พลิกโฉมประสบการณ์การใช้แท็บเล็ต กับหน้าจอที่ใหญ่กว่า ด้วย Samsung Galaxy Tab S8 Ultra

ด้วยไลฟ์สไตล์การทำงานที่เปลี่ยนไปของคนยุคใหม่ ทั้งการทำกิจกรรมหลายอย่างพร้อมกัน การทำงานจากที่ไหนก็ได้โดยไม่ต้องเข้าออฟฟิศ หลายคนจึงมองหาอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวก เพิ่มความคล่องตัว แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างครบถ้วน ซึ่งความต้องการเหล่านี้ เป็นสิ่งที่คอมพิวเตอร์พีซีไม่สามารถให้ได้ เพราะข้อจำกัดในด้านการพกพาและความยุ่งยากในการเข้าใช้งานโปรแกรมต่างๆ ด้วยเหตุนี้ แท็บเล็ตจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน จากเอกลักษณ์ของหน้าจอขนาดใหญ่ซึ่งสามารถใช้งานได้รอบด้าน ทั้งการเรียน การทำงาน และความบันเทิง ที่เข้าถึงได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัส

ถึงแม้ว่าจากผลการสำรวจของ IDC จะพบว่าในปีที่ผ่านมา ผู้คนเริ่มหันมาใช้แท็บเล็ตเพื่อการทำงานรวมไปถึงความบันเทิงเพิ่มมากขึ้นกว่า 70%[1] แต่จากพูดคุยกับผู้ใช้งานจริง ทำให้ซัมซุงได้ทราบถึงอีกหนึ่งมุมมองว่าพวกเขายังคงคิดว่าขนาดของหน้าจอคือข้อจำกัดที่ทำให้การทำงานไม่สะดวกเท่าที่ควร จนเป็นสาเหตุให้ต้องอุปกรณ์หลายเครื่องเวลาไปทำงานนอกสถานที่ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ซัมซุงได้พัฒนา Galaxy Tab S8 Ultra แท็บเล็ตรุ่นใหม่ที่พร้อมจะฉีกกฎการใช้งานแบบเดิมๆ เพื่อการทำงานอย่างเต็มที่และโปรดัคทีฟยิ่งกว่าเคย

Ultra หน้าจอที่ใหญ่กว่า มาพร้อมกับความสามารถที่มากกว่า

ด้วยหน้าจอ Super AMOLED ขนาดใหญ่ 14.6 นิ้วที่มาพร้อมอัตรารีเฟรช 120Hz ของ Galaxy Tab S8 Ultra ช่วยให้ผู้ใช้รับชมทุกคอนเทนต์ได้แบบเต็มตา อ่านและแก้ไขเอกสารต่างๆ ได้อย่างชัดเจนครบทุกรายละเอียด ตลอดจนใช้งานด้านความบันเทิงได้อย่างจุใจ ด้วยขอบจอที่บางกว่าทำให้เพิ่มพื้นที่การมองเห็นได้มากกว่าแท็บเล็ตทั่วไป และด้วยหน้าจอขนาดใหญ่ยังช่วยให้ใช้งานแบบมัลติทาส์กได้อย่างยอดเยี่ยมผ่านฟีเจอร์ Multi-Active Window[2] ที่สามารถเปิดใช้แอปพลิเคชันได้มากถึง 3 แอปฯ ในเวลาเดียวกัน อีกทั้งยังสามารถปรับขนาดของแต่ละหน้าต่างได้อย่างอิสระ โดยมีรูปแบบการใช้งานถึง 4 เลย์เอาท์ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานในแนวตั้งหรือแนวนอน แล้วแต่ความต้องการของการใช้ทำให้การจดโน้ตควบคู่ไปกับการหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต พร้อมเปิดวิดีโอฟังเพลงไปด้วยระหว่างการทำงานทำได้อย่างง่ายดาย

