เปิดตัวแท็บเล็ตรุ่นใหม่ Samsung Galaxy Tab S8 series มาพร้อมหน้าจอใหญ่ทรงพลัง

เปิดตัว Galaxy Tab S8 series 3 ตัวเลือก Galaxy Tab S8 | S8+ | S8 Ultra โดย Tab S8 Ultra

ฟีเจอร์สุดพรีเมียมเพื่อเพิ่มความโปรดักทีฟ รวมถึงการเชื่อมต่อผ่านกาแลคซี่ อีโคซิสเต็มได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้แท็บเล็ตเครื่องนี้พร้อมทำหน้าที่เป็นเพื่อนคู่คิดสมาร์ทบัดดี้คู่ใจไปพร้อมกับทุกคน บนโลกที่ไม่เคยหยุดนิ่งใบนี้

ในปัจจุบันที่คนเราได้หันมาใช้แท็บเล็ตเพื่อวิดีโอคอลหรือสตรีมมิงมากขึ้น ทำให้ Galaxy Tab S8 ได้รับการพัฒนาเพื่อตอบโจทย์เรื่องนี้โดยเฉพาะ ด้วยการนำเสนอกล้องหน้ามุมกว้างพิเศษ (Ultra-wide front camera) ไมโครโฟน 3 ตัว และฟีเจอร์การจัดเฟรมอัตโนมัติ (Auto Framing)[1] ที่สามารถจับภาพผู้ใช้ได้ทุกขณะที่เคลื่อนไหว เพื่อมอบประสบการณ์การวิดีโอคอลแบบมืออาชีพ พร้อมด้วยการรองรับการทำงานแบบมัลติทาสก์ ผ่านฟีเจอร์ Multi-active Windows[2] ที่สามารถแบ่งหน้าจอใช้งานพร้อมกันได้สูงสุด 3 จอ, Samsung DeX และ Quick Share[3] เพื่อการแชร์ไฟล์อย่างง่ายดายและปลอดภัย เพราะมีการตั้งรหัสผ่านเพื่อป้องกันข้อมูล รวมถึง S Pen ที่มาให้อย่างครบครันในกล่อง พร้อมใช้งาน ไม่ต้องซื้อเพิ่ม โดยทั้งหมดนี้ทำงานบนชิปเซ็ต 4 นาโนเมตร ใหม่ที่แรงและเร็วที่สุด

นายทีเอ็ม โรห์ ประธานธุรกิจ โมบายล์ เอ็กซ์พีเรียนซ์ ซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ กล่าวว่า “จากการที่ผู้คนใช้งานวิดีโอมากขึ้น ทั้งในด้านการเชื่อมต่อสื่อสารและการรับชมคอนเทนต์เพื่อความบันเทิง ทำให้ซัมซุงทราบดีว่าสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการคือแท็บเล็ตที่มีหน้าจอขนาดใหญ่ แต่ยังคงพกพาสะดวก ซึ่งจากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา
หลายปีของซัมซุงในการสร้างสรรค์นวัตกรรม เราจึงได้นำองค์ความรู้ทั้งหมดมาใช้กับ Galaxy Tab S8 series เพื่อผลักดันขีดจำกัดของผลิตภัณฑ์กลุ่มแท็บเล็ต ผ่านการนำเสนอ Galaxy Tab S8 Ultra ในครั้งนี้”

เปิดประตูสู่โลกกว้างด้วย Galaxy Tab S8 Ultra

Galaxy Tab S8 Ultra จะมอบประสบการณ์ระดับพรีเมียมที่แตกต่างจาก Galaxy Tab รุ่นอื่นๆ ก่อนหน้านี้ ด้วยหน้าจอ Super AMOLED  ขนาดใหญ่ 14.6 นิ้ว ที่มาพร้อมอัตรารีเฟรช 120Hz พร้อมขอบหน้าจอที่บางที่สุดเพียง 6.3 มิลลิเมตร เพื่อให้ผู้ใช้ได้ดื่มด่ำกับทุกคอนเทนต์บนหน้าจออย่างเต็มที่ ซึ่งไม่เพียงแต่ขอบจอบางพิเศษเท่านั้น เพราะตัวเครื่องก็บาง เบา และแข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากการใช้วัสดุ Armor Aluminum[4] ที่ป้องกันรอยขีดข่วนได้มากถึง 30% รวมถึงลดโอกาสที่จะเกิดการงอลงกว่า Galaxy Tab S7 ถึง 40%

