แต่ละปีมีสมาร์ทโฟนเปิดตัวและวางจำหน่ายมากมาย โดยแต่ละรุ่นก็มีการพัฒนาเทคโนโลยีให้ตอบโจทย์การใช้งานในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย หรือเรื่องของหน่วยประมวลผลก็มีส่วนสำคัญในการใช้งาน ยังมีเรื่องของกล้องถ่ายรูปที่หลายคนมองเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ในการเลือกซื้อสมาร์ทโฟน ในปีนี้เราก็มีโอกาสได้รีวิวสมาร์ทโฟนหลายรุ่น แต่มีหนึ่งรุ่นที่อยากจะยกให้เป็น “Smartphone of The Year 2023” คือที่สุดของสมาร์ทโฟนในปีนี้กับประสิทธิภาพการทำงานจัดเต็ม ตอบโจทย์การใช้งานคุ้มค่า ในราคาจับต้องได้ กับ “Xiaomi 13T Series”
แล้วมีเหตุผลอะไรที่เราเลือกให้ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro เป็นที่สุดของ Smartphone of The Year 2023 ของปีนี้
ถ่ายภาพสวยระดับมืออาชีพ
เหตุผลแรกที่ยกให้ Xiaomi 13T Series เป็นสมาร์ทโฟนแห่งปีคือเรื่องของกล้องถ่ายภาพสวยที่เทียบเท่าระดับมืออาชีพ ซึ่งยังได้พาร์ทเนอร์อย่าง Leica ที่ร่วมกันพัฒนาชุดเลนส์ให้กล้องถ่ายภาพด้านหลังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนถ่ายจากกล้องโปรฯ ทั้งยังใส่ความเป็นเอกลักษณ์ของ Leica มาพร้อมเลนส์ Summicron – LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50 มม. ASPH สามารถปรับแสงสว่างได้อัตโนมัติ ทำให้ได้ภาพที่มีสีสันเป็นธรรมชาติ และครอบคลุมมาตราฐานสี DCI-P3 100% ที่มีช่วงสีกว้างขึ้น เก็บรายละเอียดของสีได้ครบถ้วน โดยที่กล้องหลังมีทั้งหมด 3 เลนส์ แบ่งออกเป็น
- กล้องหลักเลนส์ optical ระดับโปรจาก Leica ความละเอียด 50MP, รูรับแสง f/1.9, รองรับกันสั่น OIS, AF
- กล้อง Telephoto 50MP, f/1.9, ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม., AF, Digital Zoom 20x
- กล้องมุมกว้าง 12MP, รูรับแสง f/2.2
ทำงานร่วมกับ Leica
หากพูดถึงการถ่ายภาพและวิดีโอบน Xiaomi 13T Series ที่ทำภาพถ่ายออกมาสวยสมจริงแล้วนั้น เป็นการทำงานร่วมกันกับ Leica มาอย่างต่อเนื่อง ในการสร้างชุดเลนส์และพัฒนาระบบถ่ายภาพให้ออกมาที่ดีสุด ทำให้ได้กล้องหลักมุมกว้างความละเอียด 50MP มีความยาวโฟกัสเทียบเท่า 24 มม. พร้อมเลนส์ Aspherical 7P โดยที่ตัวเลนส์เคลือบด้วย ALD หลายชั้น ช่วยเพิ่มอัตราการผ่านของแสงมายังเลนส์ได้มากขึ้น และยังช่วยลดการสะท้อนของแสงได้ดี ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีความคมชัด หรือแม้แต่ตอนถ่ายย้อนแสง หรือถ่ายภาพกลางคืนก็ได้ภาพที่สมจริง เก็บรายละเอียดได้ครบทั้งวัตถุและฉากหลัง มาพร้อมยังมีเลนส์ Telephoto 50MP ที่มีความยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม. และกล้องอัลตร้าไวด์ 12MP มีความยาวโฟกัสเทียบเท่า 15 มม.
