ในแต่ละปีต้องบอกว่ามีสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ เปิดตัวมากมายตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นใหญ่ระดับตัวท๊อป แต่ถ้าให้เลือกสมาร์ทโฟนหนึ่งรุ่นที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย ทั้งด้านความบันเทิง การใช้งานในชีวิตประจำวัน กล้องถ่ายภาพ รวมถึงดีไซน์ที่ไม่เป็นรองใคร ต้องยกให้ Xiaomi 14T Series เป็นสมาร์ทโฟนตัวเก่งตอบโจทย์ทุกการใช้งานสุดคุ้มที่ดีที่สุดของปี 2024

Xiaomi 14T Series มาพร้อมกัน 2 รุ่น ทั้ง Xiaomi 14T และ Xiaomi 14T Pro ซึ่งไม่ว่าจะเลือกรุ่นไหนก็ต้องบอกว่าตอบโจทย์การใช้งานอย่างคุ้มค่าแน่นอน ซึ่งเราจะมาดูกันที่ละข้อเลยว่า 5 เหตุผลที่ยกให้ Xiaomi 14T Series เป็นสมาร์ทโฟนสุดคุ้มแห่งปีมีอะไรบ้าง
สารบัญ
- กล้องถ่ายภาพ Master Light, Capture Night ระดับมืออาชีพ
- รองรับการทำงาน Advanced AI
- ประสิทธิภาพการทำงานจัดเต็ม
- แบตฯ ใหญ่ ชาร์จเร็ว
- ดีไซน์สวย หน้าจอใหญ่ระดับแฟลกชิป
1. กล้องถ่ายภาพ Master Light, Capture Night ระดับมืออาชีพ
เริ่มต้นจากเรื่องของกล้องถ่ายภาพที่เรียกว่าเป็นจุดเด่นหลักของรุ่นนี้ ตามสโลแกน “Master Light, Capture Night” ที่ยังคงทำงานร่วมกันพัฒนากับ Leica มีความเป็นเอกลักษณ์ โดยครั้งนี้ยังได้กล้องถ่ายภาพมาพร้อมเลนส์ Leica Summilux ที่เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็น Leica เข้ากับนวัตกรรมของมือถือ ช่วยให้การถ่ายภาพได้ในระดับมืออาชีพ

ในแต่ละรุ่นจะมีความต่างกันของกล้องเล็กน้อย โดยที่ Xiaomi 14T Pro กล้องมีรูรับแสงขนาดใหญ่ f/1.62 รับแสงได้เพิ่มขึ้น 36% ช่วยเพิ่มคุณภาพในการถ่ายภาพในที่แสงน้อยให้ได้ความละเอียดคมชัด ส่วนตัว Xiaomi 14T มีรูรับแสง f/1.7 ซึ่งมีขนาดใหญ่ ช่วยให้การจับภาพแต่ละเฟรมได้แสงและเงาในระดับมืออาชีพ
การที่กล้องถ่ายภาพมีรูรับแสงขนาดใหญ่ยังช่วยในเรื่องของการลดนอยส์ เก็บรายละเอียดของภาพในสภาพแวดล้อมแสงน้อยได้ดี ทำให้การถ่ายภาพกลางคืนมีความคมชัด สีสันสวยงาม ทั้งยังช่วยเรื่องเอฟเฟ็กละลายฉากหลังให้เด่นชัดมากขึ้น สามารถแยกวัตถุหรือตัวแบบออกจากพื้นหลังได้อย่างชัดเจน ทำให้ภาพถ่ายบุคคลโดดเด่นขึ้นมา นอกจากนี้ การที่มีรูรับแสงขนาดใหญ่ยังสามารถเปิดรับแสงได้เร็ว และเมื่อกดชัตเตอร์ทำได้เร็วขึ้น จะช่วยลดอาการภาพเบลอและสั่นไหว จับภาพได้คมชัดทุกสภาพแสง
Xiaomi 14T Pro มีกล้องหลัง 3 เลนส์ มาพร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Light Fusion 900 เขนาดใหญ่ 1/1.31 นิ้ว ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี Dual ISO Fusion Max ทำให้มีความไวแสงที่ดีเยี่ยม แบ่งออกเป็น
- กล้องหลัก 50MP รูรับแสง f/1.6 เซ็นเซอร์ Light Fusion 900 ขนาด 1/1.31″ รองรับกันสั่น OIS
- เลนส์ Telephoto 50MP รูรับแสง f/1.9 ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 60 มม.
- เลนส์ Ultra-wide 12MP รูรับแสง f/2.2 ทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 15 มม.