ด้วยกล้องหน้าคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และคุณภาพวิดีโอระดับ 4K จะทำให้การวิดีโอคอลเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยีการจัดเฟรมอัตโนมัติ (Auto Framing) จะทำให้ภาพของผู้ใช้ที่ปรากฏบนหน้าจอได้รับการโฟกัสอยู่เสมอ ถึงแม้จะมีการซูมเข้า-ออก เพื่อเปลี่ยนมุมมองตามจำนวนคนที่มาร่วมเฟรมอยู่ด้วยก็ตาม
พร้อมกันนี้ ด้วยไมโครโฟนทั้งหมด 3 ตัวที่มาพร้อมเทคโนโลยีลดเสียงรบกวนขั้นสูง ทำให้ผู้ใช้สนทนาระหว่างประชุมได้อย่างไม่ต้องกังวลเสียงรอบตัว ปิดท้ายด้วยระบบเสียง Dolby Atmos®  ที่มีใน Galaxy Tab S8 ทั้งสามรุ่นจะช่วยให้เสียงที่ออกมาคมชัด สมจริงทุกรายละเอียดอีกด้วย

ที่สุดในทุกเรื่อง ทั้งการทำงาน ความบันเทิง และการเชื่อมต่อ

ไม่ว่าจะเป็นการขีดเขียนวาดภาพเพื่อปลุกความเป็นศิลปินในตัว การเล่นเกมสุดมันส์แบบไม่มีสะดุด หรือการทำงานสไตล์มัลติทาส์กได้อย่างลื่นไหล Galaxy Tab S8 คือแท็บเล็ตทรงประสิทธิภาพเครื่องนั้นที่ทุกคนมองหา ด้วยชิปเซ็ต4 นาโนเมตร Snapdragon 8 Gen 1 ที่เร็วแรงที่สุดในแท็บเล็ตของซัมซุง โดย Galaxy Tab S8 ทั้งสามรุ่นมาพร้อมกับหน่วยความจำหลัก (RAM) 8 กิกะไบต์ และพื้นที่จัดเก็บข้อมูล (ROM) ที่ 128 กิกะไบต์ ซึ่งทุกรุ่นยังสามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้มากสุดถึง 1 เทราไบต์ ด้วยการ์ด microSD[5] ที่วางจำหน่ายแยก

นอกจากนี้ ด้วยเครือข่าย 5G[6] ที่มาพร้อมกับทั้งสามรุ่นในครั้งนี้ ยังสามารถทำให้การแชร์คอนเทนต์ การเรียนออนไลน์ หรือเช็คอีเมลระหว่างเดินทางเกิดขึ้นได้ในเสี้ยววินาที

ทั้งนี้ ด้วยแบตเตอรี่อัจฉริยะที่ใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน ทำให้ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน Galaxy Tab S8 ก็พร้อมใช้งานเสมอ ซึ่งเหมาะเป็นอย่างยิ่งสำหรับการดูคอนเทนต์แบบมาราธอนต่อเนื่องยาวนานหลายชั่วโมง[7] หรือหากใช้งานจนแบตเตอรี่ใกล้หมด ก็สามารถชาร์จเร็วแบบ 45 วัตต์ ที่การชาร์จเพียง 80 นาที[8] แบตเตอรี่ก็กลับมาพร้อมใช้งาน 100% และจากการทำงานร่วมกันภายใต้กาแลคซี่อีโคซิสเต็ม ผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนแท็บเล็ตให้เป็นที่ชาร์จแบบพกพาได้ทันที[9] เพียงเชื่อมต่อ Galaxy Tab S8 เข้ากับ Galaxy S22 series ผ่านสาย USB-C เท่านั้น

Galaxy Tab S8+ | S8 Ultra มาพร้อมกับ S Pen เวอร์ชั่นใหม่ที่มีความหน่วงต่ำ[10] และอัลกอริธึมคาดคะเนลายเส้นล่วงหน้า ซึ่งจะมอบประสบการณ์การเขียนราวกับการใช้ปากกาจริงเขียนลงบนกระดาษ โดยครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกของซัมซุง กับการร่วมมือกับ Clip Studio Paint เพื่อเปลี่ยนสมาร์ทโฟนซัมซุงให้กลายเป็นจานสีดิจิทัล S Pen ให้เป็นพู่กัน และหน้าจอขนาดใหญ่ของ Galaxy Tab S8 เป็นผืนผ้าใบ โดยผู้ใช้สามารถเลือกเครื่องมือและรูปแบบหัวแปรงได้ตามต้องการ รวมถึงยังสามารถเลือกสีมาใช้โดยดึงมาจากภาพจริงที่เซฟไว้ในสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย

จากความสามารถในการบันทึกวิดีโอด้วยความละเอียดคมชัดระดับ 4K ของทั้งกล้องหน้าแบบ Ultra-wide และกล้องหลังใน Galaxy Tab S8 Ultra ทำให้ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์ครีเอเตอร์ หรือสตรีมเมอร์ ก็สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ต้องการได้ผ่านฟีเจอร์ Selfie Video[11] ที่ติดตั้งอยู่ในโหมดการบันทึกหน้าจอ (Screen Recorder) ซึ่งด้วย
แอปพลิเคชันตัดต่อวิดีโอ อย่าง LumaFusion’s[12] ที่พร้อมให้บริการในเร็วๆ นี้ จะทำให้ผู้ใช้สามารถใช้ Galaxy Tab S8 และ S Pen เพื่อตัดต่อวิดีโอได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ของ Galaxy Tab S8 Ultra ผู้ใช้ยังสามารถแบ่งหน้าจอได้สูงสุด 3 หน้าต่าง เพื่อเปิดใช้งานหลายแอปพลิเคชันพร้อมกันโดยไม่ต้องสลับไปมาให้เสียเวลา ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดชมคอนเทนต์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ค้นหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ พร้อมทำพรีเซนเทชั่นไปพร้อมกันก็สามารถทำได้บนหน้าจอเดียว

เพราะแท็บเล็ตมีบทบาทสำคัญในการทำหน้าที่เชื่อมต่อสื่อสารระหว่างผู้คน ซัมซุงจึงได้ร่วมมือกับ Google เพื่อมอบประสบการณ์การวิดีโอคอลและการแชร์หน้าจอขณะไลฟ์ (Live Sharing)[13] ที่ดียิ่งขึ้นผ่าน Google Duo[14] ที่จะทำให้ผู้ใช้สามารถรับชมวิดีโอบน YouTube ไปพร้อมกันกับเพื่อนๆ หรือแชร์หน้าจอเพื่อปรึกษาหารือระหว่างประชุม รวมถึงแบ่งปันไอเดียใหม่ๆ ผ่าน Jamboard[15] ซึ่งเป็นไวท์บอร์ดอินเตอร์แอคทีฟของ Google ได้อีกด้วย

ชีวิตเริ่มต้นด้วยซัมซุง กาแลคซี่

Galaxy Tab S8 เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานได้อย่างลื่นไหลภายใต้กาแลคซี่อีโคซิสเต็ม ด้วยการเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อนี้ ทำให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น พร้อมทั้งสามารถกำหนดประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ตได้ดังต้องการ ผ่านอินเตอร์เฟซ One UI Tab 4.1 ที่จะมอบการเชื่อมต่ออันแสนราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อไปยังสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์พีซีก็ตาม

ระหว่างเดินทาง หากมีไอเดียน่าสนใจเกิดขึ้น ผู้ใช้สามารถใช้งาน S Pen เพื่อจดรายละเอียดเหล่านั้นลงใน Samsung Notes พร้อมแชร์ไปยังสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่ได้ในภายหลัง เพื่อให้สะดวกต่อการกลับมาย้อนดูอย่างง่ายดายยามที่ต้องการ ซึ่งด้วยฟีเจอร์ Quick Share จะทำให้การแชร์รูปภาพ วิดีโอ หรือไฟล์ต่างๆ ระหว่าง Galaxy Tab S8 และ Galaxy S22 Ultra เป็นเรื่องง่าย รวมถึงฟีเจอร์ Auto Switch[16] ที่จะทำให้ Galaxy Buds สามารถเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งนี่ยังถือเป็นครั้งแรกที่กาแลคซี่แฟนสามารถใช้งาน Samsung Health ผ่านทางแท็บเล็ตของซัมซุงเพื่อดูวิดีโอออกกำลังกาย หรือติดตามข้อมูลด้านสุขภาพและผลลัพธ์การออกกำลังกายที่เชื่อมต่อกับ Galaxy Watch ได้บนจอที่ใหญ่ขึ้นได้อีกด้วย นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนให้ Galaxy Tab S8 เป็นจอมอนิเตอร์พกพาจอที่สอง[17] ที่มาพร้อมทัชสกรีน เมื่อ
ใช้งานคู่กับคอมพิวเตอร์พีซีของซัมซุง เพื่อรองรับการทำงานได้หลากหลายยิ่งขึ้น หรืออาจจะใช้งาน Samsung DeX[18]


แสดงความคิดเห็น