นอกจากนี้ การถ่ายภาพยังโดดเด่นด้วยสไตล์การถ่ายแบบดั้งเดิมด้วย Leica Authentic Look ให้แสงและเงาที่คมชัด มีความเป็นธรรมชาติสมจริง และ Leica Vibrant Look ให้สีสันสว่างสดใส มีชีวิตชีวา รวมถึงลูกเล่นที่บ่งบอกความเป็น Leica ที่ใส่มาให้ใช้งานบน Xiaomi 13T Series ไม่ว่าจะเป็นฟิลเตอร์ที่มีให้เลือกใช้งานถึง 6 แบบ เช่น Leica Vivid, Leica Natural, Leica BW High Contrast หรือเสียงชัตเตอร์ที่ให้ความคลาสสิก ลายน้ำ Leica ปรับแต่งได้ถึง 3 แบบ และระยะการถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่มีให้เลือกใช้งานตั้งแต่ 35 มม., 50 มม. และ 90 มม. ซึ่งจะเห็นได้ว่าฟีเจอร์ของกล้องถ่ายภาพมีความโดดเด่นและผลลัพธ์ที่ได้ก็มีความเป็นมืออาชีพ
ในส่วนของกล้องถ่ายภาพยังมี Xiaomi Imaging Engine อัลกอริธึมภาพอัจฉริยะทีช่วยจับภาพถ่ายได้เร็ว รวมถึงการปรับแต่งด้วย AI ใเหมาะสมกับฉากหรือสิ่งที่กำลังถ่าย และเทคโนโลยี Xiaomi ProFocus ช่วยล็อกโฟกัสสิ่งที่เคลื่อนไหวเร็ว เช่น เด็ก สัตว์เลี้ยง ให้ถ่ายภาพง่ายขึ้นและมีความคมชัด ทำให้การทำงานของกล้องถ่ายภาพออกมาสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
ตัวอย่างภาพถ่ายจากกล้อง Xiaomi 13T Series
ดีไซน์สวย พรีเมียม
เหตุผลต่อมาคงยกให้เรื่องของดีไซน์ที่มีความสวยงาม เรียกว่าเรียบแต่แฝงด้วยความพรีเมียม โดยตัวเครื่องออกแบบให้จับถือกระชับมือด้วยขอบเหลี่ยม มีฝาหลังโค้งรับขณะถือ และยังออกแบบโมดูลกล้องเป็นสีดำตัดกับสีของฝาหลังได้อย่างลงตัว และเป็นสมาร์ทโฟนที่มีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ แต่ตัวเครื่องหนักเพียง 193 กรัม (Alpine Blue) หรือหนักมากสุดเพียง 206 กรัม (Meadow Green/ Black) มาพร้อมกับสีสันให้เลือกใน 3 สไตล์ที่เป็นตัวเอง ได้แก่
- สี Alpine Blue ฝาหลังหนังเทียม PU มีความแข็งแรงทนทาน เช็คทำความสะอาดง่ายเมื่อโดนสิ่งสกปรก ไม่เกิดรอยนิ้วมือให้กวนใจ และยังระบายความร้อนได้ดี
- สี Meadow Green ฝาหลังเป็นกระจกสีเขียวที่ให้ความรู้สึกสบายตา สัมผัสลื่นและมีความพรีเมียม ใช้วัสดุช่วยป้องกันรอยนิ้วมือได้อีกด้วย
- สี Black ตัวเครื่องสีดำคลาสสิก และเป็นวัสดุเดียวกันกับสี Meadow Green ทนทานต่อการขีดข่วนและรอยนิ้วมือ
กันน้ำ – กันฝุ่น มาตราฐาน IP68
นอกจากนี้ ตัวเครื่องของ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro ยังรองรับการกันน้ำ – กันฝุ่น มาตราฐาน IP68 ไม่ว่าจะใช้งานในสถานการณ์ที่ตั้งใจโดนน้ำ หรือแบบไม่ตั้งใจ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลว่าเครื่องจะได้รับความเสียหายหรือพังแน่นอน เป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่ตอบโจทย์คนใช้งานสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ในชีวิตประจำวัน เรียกว่ามีให้มายังดีกว่าไม่มี