Xiaomi 14T Pro นอกจากจะมาพร้อมกล้องเลนส์ Leica แล้ว ยังครอบคลุมทางยาวระยะโฟกัสหลายแบบ ตั้งแต่ 15 มม. 23 มม. และ 60 มม. และยังใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี In-Sensor-Zoom ของกล้องหลัก 23 มม. และเลนส์เทเลโฟโต้ 60 มม. ผ่านการครอบตัดภาพ ทำให้ได้ระยะทางยาวโฟกัสเพิ่มเติม 46 มม. และ 120 มม. เรียกว่าถ่ายภาพได้ตั้งแต่ระยะใกล้แบบมาโครไปจนถึงไกลได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์และภาพยังมีความคมชัดสูง
ระยะความยาวโฟกัสที่แตกต่างกันถึง 5 ช่วยให้เก็บภาพได้ครบทุกสถานการณ์
- 15 มม. สำหรับเก็บภาพมุมกว้างพิเศษ ทิวทัศน์
- 23 มม. เป็นมุมกว้างมาตรฐานสำหรับการถ่ายภาพในชีวิตประจำวัน
- 46 มม. เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลในสภาพแวดล้อมต่างๆ หรือภาพแนวสตรีท
- 60 มม. เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลในระยะใกล้หรือรายละเอียดช่วงกลาง โดยที่ไม่ต้องเดินเข้าไปใกล้ตัวแบบ
- 120 มม. ระยะการถ่ายเทเลโฟโต้สำหรับวัตถุระยะไกล ให้เห็นภาพใกล้และชัดขึ้น









ส่วนกล้องหลังของ Xiaomi 14T มาพร้อมเซ็นเซอร์รับภาพ Sony IMX906 รุ่นใหม่ ขนาด 50MP ซึ่งมีขนาดเซ็นเซอร์ใหญ่ถึง 1/1.56 นิ้ว ทำงานร่วมกับรูรับแสงขนาดใหญ่ f/1.7 และระบบกันสั่น OIS รวมถึงการทำงานของ HDR ก็มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เก็บรายละเอียดภาพที่มีแสงซับซ้อนได้ดี ช่วยให้การถ่ายภาพในที่แสงน้อยมีความคมชัดและเก็บรายละเอียดของสีและแสงได้อย่างน่าทึ่ง โดยมีกล้องแบ่งออกเป็น
- กล้องหลักเซ็นเซอร์ IMX906 ขนาด 1/1.56 นิ้ว ความละเอียด 50MP, รูรับแสง f/1.7 รองรับกันสั่น OIS
- เลนส์ Telephoto 50MP ระยะ 50mm, f/1.9
- เลนส์ Ultra-Wide Angle 12MP, f/2.2

ส่วนกล้องของ Xiaomi 14T มีระยะทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 15 มม. 23 มม. และ 50 มม. โดยใช้เทคโนโลยี In-Sensor-Zoom เลนส์เทเลโฟโต้ 50 มม. ช่วยขยายความสามารถในการครอปภาพทำให้ได้ระยะทางยาวโฟกัสเพิ่มเติมที่ 100 มม. สามารถเก็บภาพได้ครอบคลุมทุกระยะเช่นกัน
ระยะทางยาวโฟกัสของ Xiaomi 14T มีให้ใช้งาน 4 ระยะที่แต่กต่างกัน
- 15 มม. สำหรับการถ่ายภาพมุมกว้างพิเศษ เหมาะสำหรับการถ่ายทิวทัศน์
- 23 มม. มุมกว้างมาตรฐาน สำหรับการถ่ายภาพในชีวิตประจำวัน
- 50 มม. เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลที่ยังอยากได้ฉากหลัง หรือภาพแนวสตรีท
- 100 มม. การถ่ายเทเลโฟโต้สำหรับวัตถุระยะไกล





Leica photographic styles
Xiaomi 14T Series รองรับการถ่ายภาพสไตล์ Leica ด้วย Leica Authentic และ Leica Vibrant ที่มีไอคอนให้เลือกเปิดใช้งานได้ที่มุมขวาบน เป็นการเลือกใช้สีสันและความแตกต่างของแสงให้ได้ภาพที่มีความคลาสสิกตามแบบฉบับของ Leica ซึ่งจะประมวลผลตามไฟล์ RAW ในช่วงสี P3 ช่วยให้ความละเอียดของภาพยังคมชัดมากที่สุด