ถ่ายโดย Galaxy S22 Ultra

ผู้ใช้ยังสามารถแปลงโฉมการใช้งานGalaxy Tab S8 Ultra อันคล่องตัวและบางเบา ให้ทำงานได้เสมือนคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป[3]ผ่านฟังก์ชัน Samsung DeX[4] ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานทั้งแนวตั้งและแนวนอน ทำให้คุณสามารถทำงานได้มากกว่าในรูปแบบที่คุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็น การเปิดแอปพลิเคชันหลายหน้าต่างซ้อนกัน แบบเดียวกับบนเดสก์ท็อป หรือการแสดงพรีเซนต์เทชันเพื่อสู่จอภายนอก อย่าง จอมอนิเตอร์หรือจอทีวี เป็นต้น

เท่านั้นยังไม่พอ หากต้องการเพิ่มประสบการณ์การใช้งานแบบคอมพิวเตอร์พีซีขึ้นไปอีกขั้น ซัมซุงก็ได้เตรียมอุปกรณ์เสริม อย่าง Galaxy Tab S8 Ultra Keyboard Cover[5] เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทุกคน โดยคีย์บอร์ดนี้มาพร้อมทัชแพดแบบเคลือบกระจก ซึ่งตอบสนองต่อการสัมผัสได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับการดีไซน์ปุ่มคีย์บอร์ดให้มีความกว้างขึ้นและไฟเรืองแสงด้านหลัง ไม่ว่าจะพกพาไปทำงานที่ไหน ก็สามารถทำงานได้สะดวก นอกจากนี้ เพื่อรองรับการทำงานหลากหลายดีไวซ์ ผู้ใช้ยังสามารถใช้งานฟีเจอร์ Wireless Keyboard Share เพื่อเชื่อมต่อคีย์บอร์ดให้ทำงานร่วมกับสมาร์ทโฟนซัมซุงกาแลคซี่ได้อีกด้วย ดังนั้น ถึงแม้จะมีเพื่อนแชทมาทางสมาร์ทโฟน ขณะทำงานผ่านแท็บเล็ต ก็ไม่จำเป็นต้องหันไปกดพิมพ์จากอีกเครื่องให้วุ่นวาย เพราะทุกอย่างสามารถทำได้ผ่านคีย์บอร์ดนี้ได้โดยตรง

เติมเต็มประสบการณ์การใช้งานด้วย S Pen ที่มีมาในกล่อง ไม่ต้องซื้อเพิ่ม

Galaxy Tab S8 Ultra มาพร้อมกับปากกา S Pen เวอร์ชันใหม่ล่าสุด ที่ถูกสร้างมาเพื่อเสริมประสบการณ์การทำงานและจินตนาการโดยเฉพาะ โดยผู้ใช้สามารถจรด S Pen ที่มีความหน่วงต่ำ[6] เพื่อขีดเขียนลากเส้นได้อย่างลื่นไหล บนหน้ากระดาษดิจิทัลขนาดใหญ่ได้ทันทีโดยไม่จำเป็นต้องชาร์จ[7] รวมไปถึงการจดโน้ตในระหว่างการประชุม ดราฟต์ไอเดียสดใหม่ หรือออกแบบลายเส้นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผ่านตัวเลือกปากกาที่มีอย่างหลากหลายในแอปฯ Samsung Notes

สำหรับสายครีเอทีฟ Galaxy Tab S8 ได้ร่วมมือกับแอปฯ Clip Studio Paint เพื่อเอาใจคนที่ชื่นชอบการวาดภาพ กับความสามารถในการเปลี่ยนสมาร์ทโฟนซัมซุงให้กลายเป็นจานสีดิจิทัล S Pen ให้กลายเป็นพู่กัน และเปลี่ยนหน้าจอขนาดใหญ่ของ Galaxy Tab S8 ให้เป็นผืนผ้าใบขนาดใหญ่ เพื่อให้ทุกคนมีพื้นที่ในการสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างเต็มที่ โดยผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบและเครื่องมือของพู่กันได้อย่างอิสระ และหากตัวเลือกสียังไม่ถูกใจก็สามารถดึงสีมาจากภาพที่ถ่ายไว้ในแกลลอรี่มาเติมแต่งผลงานได้อีกด้วย

