดยที่ปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิด-เครื่อง จะมีขนาดเล็กเป็นสีเดียวกันแต่นูนขึ้นมาเล็กน้อย จัดวางไว้ที่ตัวเครื่องด้านขวา

ส่วนตัวเครื่องด้านซ้ายไม่มีปุ่มใดๆ แต่จะเห็นว่ามีเสาสัญญาณอยู่รอบด้าน ทำให้การเชื่อมต่อต่างๆ เสถียร และด้านบนมีเพียงไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน

ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM ทั้ง 2 ช่องจะอยู่ด้านล่างตัวเครื่อง ซึ่งไม่รองรับการเพิ่ม MicroSD เพราะให้ความจุมาที่ 256GB แล้ว และถัดไปทางขวาจะมีพอร์ต USB Type-C สำหรับซิงค์ข้อมูลและชาร์จแบตฯ พร้อมลำโพงเสียงตัวเครื่อง

ฝาหลังถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ต้องสะกดทุกสายตา ยิ่งตัวเครื่องสีทองที่เห็นครั้งแรกแล้วต้องบอกว่าเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นหนึ่งที่สวยมาก เมื่อสะท้อนแสงบางมุมก็จะเห็นเป็นสีเขียวเหลือบฟ้า นอกจากนี้ ยังวางเลนส์กล้องหลังไว้อย่างลงตัวบนกรอบสี่เหลี่ยมที่นู้นขึ้นมาจากฝาหลังอีกสเต็ป โดยกล้องทั้ง 3 ตัววางอยู่ในแนวตั้ง พร้อมแฟลช LED ด้านข้าง

หน้าจอใหญ่คมชัด

หน้าจอแสดงผลของ vivo V23 5G มาพร้อมเทคโนโลยี AMOLED ที่ให้หน้าจอสีสวยสดและคมชัด ใช้งานเกือบเต็มพื้นที่บนจอด้วยขนาดกว้าง 6.44 นิ้ว ความละเอียด 2400×1080 (FHD+) ยังเป็นจอแบบแบนที่ใช้กระจก 2.5D สะดวกใช้งานไม่เหมือนขอบจอโค้งที่บางครั้งฝ่ามือไปโดนโดยที่ไม่ตั้งใจ และที่สำคัญคือติดฟิล์มง่าย

จอแสดงยังรองรับการใช้งานรีเฟรชเรท 90Hz เล่นลื่นทุกการสัมผัสไม่มีสะดุด แต่หากใครที่กลัวว่าจะเปลืองแบตฯ ก็สามารถตั้งค่าการใช้งานเป็นอัตโนมัติ โดยที่ระบบจะปรับแต่งตามคอนเทนต์ที่ใช้งาน

เหนือหน้าจอจะมีรอยบากที่เว้นไว้สำหรับกล้องหน้าคู่ที่มีความละเอียด 50+8MP แต่ไม่ได้เหลือพื้นที่ไว้เยอะจนรบกวนสายตาขณะที่ใช้งานบนจอ นอกจากนี้ ยังรองรับการใช้งานสแกนใบหน้าได้ด้วย

ถัดลงมาที่หน้าจอด้านล่างจะเห็นว่ายังคงมีขอบดำเหลืออยู่ แต่ถือว่าน้อยมากๆ โดยบริเวณนี้ยังมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอมาให้ด้วย รองรับการใช้งานสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ และปลดล็อกได้เร็วแทบจะไม่ต้องออกแรงกด

ประสิทธิภาพและการเชื่อมต่อ

vivo V23 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 920 ขนาด 6 นาโนเมตร ประหยัดพลังงาน ทั้งยังทำงานเร็วกว่า Dimensity 820 รุ่นก่อนถึง19% รองรับการเชื่อมต่อเร็วด้วย Wi-Fi 6

ยังมาพร้อม RAM 12GB ซึ่งถือว่าให้มาเยอะมาก ไม่ว่าจะทำงาน เปิดแอปฯ พร้อมกันเครื่องก็ไม่มีอาการหน่วงหรือสะดุดให้เห็น ยังไม่พอยังสามารถเพิ่ม RAM ได้ด้วยฟังก์ชั่น Extended RAM 2.0 ได้สูงสุด 4GB ช่วยให้เครื่องทำงานได้ลื่นขึ้น โดยเป็นการดึงหน่วยความจำภายใน เข้ามาเพิ่มให้เครื่องไม่สะดุด หรือเปิดแอปฯ ได้พร้อมกันถึง 30 แอปฯ ได้สบาย