Leica Authentic เป็นภาพโทนเอกลักษณ์ของ Leica ที่ให้คอนทราสต์สูงระหว่างแสงและเงา ปรับความสว่างลดลงและมีการไล่โทนสีในอุณหภูมิเย็น และขอบของภาพมืด ให้อารมณ์คล้ายกับการถ่ายภาพฟิล์ม
Leica Vibrant เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็น Leica กับปัจจุบัน โดยภาพที่ได้จะมีแสงสว่างและความอิ่มตัวของสีมากขึ้น เพิ่มเอฟเฟกต์ HDR โดยที่ขอบภาพไม่มืด เหมาะกับการถ่ายภาพที่มีสีสันสดใส




นอกจากนี้การถ่ายภาพสไตล์ Leica บน Xiaomi 14T Series ยังมาพร้อมลูกเล่นฟิลเตอร์กล้อง Leica อีก 6 แบบให้เลือกใช้งาน เพิ่มความแตกต่างให้กับภาพถ่ายและสามารถสื่ออารมณ์ความรู้สึกออกมาผ่านสีสันต่างๆ ของฟิลเตอร์ได้ ไม่ว่าจะเป็น
- Leica Vivid ให้สีภาพในโทนอุ่น มีความชัดเจนของสี ให้ภาพออกมามีชีวิตชีวา
- Leica Natural โทนสีย้อนยุคแต่ไม่ถึงกับดำ ออกสีน้ำตาล เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคลโทนสีธรรมชาติ
- Leica Black & White Natural สร้างภาพถ่ายบุคคลคนขาวดำแบบเป็นธรรมชาติ ไล่โทนสี และทรงพลัง
- Leica Black & White High Contrast โทนสีเข้มเน้นสื่อถึงอารมณ์
- Leica ซีเปียสไตล์ย้อนยุคในสีโทนอุ่น
- Leica Blue ย้อนอดีตโทนสีฟ้าเย็นๆ





ถ่ายภาพบุคคลได้อย่างมืออาชีพ
ในโหมดถ่ายภาพบุคคลได้มีการใช้อัลกอริทึมของภาพถ่ายด้วยคอมพิวเตอร์ขั้นสูง เพื่อให้สามารถถ่ายภาพบุคคลในระยะที่แตกต่างกันได้ถึง 4 ระยะ ซึ่งจะได้ภาพถ่ายบุคคลที่มีความเป็นอาชีพเหมือนใช้กล้องระดับไฮเอนด์ แบ่งระยะต่างๆ ออกเป็น
- Documentary – เลนส์สารคดี 35 มม. : เป็นระยะที่โฟกัสในมุมเดียวกับสายตา สามารถเก็บภาพคนและฉากหลังได้พร้อมกัน
- Swirly bokeh – เลนส์โบเก้หมุนวน 50 มม. : เน้นตัวบุคคลให้มีความโดดเด่นชัดเจน พื้นหลังเบลอหมุนเป็นวงเล็กน้อย ได้ภาพที่สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกได้เป็นอย่างดี
- Portrait lens – พอร์ตเทรต 75 มม. : เลนส์ถ่ายภาพบุคคลแบบคลาสสิก แยกพื้นหลังอย่างเป็นธรรมชาติพร้อมโบเก้ที่นุ่มนวล เหมาะกับการถ่ายภาพพอร์ตเทรตครึ่งบน
- Soft focus – เลนส์นวลแสง 90 มม. : เน้นภาพคนใกล้ขึ้น พร้อมกับการเปิดรูรับแสงกว้าง ให้ได้ภาพที่มีความเบลอฟรุ้งๆ มีความละมุนมากขึ้น









เซลฟี่สวยด้วยกล้อง 32MP
Xiaomi 14T Series ยังมีกล้องหน้าความละเอียด 32MP สามารถถ่ายเซลฟี่พร้อมปรับแต่งหน้าสวย หรือจะใช้โหมดพอร์ตเทรตให้ได้ภาพที่มีความคมชัดและฉากหลังละลายเนียนๆ ได้เหมือนกล้องหลัง และยังรองรับการถ่ายแบบ HDR ที่ไม่ว่าจะสภาพแสงแบบไหนก็ยังเห็นฉากหลังและใบหน้าได้อย่างชัดเจนพร้อมกับสีสันที่มีความเป็นธรรมชาติ