หน้าจอคมชัด เทคโนโลยีระดับรุ่นท๊อป
การใช้งานสมาร์ทโฟนกับหน้าจอแบบสัมผัสเป็นของคู่กัน ยิ่งได้หน้าจอที่แสดงผลคมชัดสวยงาม ใช้งานลื่น แน่นอนว่าจะเพิ่มอรรถรสในการใช้งานเพื่อความบันเทิง หรือคอนเทนต์ต่างๆ ได้ดีขึ้น ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ Xiaomi 13T Series เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ให้หน้าจอมาเหมือนรุ่นท๊อป โดยมีหน้าจอแสดงผล Corning Gorilla Glass 5 แบบ DotDisplay เทคโนโลยี CrystalRes AMOLED ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2712 x 1220 พิกเซล ซึ่งจะเห็นว่ามีพื้นที่ใช้งานเกือบเต็ม มีขอบดำเล็กน้อยและเท่ากันทุกมุม ทำให้การใช้ต่างๆ บนหน้าจอทำได้กว้างเต็มตา
นอกจากนี้ ยังยกเทคโนโลยีหน้าจอที่มีในรุ่นท๊อปมาใส่ไว้บน Xiaomi 13T Series ทั้งการแสดงผลสีแบบ 68 พันล้านสี รองรับรีเฟรชเรท AdaptiveSync สูงสุด 144Hz สามารถปรับได้ตั้งแต่ 30/60/90/120/144Hz ขึ้นอยู่กับแอปพลิเคชั่นและการแสดงผลที่รองรับ และหน้าจอปรับความสว่างได้สูงสุด 2600nits ใช้งานได้ทุกสภาพแสงแม้แต่ในที่โล่งแจ้งก็ยังเห็นหน้าจอได้อย่างคมชัด
ความโดดเด่นของหน้าจอยังไม่หมดเท่านี้ ยังรองรับ HDR10+ ที่ทำให้การแสดงผลภาพมีความสมูทสมจริง ให้ความเพลิดเพลินในการรับชม และยังเป็นหน้าจอที่รองรับมาตราฐาน DCI-P3 และ TrueColor ทำให้สีสันที่แสดงบนจอมีความสมจริง เป็นธรรมชาติเหมือนกับที่ตามองเห็นสิ่งเหล่านั้นนอกจอ และยังมีฟีเจอร์ป้องปกดวงตาในขณะที่ใช้งานตอนแสงน้อย หรือตอนกลางคืน และสามารถหรี่ไฟ PWM สูงถึง 2880Hz ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาที่เกิดจากการกระพริบ ไม่ว่าจะใช้งานในสภาพแสงแบบไหน หรือใช้งานต่อเนื่องก็ยังสบายตาและไม่เป็นอันตราย
ชิปเซ็ตทรงพลัง
เรื่องของชิปเซ็ตก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้สมาร์ทโฟนขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าทั้งคู่จะใช้ชิปเซ็ตต่างกัน แต่เรื่องของการทำงานมั่นใจได้ว่าเต็มที่และทรงพลัง โดยที่ Xiaomi 13T ใช้ชิป MediaTek Dimension 8200-Ultra ขนาด 4nm โดดเด่นในเรื่องของการประหยัดพลังงาน มาพร้อม RAM 12GB (LPDDR5) สามารถเพิ่มได้สูงสุดอีก 8GB ทำให้มี RAM มากถึง 20GB และหน่วยความจำภายใน ROM 256GB (UFS 3.1) ทำงานได้ลื่นไหลไม่สะดุด
ส่วน Xiaomi 13T Pro ใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200+ Octa Core ความเร็ว 3.35GHz กับระบบประมวลผลในตัว GPU Arm Immortalis-G715 ออกแบบมาโดยเฉพาะ เน้นการทำงานด้านกราฟิก ประมวลผลภาพราบรื่น ทำงานคู่กับ RAM 12/16GB (LPDDR5X) สามารถเพิ่มได้สูงสุดอีก 8GB และหน่วยความจำภายใน ROM 256GB/1TB (UFS 4.0) ทำให้ทั้งคู่ทำงานโดดเด่นคนละด้าน แต่ประสิทธิภาพจัดเต็ม