ส่วนหน่วยความจำภายในตัวเครื่องให้เยอะถึง 256GB ไม่ว่าจะเก็บข้อมูล โหลดแอปฯ เก็บไฟล์ รูปถ่าย หรือวิดีโอก็ไม่ต้องกลัวเต็ม แต่ถ้าใครมีข้อมูลเยอะมากๆ ต้องแยกเก็บไว้ในคอมหรือพื้นที่เก็บข้อมูลนอก เพราะรุ่นนี้จะไม่มีช่องใส่ MicroSD มาให้

เล่นเกมลื่นเครื่องไม่ร้อน

vivo V23 5G ยังมีโมดูลระบายความร้อนแบบ unibody อะลูมิเนียมอัลลอยที่ออกแบบใหม่ทั้งหมด ทำให้ความร้อนกระจายได้ดี ไม่ว่าจะเล่นเกมหรือใช้งานเพื่อความบันเทิงก็ไม่สะดุด ยิ่งได้ RAM ที่เยอะขนาดนี้ไม่ต้องห่วงเรื่องเกม เล่นลื่นได้ตั้วแต่เกมเล็กๆ หรือจะเป็น Asphalt 9 เกมแข่งรถกราฟิกสุดโหดก็เล่นได้สบาย ภาพและความเร็วเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หรือจะเป็น ROV ก็ใช้เวลาไม่นานในการโหลด และขณะที่เล่นก็ลื่น จังหวะเดินหรือต่อสู้ก็ไม่สะดุด

รองรับ 5G

การเชื่อมต่อก็เร็วด้วยเครือข่าย 5G ที่รองรับได้ทั้งแบบ SA และ NSA ช่วยให้ดาวน์โหลดหรืออัปโหลดใช้เวลาไม่นาน ทั้งนี้การเชื่อมต่อ 5G และความเร็วก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ให้บริการ

ระบบปฎิบัติการ

vivo V23 5G รันบนระบบปฎิบัติการ Funtouch OS 12 ที่ถูกปรับปรุงให้มีความทันสมัย UI และลูกเล่นเข้าถึงง่าย มีวิดเจ็ดใหม่ รวมถึงฟีเจอร์ที่ช่วยให้เราใช้งานบนสมาร์ทโฟนได้ง่ายก็จัดมาครบ

Ultra Game Mode 2.0 ตัวช่วยให้การเล่นเกมให้สนุกขึ้น เลือกเปิดหรือตั้งค่าขณะเล่นเกมได้ด้วยแถบด้านข้างหน้า ซึ่งจะมีโหมดต่างๆ ที่ทำให้การเล่นเกมได้เพลินมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น “ประหยัดแบตเตอรี่” “สมดุล” และ “ประสิทธิภาพ”

Jovi Home ผู้ช่วยอัฉริยะประจำเครื่อง เพื่อให้เข้าถึงแอปฯ หรือการทำงานเร็วขึ้น นอกจากนี้ ยังคอยแจ้งเตือนผลกีฬา เตือนให้ดื่มน้ำ และกิจกรรมต่างๆ ให้เราได้อีกด้วย

Picture-in-Picture เพลินเพลินกับการดูหนัง เล่นเกมไม่สะดุด ด้วยการตอบกลับข้อความด้วยหน้าต่างซ้อน ทำให้การใช้งานหลักไม่ขาดช่วงหรือสะดุด

แบตเตอรี่เยอะ ชาร์จไว 44W FlashCharge

แบตฯ ให้ที่ความ 4200mAh ซึ่งถือว่าเยอะเพียงพอต่อการใช้งานทั่วไป แต่ถ้าหากเปิดใช้งาน 5G หรือถ่ายรูปนานๆ เล่นเกมตลอดเวลาก็อาจจะต้องชาร์จในตอเย็น แต่โดยรวมแล้วถือว่าเป็นอีกเครื่องที่ประหยัดแบตฯ เนื่องจากชิปเซ็ตที่มีขนาด 6 นาโนเมตร มาพร้อมโหมดประหยัดพลังงาน ช่วยให้แบตฯ อยู่ได้นานขึ้น