แค่เหตุผลแรกก็บอกไปแล้วว่ามีส่วนในการตัดสินใจให้ Xiaomi 14T Series เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์สำหรับคนชอบถ่ายภาพ เพราะเรื่องของกล้องที่ได้ความเป็นมืออาชีพแบบ Leica เข้ามาเติมเต็มทำให้ภาพถ่ายออกมาสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
2. รองรับการทำงาน Advanced AI
ในยุคที่สมาร์ทโฟนหลายรุ่นก้าวสู่ยุค AI แล้วมีหรือที่ทาง Xiaomi 14T Series จะพลาด เพราะรุ่นนี้มีการทำงานร่วมกับ Google และ Microsoft Azure ในการดึงความสามารถและประโยชน์ของ AI มาใช้งานกับอุปกรณ์ ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาข้อความ รูปภาพ หรือจะเป็นการทำงานร่วมกับฟีเจอร์กล้อง และรวมถึงการทำงานของชุดแอพพลิเคชั่น AI ของทาง Xiaomi เองก็จัดมาให้ใช้งานเต็มๆ อาทิ


AI Interpreter เป็นการใช้งานแปลแบบเรียลม์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขั้นสูง ทั้งการแปลแบบเห็นหน้า การแปลทางโทรศัพท์ หรือการตรวจจับภาษาอัตโนมัติ เพื่อให้สามารถแปลภาษาได้อย่างเต็มรูปแบบ รองรับการใช้งาน 12 ภาษา
AI Photo Edit
Xiaomi 14T Series ระดับการถ่ายภาพบนมือถือด้วยฟีเจอร์ AI Image Edit กับฟังก์ชั่น AI Image Expression สามารถแก้ไขเฟรมภาพถ่ายหรือองค์ประกอบที่ไม่สมบูรณ์ให้ออกมาในแบบที่ควรจะเป็น ด้วยการจัดเฟรมใหม่อย่างสร้างสรรค์ และ AI Magic Removal Pro สามารถระบุและลบวัตถุที่ไม่ต้องการ หรือเติมพื้นที่ว่างด้วยวัตถุต่างๆ ด้วย AI ที่มีความเป็นธรรมชาติ




- AI Message Assistant เขียนข้อความใหม่ในสไตล์ที่หลากหลายด้วย Gemini Nano ที่ติดตั้งมาบนเครื่อง
- AI Recorder ถอดเสียงเป็นข้อความ สรุปการประชุมหรือใช้การแปลโดย AI
- AI Portrait สร้างอวตารดิจิตอลส่วนบุคคลจากภาพถ่าย
จะเห็นว่า Xiaomi 14T Series ก็เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่รองรับการทำงานด้วย AI อย่างชาญฉลาด ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เราใช้งานบนสมาร์ทโฟนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
3. ประสิทธิภาพการทำงานจัดเต็ม
Xiaomi 14T Series ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity ระดับท๊อป แตกต่างกันของซีรีย์ โดยที่ Xiaomi 14T Pro ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9300+ ขนาด 4 นาโนเมตร และเป็นชิปเซ็ตนุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีแกนขนาดใหญ่ทั้งหมด ได้แก่ Cortex-X4 (1bคอร์) ความเร็วสูงสุด 3.4GHz + Cortex-X4 (3 คอร์) ความเร็วสูงสุด 2.85GHz และ Cortex-A720 (4 คอร์) ความเร็วสูงสุด 2.0GHz มาพร้อม GPU Arm Immortalis-G720 MC12 12-core รองรับเทคโนโลยี Ray Tracing รุ่นที่ 2 ช่วยในเรื่องของการเล่นเกมให้มีความสมจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแสงและเงา รวมถึงทำให้ตัวเครื่องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังได้ MediaTek NPU 790 ช่วยการประมวลผล AI บนอุปกรณ์ได้เร็วและมีความปลอดภัยสูง