แบตฯ ใหญ่ ชาร์จเร็วไม่รอนาน
สมาร์ทโฟนหลายรุ่นในปัจจุบันมาพร้อมแบตฯ ขนาดใหญ่ แต่บางรุ่นก็ยังไม่รองรับชาร์จเร็ว ทำให้เสียเวลากับการชสร์จแบตฯ ไปมาก หรือต้องรอนาน แต่สำหรับ Xiaomi 13T Series ให้แบตฯ มาขนาดใหญ่ถึง 5000mAh และรองรับชาร์จเร็วทั้งคู่ ต่างกันที่ความเร็วในการชาร์จเท่านั้น ซึ่ง Xiaomi 13T Pro รองรับ Xiaomi 120W HyperCharge สามารถชาร์จแบตฯ เต็ม 100% ได้ในเวลาแค่ 19 นาที ส่วน Xiaomi 13T รองรับชาร์จเร็ว Xiaomi 67W turbo charging เต็มได้ในเวลา 42 นาที ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาในการชาร์จแบตฯ ข้ามคืน
อีกหนึ่งจุดเด่นที่สำคัญคือระบบชาร์จเร็วมีความปลอดภัยสูง มาพร้อมชิปเซ็ต Xiaomi Surge G1 พัฒนาจาก ISP (Internal ShortagePrecaution), SOA (Safety Operating Area), DTPT (Dynamic Turbo Power Technology) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะในการเพิ่มความปลอดภัยขณะชาร์จ และช่วยให้แบตฯ ใช้งานได้นานขึ้น
ทั้งหมดที่กล่าวมาก่อนหน้า เรียกว่าเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ Xiaomi 13T Series เป็นสมาร์ทโฟนที่สุดของปีนี้ ทั้งเรื่องประสิทธิภาพการทำงานจัดเต็มระดับรุ่นท๊อป เรื่องการถ่ายภาพที่ต้องยกให้เป็นที่หนึ่ง ออกแบบชุดเลนส์และพัฒนาร่วมกับแบรนด์กล้องชั้นนำอย่าง Leica และความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปแบบไม่ต้องเสียดาย
สำหรับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนเครื่องให้ หรือดูเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลที่กำลังมาถึงนี้ อยากให้ Xiaomi 13T Series เป็นตัวเลือกแรก เพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานแบบครบคุ้มทุกด้าน ให้สมกับการเป็น Smartphone of The Year 2023 ที่ทางเรายกให้
ราคาและการวางจำหน่าย
Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro มีตัวเลือก 3 สี ได้แก่ Alpine Blue, Meadow Green และ Black วางจำหน่ายในราคา
Xiaomi 13T Pro
- รุ่น RAM 12GB + ROM 512GB ราคา 19,990 บาท
- รุ่น RAM 16GB + ROM 1TB ราคา 23,990 บาท (มีวางจำหน่ายที่ Xiaomi Store และช่องทางออนไลน์เท่านั้น)
Xiaomi 13T
- รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 15,990 บาท
- จำหน่ายที่ Xiaomi Store, Xiaomi Zone, ร้านค้าที่ร่วมรายการ, และช่องทางออนไลน์ ส่วน Xiaomi 13T Pro ความจุ 16GB+1TB มีวางจำหน่ายที่ Xiaomi Store และช่องทางออนไลน์เท่านั้น