แต่ถ้าระหว่างวันใช้งานหนักก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องมานั่งชาร์จแบตฯ นานๆ เพราะมีเทคโนโลยีชาร์จไว 44W FlashCharge ใส่มาให้ด้วย ใช้เวลาไม่นานก็ได้แบตฯ มาใช้งานเพิ่มโดยที่ไม่ต้องนั่งรอนาน และยังชาร์จได้ตลอดเวลาที่ต้องการ

กล้องจัดเต็มทั้งหน้าและหลัง

vivo V23 5G เป็นอีกรุ่นที่จัดเต็มเรื่องกล้อง เน้นไปที่กล้องหน้าให้มาแบบคู่ โดยที่กล้องหลักมีความละเอียดสูงถึง 50MP ถ่ายภาพคมชัดทั้งกลางและกลางคืน และอีกเลนส์เป็นมุมกว้าง 8MP ช่วยให้เก็บวิวหรือกลุ่มเพื่อนได้กว้างขึ้น ส่วนกล้องหลังก็ให้มาครบทุกระยะ ลองไปดูว่ากล้องจะน่าสนใจขนาดไหน

กล้องหน้า Ultra Clear 50MP

กล้องหน้าคู่ความละเอียด 50MP เซลฟี่คมชัดเก็บรายละเอียดได้ครบ พร้อมทั้งมีเทคโนโลยี ISOCELL 3.0 (เทคโนโลยี Pixel isolation ) ที่เข้าช่วยปรับสีและแสงของภาพให้ดูสวย สมจริง และเป็นธรรมชาติ แต่จะต้องเข้าไปเปิดใช้งานที่เพิ่มเติม > เลือกความละเอียดสูงถึงจะใช้กล้องหน้า 50MP ได้

ส่วนกล้องหน้าในโหมดเริ่มต้นจะอยู่ที่ 12MP ใช้งานได้ทั้งมุมปกติและมุมกว้าง มีฟังก์ชั่นให้ปรับใช้งานเยอะกว่า ไม่ว่าจะเป็นฟิลเตอร์ หน้าสวย และยังมี HDR เข้ามาช่วยเก็บแสงและรายละเอียดฉากหลังให้ยังอยู่ครบไปพร้อมกับภาพถ่ายใบหน้าสวยๆ

นอกจากนี้ ยังได้กล้องหน้าคู่ที่เป็นมุมกว้าง ความละเอียด 8MP ช่วยให้เก็บภาพวิวหรือเพื่อนได้มากกว่าเดิม ซึ่งก็เป็นความละเอียดที่ไม่เยอะแต่เพียงพอสำหรับการแชร์ลงโซเชียลหรือส่งให้เพื่อได้เก็บไว้เป็นโมเมนต์ดีๆ

Eye Auto Focus

กล้องหน้าที่มีความคมชัดสูง ยังได้ฟีเจอร์โฟกัสชัดที่ดวงตา หรือ Eye Auto Focus เข้ามาช่วยให้การถ่ายเซลฟี่ง่ายขึ้น โดยเมื่อโฟกัสสามารถจับที่ดวงตาได้ในขณะที่กำลังกดชัตเตอร์ จะช่วยให้ใบหน้าคมชัด

AI HD Portrait

vivo ได้คิดค้นการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยให้การถ่ายเซลฟี่มีความสวยเป็นธรรมชาติ เก็บรายละเอียดต่างๆ บนใบหน้าได้อย่างแม่นยำ และนำมาปรับใช้ในการปรับแต่งความเนียน ใบหน้า สีผิวให้ออกมาสวยคมชัด แม้กระทั้งคิ้วก็ปรับแต่งได้อย่างลงตัว

Natural Portrait

ฟีเจอร์ที่เน้นภาพบุคคลให้ออกมาสวยงามเป็นธรรมชาติ อิงกับสีที่มีอยู่และใช้งานได้จริงในทุกๆ วัน ด้วยการใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยให้ทุกการเซลฟี่ออกมาสวยแบบเป็นธรรมชาติ

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้า

ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้องหน้ามุมกว้าง

ไฟแฟลชคู่กล้องหน้า Dual-Tone Spotlight

vivo V23 5G นอกจากกล้องหน้าคู่แล้วยังให้ไฟแฟลชคู่แบบ Dual-Tone Spotlight ที่จะเปร่งแสงออกมาทางด้านซ้ายและด้านขวาของกล้องหน้า ทำให้แสงส่องมายังใบหน้าได้อย่างลงตัวและพอเหมาะทั้ง 2 ฝั่ง เหมือนไฟสตูดิโอ ช่วยให้การเซลฟี่ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืนก็ทำให้หน้าดูสว่างใส ผิวดูสวยมีออร่า ทั้งยังให้โทนอมชมพูเป็นธรรมชาติ เอาใจสายเซลฟี่ไม่ว่าจะสภาพแสงไหน หรือจะเป็นสาย Party Portrait ก็เอาอยู่