นอกจากนี้ Xiaomi 14T Pro ยังมาพร้อมระบบระบายความร้อน Xiaomi 3D IceLoop ซึ่งเป็นการอัพเกรดระบบระบายความร้อนเดิมจาก Vapor Chamber ปรับให้มีโครงสร้างแบบโค้งนูน 3D ครอบคลุมพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร ทำให้ตัวเครื่องกระจายความร้อนได้ดี ทั้งขณะที่ใช้งาน เล่นเกม หรือในขณะชาร์จ ช่วยให้อุปกรณ์รักษาระดับประสิทธิภาพที่ดีได้เป็นระยะเวลานาน
ส่วน Xiaomi 14T ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8300 นำสถาปัตยกรรม CPU Armv9 มาใช้ ช่วยให้การทำงานโดยรวมของ CPU และ GPU เร็วขึ้นและประหยัดพลังงาน ทำให้การใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกม เปิดแอปพลิเคชัน ถ่ายภาพ หรือเพื่อความบันเทิงก็ทำได้เต็มที่ไม่มีสะดุด นอกจากนี้ยังทำงานร่วมกับ MediaTek NPU 780 ที่ช่วยในการประมวลผล AI

ส่วนระบบระบายความร้อนบน Xiaomi 14T ก็ใช้ Xiaomi IceLoop ที่ใช้ท่อระบายความร้อนแบบวงแหวน ประกอบด้วยเครื่องระเหย คอนเดนเซอร์ ห้องเติมของเหลวและท่อส่งก๊าซและของเหลว เมื่อสมาร์ทโฟนทำงานหนักเครื่องระเหยก็จะเปลี่ยนความร้อนเป็นสารทำความเย็นผ่านเส้นใยขนาดเล็กเพื่อให้ความร้อนกระจายออก ช่วยรักษาประสิทธิภาพการใช้งานบนสมาร์ทโฟนเครื่องนี้ได้ยาวนานขึ้น

4. แบตฯ ใหญ่ ชาร์จเร็ว
Xiaomi 14T Pro มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5000mAh ซึ่งใช้งานได้ยาวนานตลอดทั้งวัน เพราะตัวชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9300+ ขนาด 4 นาโนเมตรและ Xiaomi HyperOS ช่วยให้อายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น 14% แต่หากแบตฯ หมดก็ไม่ต้องกังวล รองรับการชาร์จด้วย 120W HyperCharge ช่วยให้แบตฯ เต็ม 100% ในเวลาเพียง 18 นาที 35 วินาที และยังรองรับชาร์จไร้สาย 50W Wireless HyperCharge สามารถชาร์จได้ถึง 50% ใน 20 นาที
นอกจากการรองรับชาร์จเร็วแล้ว Xiaomi 14T Pro ยังมี ชิปชาร์จเร็ว Surge P2 ที่เป็นเอกสิทธิ์ของเสียวหมี่ และชิปจัดการแบตเตอรี่ Surge G1 ที่รองรับรอบการชาร์จได้ถึง 1,600 รอบ และมีฟีเจอร์ป้องกันความปลอดภัยในขณะชาร์จ 64 รายการ มั่นใจได้ว่ามีความปลอดภัยในขณะชาร์จ

สำหรับ Xiaomi 14T ก็ให้แบตฯ มาที่ ขนาด 5000mAh รองรับชาร์จเร็ว 67W HyperCharge สามารถชาร์จเต็มได้ในเวลา 44 นาที 21 วินาที และมีชิปจัดการแบตเตอรี่ Surge G1 ที่รองรับรอบการชาร์จได้ถึง 1,600 รอบ และมีฟีเจอร์ป้องกันความปลอดภัยในขณะชาร์จ 64 รายการ เช่นกัน
5. ดีไซน์สวย หน้าจอใหญ่ระดับแฟลกชิป
ดีไซน์ตัวเครื่องของ Xiaomi 14T Pro และ Xiaomi 14T มีความคล้ายกันแต่ก็ก็มีบางจุดแตกต่างกันเล็กน้อย โดยรวมมีการออกแบบอย่างประณีตให้สัมผัสเหมือนสมาร์ทโฟนระดับแฟลกชิป
Xiaomi 14T Pro มีขอบตัวเครื่องโค้งมนรวมทั้งฝาหลัง วัสดุมันเงาให้สัมผัสลื่นสบายมือ โดยจะมีตัวเลือก 3 สี ได้แก่ Titan Black, Titan Blue, Titan Gray
ส่วน Xiaomi 14T จะมีตัวเครื่องเหลี่ยมกว่าทั้งด้านข้างและฝาหลัง จับถือถนัดมือ มีตัวเลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ Titan Black, Titan Blue, Titan Gray, Lemon Green