ทั้งนี้ สำหรับสายโปรดัคชั่นหรือคนที่ชอบสร้างสรรค์ผลงานวิดีโอ ก็สามารถใช้แอปฯ  LumaFusion’s[8] เพื่อตัดต่อและแก้ไขฟุตเทจได้อย่างมืออาชีพ พร้อมเพิ่มความแม่นยำในการตัดต่อวิดีโอกับการใช้งานร่วมกับ S Pen  โดยแอปฯ ดังกล่าวจะพร้อมให้บริการในเร็วๆ นี้ บน Galaxy Tab S8 Ultra

วิดีโอคอลได้อย่างคมชัดด้วยกล้องหน้า 2 ตัวและระบบเสียงคุณภาพ

เพื่อตอบโจทย์การทำงานแบบ Work From Anywhere และรองรับการทำงานแบบ Hybrid Working ที่คนต้องทำงานแบบออนไลน์และออฟไลน์ไปควบคู่กัน Galaxy Tab S8 Ultra  จึงได้กล้องหน้าคู่แบบมุมกว้างพิเศษ (Ultra-wide front camera) ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล และคุณภาพวิดีโอระดับ 4K พร้อมฟีเจอร์การจัดเฟรมอัตโนมัติ (Auto Framing)[9] ที่ช่วยจับภาพผู้ใช้ขณะที่เคลื่อนไหว ตลอดจนไมโครโฟน 3 ตัวและระบบเสียง Dolby Atmos® มอบประสบการณ์การประชุม Video Conference ได้อย่างมืออาชีพ นำเสนองานได้อย่างไม่มีติดขัด

ประสิทธิภาพที่ทรงพลังด้วยชิปเซ็ตขนาด 4 นาโนเมตร พร้อมใช้งานได้ตลอดวันกับแบตเตอรี่ขนาดใหญ่

ไม่ว่าจะเป็นการรับชมคอนเทนต์ การทำงานแบบมัลติทาส์กพร้อมกันหลายแอปพลิเคชัน การประชุมออนไลน์ การวาดภาพ จดโน้ต หรือการอัดวิดีโอเพื่อประกอบการนำเสนองาน ไม่ว่าจะกิจกรรมไหน ก็สามารถใช้งาน Galaxy Tab S8 Ultra ได้แบบไม่มีกระตุก เพราะความสามารถทั้งหมดนี้ประมวลผลด้วยชิปเซ็ต 4 นาโนเมตร Snapdragon 8 Gen 1 ที่เร็วแรงที่สุดในแท็บเล็ตของซัมซุง พร้อมกับแบตเตอรี่ขนาด 11,200 มิลลิแอมป์ที่สามารถใช้งานได้ยาวนานตลอดวัน และการชาร์จเร็วแบบ 45 วัตต์ ที่ใช้เวลาชาร์จเพียง 90 นาที แท็บเล็ตก็กลับมาพร้อมใช้งาน 100%[10] ทั้งนี้ ด้วยการทำงานร่วมกันภายใต้กาแลคซี่อีโคซิสเต็ม ผู้ใช้ยังสามารถเปลี่ยนแท็บเล็ตให้เป็นที่ชาร์จแบบพกพาได้ทันที[11] เพียงเชื่อมต่อ Galaxy Tab S8 Ultra เข้ากับ Galaxy S22 Series ผ่านสาย USB-C และสำหรับใครที่ต้องการเพิ่มความจุเพื่อการใช้งานที่มากกว่า ก็สามารถอัปพื้นที่จัดเก็บข้อมูลได้มากสุดถึง 1 เทราไบต์ ด้วยการ์ด microSD ที่มีวางจำหน่ายแยกได้อีกด้วย

นอกจากนี้ เพื่อมอบประสิทธิภาพและประสบการณ์การใช้งานแท็บเล็ตที่ดีที่สุด ซัมซุงได้เตรียมอัปเกรดระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์บน Galaxy Tab S8 Ultra สูงสุดถึง 4 เวอร์ชั่น เพื่อการใช้งานที่ยาวนาน และการอัปเดตด้านความปลอดภัยนานถึง 5 ปี[12] เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้งานได้อย่างไร้กังวลด้วยระบบการรักษาความปลอดภัยเวอร์ชันล่าสุด มอบความอุ่นใจควบคู่ไปกับการดูแลอย่างเต็มที่