Multi-Style Portrait

นอกจากการเซลฟี่ธรรมดาแล้ว ยังมีโหมด Multi-Style Portrait ด้วยการเพิ่มฟิลเตอร์ให้กับภาพถ่ายเซลฟี่มีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น สามารถนำมาสร้างสรรค์ภาพให้เข้ากับอารมณ์และสไตล์ของแต่ละภาพได้อย่างสวยงามและลงตัว

Super Wide-Angle Night Selfie

โหมดถ่ายภาพกลางคืนของกล้องหน้านอกจากจะใช้งานได้ที่มุมปกติแล้ว ยังสามารถเปิดใช้งานมุมกว้างได้ถึง 105 องศา ช่วยให้เก็บได้ทั้งคนและฉากหลังที่สวยงาม หรือจะเป็นกลุ่มเพื่อนในปาร์ตี้ก็ไม่พลาดตกเฟรม

กล้องหลัก 64MP

กล้องหลังก็ไม่น้อยไปกว่ากล้องหน้า มาพร้อมความละเอียด 64MP สามารถเก็บรายละเอียดได้คมชัดสมบูรณ์ แต่ต้องเข้าไปเปิดใช้งานที่เพิ่มเติมเช่นเดียวกับกล้องหน้า ส่วนข้อจำกัดก็ถ่ายได้แค่ระยะเดียว แต่เปิดไฟแฟลชได้อยู่ ซึ่งภาพถ่ายที่ได้เรียกว่าเอาไปใช้งานหรือปริ้นท์ออกมาก็ไม่เสียรายละเอียด

กล้องหลังที่เป็นค่าเริ่มต้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 12MP รองรับการใช้งานไฟแฟลช HDR รวมถึงฟิลเตอร์ต่างๆ และยังสามารถถ่ายได้ถึง 3 ระยะ ตั้งแต่มุมกว้าง มุมปกติ และซูม 2x

ส่วนเรื่องภาพที่ถ่ายออกมาเรียกว่าเหลือใช้งาน สีภาพดูสว่างและสวยงาม สามารถนำไปแชร์บนโซเชียลได้หายห่วง

เลนส์มุมกว้าง

เลนส์มุมกว้างถือว่ามีความสำคัญรองลงมาก็ว่าได้ เพราะช่วยเก็บภาพได้กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาพวิวทิวทัศน์ กลุ่มเพื่อน หรือแม้แต่อยู่ในที่จำกัดก็ไม่ต้องเดินถอยออกมาไกลๆ แค่เปปิดใช้งานก็เก็บภาพได้ครบ แต่จะต้องยอมรับว่าความละเอียดก็ลงมาเช่นกัน

มาโครชัดใกล้

โหมดถ่ายภาพมาโครก็เป็นอีกลูกเล่นที่มีไว้เผื่อถึงเวลาต้องใช้งาน เพราะจะช่วยให้การถ่ายภาพระยะใกล้ๆ โฟกัสไดชัดขึ้น เปิดมุมมองในบางครั้งที่เราอาจไม่เคยเห็นมาก่อน

ภาพถ่ายบุคคล Bokeh Flare Portrait

โหมดถ่ายภาพบุคคลของกล้องหลังสามารถสร้างสรรค์โบเก้ได้หลายแบบ ทั้งแบบเดิมที่เป็นวงกลม แต่ก็มีให้เลือกใช้ทั้งโบเก้รูปหัว ดาว หรือซากุระ เพื่อให้ภาพบุคคลดูโดดเด่นและแตกต่าง และยังมีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้อีกมากกมาย

นอกจาก การตัดขอบระหว่างภาพและพื้นก็ทำได้อย่างสวยงาม เป็นแนวเดียวกันไม่โดด เรียกว่ายังคงทำได้เนียนเลยทีเดียว

