HOME PR News OPPO ประกาศสามโครงการเพื่อสร้างระบบบริการอัจฉริยะแบบใหม่ร่วมกับนักพัฒนาและพันธมิตร

OPPO ประกาศสามโครงการเพื่อสร้างระบบบริการอัจฉริยะแบบใหม่ร่วมกับนักพัฒนาและพันธมิตร

วันนี้ OPPO เริ่มงานประชุม 2019 OPPO Developer Conference (ODC) ณ กรุงปักกิ่ง ภายใต้หัวข้อ “Innovation and Intelligence” ในที่ประชุมได้มีการเปิดเผยถึงการริเริ่มที่จะร่วมมือกันระหว่างนักพัฒนาและพันธมิตรของ OPPO ในการสร้างระบบบริการอัจฉริยะแบบใหม่ ทั้งสามโครงการที่ถูกกล่าวในที่ประชุมนี้ประกอบไปด้วย การสนับสนุนนักพัฒนาด้วยโปรแกรม “Gravity Plan 2.0” ซึ่งในปี พ.ศ. 2563 OPPO จะใช้เงินลงทุนมูลค่ากว่า 1 พันล้านหยวน หรือ(ประมาณ 143 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในโครงการ “Five System-level Capability Exposure Engines” และ “IoT Enablement Plan”.

ในปีที่ผ่านมา OPPO มีความก้าวหน้าอย่างน่าทึ่งในการสร้างระบบนิเวศใหม่โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 320 ล้านรายต่อเดือนทั่วโลกบนระบบปฏิบัติการ ColorOS และมีผู้ใช้งานจำนวนมากผ่านการใช้งานบนแอพพลิเคชั่น การบริการ รวมถึงการเข้าถึงด้านเนื้อหาต่างๆด้วย ในปัจจุบัน มีนักพัฒนาซอฟต์แวร์กว่า 120,000 คน ทำงานในส่วนของแพลตฟอร์มของ OPPO ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ได้เปิดให้บริการแก่ผู้ใช้งานมากกว่า 3 พันล้านครั้งต่อวัน

OPPO ลงทุนมูลค่า 1 พันล้านหยวนในการสร้าง “Gravity Plan 2.0” เพื่อเชื่อมต่อระหว่างผู้พัฒนาและผู้ใช้งาน
ในงาน 2018 Developer Conference OPPO ได้เปิดตัว “Gravity Plan” ซึ่งมีมูลค่าในการสร้างสูงถึง 1 พันล้านหยวนเพื่อสนับสนุนนักพัฒนาที่มากความสามารถทั่วโลก นับตั้งแต่นั้นมาจึงทำให้เกิดพื้นที่จัดเก็บสำหรับแอปพลิเคชันมากกว่า 2,000 แอปพลิเคชั่น ผลที่ได้คือผู้ใช้งานเข้าถึง “Gravity Plan” กว่า 9.2 พันล้านครั้งและมียอดดาวน์โหลดมากกว่า 180 ล้านครั้ง

คุณ Henry Duan Vice President, Internet Services OPPO กล่าวในงานว่า “ด้วย ColorOS ที่เปิดให้ใช้งานครอบคลุมในกว่า 140 ประเทศและในทุกภูมิภาคทั่วโลกนั้น “Gravity Plan 2.0” สร้างขึ้นตามแผนในปีที่แล้วเพื่อการสนับสนุนการใช้งานในพาร์ทเนอร์ทั้งด้าน applications, services, content และ global development” Duan กล่าว

เปิดประสบการณ์ที่หลากหลายในสถานการณ์ต่างๆ ด้วยการเปิดตัว “Five System-level Capability Exposure Engines” เพื่อให้นักพัฒนาสามารถเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีต่างๆในระบบของ OPPO ได้อย่างราบรื่นและรวดเร็ว อีกทั้งยังมอบประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้นนั้น OPPO จึงได้เปิดตัว “Five System-level Capability Exposure Engines”ขึ้น ซึ่งได้แก่เทคโนโลยี Hyper Boost, Link Boost, CameraUnit, MediaUnit, and ARUnit รวมถึง OPPO จะนำเอาประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้งานทั่วโลกมาพัฒนาและปรับปรุงร่วมกับนักพัฒนาและพาร์ทเนอร์ของ OPPO

คุณ Andy Wu, Vice President, Software Engineering, OPPO กล่าวว่า “ด้วยการเปิดตัว “Five System-level Capability Exposure Engines”, OPPO จะช่วยให้นักพัฒนาความสามารถให้มีความคิดสร้างสรรค์ เปิดมุมมองจากสถานการณ์ต่างๆ สร้างมูลค่าจากการทำงานได้อย่างสูงสุดและสร้างโลกใบนี้เป็นโลกแห่งการการเชื่อมต่ออัจฉริยะที่แท้จริง”

แผนการเปิดใช้งาน “IoT Enablement Plan” และ แพลตฟอร์มบริการ HeyThings IoT เร่งให้เทคโนโลยีควบคู่ไปพร้อมการบริการ คาดว่าการรวมกันของเทคโนโลยีจะนำไปสู่อนาคต OPPO ประกาศว่าจะเปิดตัว “IoT Enablement Plan” และเป้าหมายของการเปิดโปรโตคอล HeyThings IoT ของ OPPO แพลตฟอร์มบริการ HeyThings IoT และโปรโตคอลการเชื่อมต่อเสียงสำหรับพันธมิตรด้าน IoT แพลตฟอร์มบริการ HeyThings IoT ที่เพิ่งได้รับการพัฒนาใหม่นั้นคาดว่าจะใช้งานผ่านแพลตฟอร์มเปิดของ OPPO ในไตรมาสที่ 1 ปี 2020 ในขณะที่เฟสแรกของโปรโตคอลการเชื่อมต่อเสียงคาดว่าจะเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2563

Bobee Liu, Vice President, Intelligent Mobile Devices, OPPO ยังเปิดเผยว่า OPPO จะเปิดตัวสมาร์ทวอทช์รุ่นแรก OPPO Watch และแพลตฟอร์มเพื่อสุขภาพซึ่งจะถูกจัดวางเป็นอุปกรณ์เชิงกลยุทธ์ที่ OPPO จะใช้เพื่อสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งกับพันธมิตร

Tony Chen, Founder and CEO, OPPO ได้กล่าวใน OPPO INNO DAY ของปีนี้ว่า OPPO เป็น “ตั้งแต่เริ่มแรก OPPO เป็นมากกว่าแค่ผู้ผลิตโทรศัพท์” OPPO วางแผนลงทุน 5 หมื่นล้านหยวน (7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับการวิจัยและพัฒนาใน 3 ปีข้างหน้าเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี ทั้งในด้านฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์และ 5G, AI, AR, ข้อมูลขนาดใหญ่และเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่น ๆ ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทั่วทั้งอุตสาหกรรม สู่อนาคตแห่งความสำเร็จร่วมกัน OPPO สร้างระบบนิเวศใหม่ของบริการอัจฉริยะในยุคของการเชื่อมต่ออัจฉริยะ

แสดงความคิดเห็น

Exit mobile version