HOME PR News AIS มุ่งสร้างการเติบโตร่วมกันของ ระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI 2022

AIS มุ่งสร้างการเติบโตร่วมกันของ ระบบเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI 2022

AIS ได้รับการจัดอันดับในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ทั้งในกลุ่มดัชนีโลกและดัชนีตลาดเกิดใหม่ (DJSI World and Emerging Markets Indices) ในปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามวิสัยทัศน์การเป็นองค์กรโทรคมนาคมอัจฉริยะ หรือ Cognitive Tech-Co ที่วันนี้ AIS ได้นำขีดความสามารถของโครงข่ายอัจฉริยะในฐานะผู้ให้บริการดิจิทัลมาขับเคลื่อนเกิดการเติบโตร่วมกัน สู่การสร้างสมดุลทั้งในมิติด้าน “เศรษฐกิจ” ในการมุ่งนำนวัตกรรมดิจิทัลเทคโนโลยีมาสร้างประโยชน์เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย “ด้านสังคม” ทั้งการสนับสนุนให้สังคม ชุมชนสามารถเข้าถึงบริการดิจิทัลให้สามารถใช้งานได้อย่างเหมาะสมและปลอดภัย รวมถึงการดูแลพนักงานให้มีความพร้อมต่อการแข่งขัน และในด้าน “สิ่งแวดล้อม” ที่ได้วางนโยบายเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโดยมุ่งลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการดำเนินธุรกิจและส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน รวมถึงการเป็นแกนกลางด้านองค์ความรู้และจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์หรือ E-Waste นำเทคโนโลยี Blockchain มาพัฒนากระบวนการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์บนแพลตฟอร์ม E-Waste+ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศดีขึ้น

นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AIS กล่าวว่า “ในฐานะผู้นำของอุตสาหกรรมโทรคมนาคมและผู้ให้บริการดิจิทัลทำให้เราวางเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจด้วยการยกระดับคุณภาพมาตรฐานเพื่อให้ Digital Infrastructure ของประเทศมีความพร้อมต่อการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจตามกรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในเรื่องของ เศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียกับองค์กรอย่างรอบด้าน”

AIS วางกรอบการทำงานเพื่อการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน ซึ่งครอบคลุมทั้งในเรื่องของ เศรษฐกิจ ที่นอกเหนือจากการเดินหน้าขยายสัญญาณโครงข่าย 5G อย่างต่อเนื่องแล้ว เรายังต่อยอดศักยภาพของโครงข่ายอัจฉริยะให้เกิดประโยชน์ต่อภาคส่วนต่างๆ ในการเดินหน้าสู่ Digital Economy ด้วยโซลูชันและนวัตกรรมดิจิทัล รวมถึงการพัฒนาระบบการป้องกันภัยไซเบอร์และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้มีมาตรฐานระกับสากล

ด้านสังคม ที่วันนี้ AIS มุ่งสร้างการเข้าถึงดิจิทัลให้กับทุกคนในสังคม ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมให้แก่คนไทยภายใต้โครงการ AIS อุ่นใจไซเบอร์  ที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างความปลอดภัยด้านการใช้งานดิจิทัลให้กับคนไทย โดยเราเป็นต้นแบบของผู้เล่นในอุตสาหกรรมที่ลุกขึ้นมายกระดับทักษะดิจิทัลของคนไทยสู่การเป็น Digital Citizen ผ่านการพัฒนาเครื่องมือด้านเทคโนโลยี ในรูปแบบของบริการดิจิทัลที่ช่วยป้องกัน คัดสรรการใช้งานออนไลน์หรือโซเชียลมีเดียอย่างปลอดภัย และการสร้างภูมิปัญญา การตระหนักรู้เพื่อส่งเสริมและสร้างทักษะดิจิทัลให้คนไทยรู้เท่าทันภัยไซเบอร์ผ่านหลักสูตรการเรียนรู้ อุ่นใจไซเบอร์ ที่ได้รับรองจากกระทรวงศึกษาธิการซึ่งเป็นไปตามมาตรฐานของระบบการศึกษาไทย รวมถึงในมุมของพนักงานเรายังให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างให้บุคลากรมีความพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงรองรับการขยายตัวของธุรกิจ

และในด้านสิ่งแวดล้อม ที่เราวางนโยบายการทำงานเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ มุ่งลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการใช้เทคโนโลยี Power Saving Features ในการวางแผนจัดสรรการใช้งานอุปกรณ์โครงข่ายให้เหมาะสม และส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียนจากการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บริเวณสถานีฐาน ศูนย์ข้อมูลคอมพิวเตอร์ และชุมสายสถานีฐาน การชวนลูกค้าให้มีส่วนร่วมด้วยการลดใช้กระดาษเปลี่ยนมาใช้ e-bill แล้วกว่า 8.4 ล้านราย พร้อมเป็นผู้ให้บริการรายแรกที่ลุกขึ้นมาสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของ E-Waste ผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในทุกอุตสาหกรรม ซึ่งล่าสุดเราได้นำเทคโนโลยี Blockchain มาพัฒนากระบวนการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ก่อนนำเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแบบ Zero landfill เพื่อให้องค์กรสามารถจัดการ E-Waste ได้ด้วยตนเอง บนแพลตฟอร์ม E-Waste+

นายสมชัย กล่าวเสริมในช่วงท้ายว่า “สำหรับการได้รับเลือกเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ทั้งในกลุ่มดัชนีโลกและดัชนีตลาดเกิดใหม่ หรือ DJSI World Index และ DJSI Emerging Markets Index อีกครั้งในปีนี้ จะเป็นมาตรฐานที่เรานำมาใช้ในการทำงานเพื่อวางนโยบายในการขับเคลื่อนธุรกิจ และยังถือเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นสิ่งที่พวกเราชาว AIS มีความตั้งใจ สามารถสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้ศักยภาพของโครงข่ายอัจฉริยะมาสร้างประโยชน์และผลักดันให้องค์กรธุรกิจ ภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ให้เกิดการทำงานร่วมกันเพื่อนำดิจิทัลเทคโนโลยีไปขยายผลสร้างเป็นจุดแข็งให้กับประเทศต่อไป”

แสดงความคิดเห็น

Exit mobile version