Night Mode

โหมดกลางคืนรองรับการใช้งานทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง โดยที่กล้องหลังนอกจากการถ่ายภาพกลางคืนทั่วไปที่เก็บรายละเอียดได้ครบทั้งสีและแสงแล้ว ยังเพิ่มลูกเล่นของสไตล์มาให้เลือกใช้มากกว่า 9 แบบ ทำให้ภาพกลางคืนดูแปลกตาไม่เหมือนใคร

วิดีโอคมชัดสูง 4K Selfie Video

โหมดถ่ายวิดีโอด้วยกล้องหน้ารองรับการใช้งานที่ความละเอียดสูงสุด 4K ที่ 30fps ทำให้วิดีโอเซลฟี่ออกมาคมชัด เหมาะกับสาย Vlog และยังเพิ่มหน้าสวยหรือจะใส่ฟิลเตอร์แล้วถ่ายวิดีโอไปด้วยก็ได้

ในโหมดถ่ายวิดีโอยังมีฟีเจอร์ HDR Selfie Video ที่เป็นการผสมระหว่างซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ และเทคโนโลยีไดนามิกขั้นสูง ช่วยให้ใบหน้าชัดและฉากหลังยังคงรายละเอียดต่างๆ แม้ในสภาพแสงจ้าหรือแดดจัด ให้ได้วิดีโอที่ออกมาเหมือนมืออาชีพ

สรุปจุดเด่น

  • ตัวเครื่องดีไซน์สวยสะดุดตา
  • กล้องหน้าคู่คมชัดสูง

จุดที่ควรพิจารณา

  • ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
  • ใส่ MicroSD ไม่ได้

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • สมาร์ทโฟน vivo V23 5G
  • สายชาร์จ USB Type-C
  • อแดปเตอร์ชาร์จไว 44W FlashCharge
  • แจ็คแปลงหูฟังจาก Type-C เป็น 3.5 มม.
  • เคสซิลิโคนใส
  • เข็มจิ้มซิม
  • คู่มือและใบรับประกัน

สีและราคา

vivo V23 5G มีตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สี Stardust Black และ Sunshine Gold วางจำหน่ายในราคา 17,999 บาท

สรุปท้ายรีวิว

vivo V23 5G ตัวเลือกสำหรับคนที่ชอบถ่ายเซลฟี่ เพราะกล้องหน้าที่ความละเอียดสูงทำให้ได้ภาพที่คมชัด มีลูกเล่นให้ปรับแต่งจบได้จากหลังกล้องโดยไม่ต้องพึ่งแอปฯ ด้านนอกเลยก็ว่าได้ ทั้งยังได้มุมกว้างมาไว้ใช้ในสถานการณ์ที่จำเป็น ซึ่งนอกจากเรื่องกล้องแล้วต้องยกให้ดีไซน์ที่ต้องบอกเลยว่าเป็นอีกเครื่องที่สะดุดตามาก ทั้งสีสัน ฝาหลังเล่นสีและเงาในแต่ละมุมที่ต่างกัน และยังให้สเปคมาครบใช้งานได้ในแต่ละวันสบายๆ

สเปค vivo V23 5G

  • หน้าจอ AMOLED กว้าง 6.44 นิ้ว – 2400×1080 (FHD+)
  • ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 920 Octa-core ความเร็ว 2.4 GHz
  • GPU Mali-G57 MC2
  • RAM 12GB, ROM 256GB
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid Slot
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
  • – เลนส์หลัก 64 ล้านพิกเซล, f/1.89, LED flash, HDR
  • – เลนส์ Ultra Wide-Angle 8 ล้านพิกเซล, f/2.2
  • – เลนส์ Macro 2 ล้านพิกเซล, f/2.4
  • กล้องหน้า 2 เลนส์
  • – เลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล, f/2.0, HDR
  • – เลนส์ Ultra Wide-Angle 8 ล้านพิกเซล, f/2.28
  • รองรับการเชื่อมต่อ 5G Dual, Wi-Fi 2.4GHz/5GHz, Bluetooth 5.2, USB 2.0, On-The-Go
  • ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12
  • แบตเตอรี่ 4200mAh รองรับ 44W FlashCharge
  • ขนาดตัวเครื่อง 157.20×72.42×7.39 มม. (Stardust Black)
  • 157.2×72.42×7.55 มม. (Sunshine Gold)
  • น้ำหนัก 179 กรัม (Stardust Black)
  • 181 กรัม (Sunshine Gold)
  • สี Stardust Black ,Sunshine Gold

แสดงความคิดเห็น