หน้าจอใหญ่ Next-gen 144Hz CrystalRes AI Display
ในส่วนของหน้าจอเรียกว่าจัดเต็มทั้งคู่ ใช้จอแบบแบน CrystalRes AMOLED Display ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ความละเอียด 1.5K+ (2712 x 1220 พิกเซล) ใช้งานลื่นไหลด้วย AdaptiveSync refresh Rate 144Hz ซึ่งสามารถปรับได้คงที่หรือจะให้ใช้งานอัติโนมัติก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งได้รวบรวมเทคโนโลยี FIAA เข้ามาช่วยออกแบบหน้าจอให้แคบเป็นพิเศษ ทำให้ได้จอที่มีขอบบางเพียง 1.7 มม. ใช้งานได้กว้างเต็มตา

ส่วนเทคโนโลยีหน้าจอยังไม่หมด ยังเป็นจอที่มี Touch Simple Rate สูงสุด 480Hz ตอบโจทย์สำหรับใครที่ชอบเล่นเกมแบบลื่นๆ ยังแสดงผลแบบ Dolby Vision และ HDR 10+ แสดงผล 12bit และเป็นจอวัสดุเรืองแสง generation ใหม่ที่ให้ความสว่างสูงสุด 4000nit ไม่ว่าจะใช้งานในที่กลางแจ้งแค่ไหนก็ยังเห็นตัวหนังสือและคอนเทนต์ต่างๆ ได้อย่างคมชัด

นอกจากนี้หน้าจอของ Xiaomi 14T Series ยังทำงานร่วมกับ AI ทั้งด้านการปรับเอฟเฟกต์หน้าจอ เรื่องของแสงในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน เพื่อปกป้องสุขภาพของดวงตา เช่น
- AI Auto Brightness ปรับความสว่างของหน้าจอด้วยพฤติกรรมและสถานการณ์ของผู้ใช้
- AI Adeptive Color ปรับอุณหภูมิสีตามสภาพแสงโดยรอบเพื่อให้การรับชมที่แตกต่างกัน ให้สีสันสมจริง
- AI Touch Control เพิ่มความไวต่อการสัมผัสเมื่อใช้งานในขณะสวมถุงมือ มือเปียก หรือติดฟิล์มกันรอย ให้หน้าจอตอบสนองการสัมผัสได้ทันที
- AI Eyes-Care รองรับการหรี่แสงแบบ PWM 3840Hz ในสภาวะแสงน้อยและการหรี่แสง DC ในสภาวะแสงปกติ เพื่อป้องกันดวงตาตลอด 24 ชั่วโมง
- ส่งแล้ว

เรื่องของดีไซน์ตัวเครื่องก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลหลักๆ ในการเลือกใช้สมาร์ทโฟนสักเครื่อง ทั้งเรื่องของความสะดวกสบายในการจับถือและความสวยงาม เพราะเปรียบเหมือนเป็นอีกหนึ่งเครื่องประดับที่ติดตัวเราตลอดทั้งวัน และสำหรับ Xiaomi 14T Series ยังได้ประสิทธิภาพหน้าจอแบบแฟลกชิป ตอบโจทย์การใช้งานทั่วไปและความบันเทิงได้อย่างจัดเต็ม
ทั้งหมดนี้เป็นเหตุผลที่เลือกให้ Xiaomi 14T Series เป็นสมาร์ทโฟนสุดคุ้มที่ดีที่สุดแห่งปี 2024 ตอบโจทย์การใช้งานครอบคลุมทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องกล้องที่เรียกว่าจัดเต็ม ด้วยความร่วมมืออย่างยาวนานกับ Leica ทำให้สมาร์ทโฟนของ Xiaomi โดดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพได้อย่างมืออาชีพ

สำหรับใครที่อยากสัมผัสประสบการณ์แบบ “Master Light, Capture Night” สามารถเป็นเจ้าของ Xiaomi 14T Series ได้แล้วทั้งสองรุ่น
Xiaomi 14T Pro มีตัวเลือกทั้งหมด 3 สี คือ Titan Black, Titan Blue, Titan Gray วางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่
- รุ่น RAM 12GB + ROM 512GB ราคา 21,990 บาท
- รุ่น RAM 12GB + ROM 1TB ราคา 24,990 บาท
Xiaomi 14T มีตัวเลือกทั้งหมด 4 สี คือ Titan Black, Titan Blue, Titan Gray, Lemon Green วางจำหน่าย 2 รุ่น ได้แก่
- รุ่น RAM 12GB + ROM 512GB ราคา 15,990 บาท
- รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 17,990 บาท