Galaxy Tab S8 Ultra วางจำหน่ายแล้ววันนี้ พร้อมกับสีกราไฟต์ (Graphite) สุดคลาสสิก ในราคา 38,900 บาท สำหรับรุ่น Wi-Fi และ 45,900 บาท สำหรับรุ่น 5G สั่งซื้อได้ที่ samsung.com, Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.samsung.com/th/tablets/galaxy-tab-s8/buy


[1] อ้างอิงจาก https://www.idc.com/getdoc.jsp?containerId=prAP48957222

[2] การรองรับ Multi-Active Windows อาจแตกต่างกันไปในแต่ละแอปพลิเคชัน

[3] ฟังก์ชันการใช้งานบางอย่างอาจแตกต่างจากแล็ปท็อป

[4] Samsung DeX รองรับสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตซัมซุง กาแลคซี่บางรุ่น โดยฟีเจอร์เพิ่มเติมจะมีให้ในอุปกรณ์ที่รองรับเท่านั้น ได้แก่ Galaxy S22, Galaxy Tab S8 และอุปกรณ์ที่ใช้ One UI 4.1 ขึ้นไป ซึ่งแอปพลิเคชันที่เข้ากันได้อาจแตกต่างกันไปและบางแอปพลิเคชันอาจไม่สามารถปรับขนาดได้ใน Samsung DeX โดยอุปกรณ์เสริมสำหรับการเชื่อมต่อหน้าจอภายนอกวางจำหน่ายแยก

[5] Keyboard Cover วางจำหน่ายแยก โดยการออกแบบผลิตภัณฑ์ Keyboard Cover อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละรุ่น ทั้งนี้ความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามตลาดและผู้ให้บริการ

[6] เทียบกับ Galaxy Tab S7 โดยความหน่วงที่ 2.8ms วัดเมื่อใช้งานบน Tab S8 Ultra (14.6 นิ้ว) และ Tab S8+ (12.4 นิ้ว) ผ่าน Samsung Notes

[7] รองรับเฉพาะการใช้งานที่ใช้ปากกาสัมผัสบนหน้าจอ เช่นการเขียน จด หรือวาดภาพ

[8] LumaFusion สำหรับแอนดรอยด์จะพร้อมให้ดาวน์โหลดจาก Galaxy Store ภายในครึ่งแรกของปี 2022 ซึ่งเวลาที่แน่นอนของความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับความพร้อมของ LumaTouch ความพร้อมใช้งานอาจแตกต่างกันไปตามตลาด ต้องใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เวอร์ชัน 11 ขึ้นไป ภาษาที่รองรับสำหรับการตั้งค่าซอฟต์แวร์: จีนกลาง ดัตช์ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย สเปน ตุรกี และอังกฤษแบบสหรัฐอเมริกา (US English)

[9] ฟีเจอร์นี้พร้อมใช้งานบน Samsung Camera, BlueJeans, Google Duo, Meta Messenger, Google Meet, New Knox Meeting, Microsoft Teams, Cisco Webex Meet, Zoom และการจัดเฟรมอัตโนมัติใช้ได้เฉพาะกับกล้องหน้าแบบอัลตร้าไวด์เท่านั้น การจัดเฟรมอัตโนมัติใช้ได้เฉพาะกับกล้องหน้าแบบอัลตร้าไวด์เท่านั้น การจัดเฟรมอัตโนมัติจะจดจำเฉพาะบุคคลเท่านั้น และอาจไม่รองรับความละเอียดและอัตราส่วนบางอย่าง ทั้งนี้ ฟังก์ชันบางอย่างอาจไม่สามารถใช้ได้เมื่อเปิดการจัดเฟรมอัตโนมัติ

[10] 80 นาทีในการชาร์จ Tab S8 และ Tab S8+ ให้เต็ม และใช้เวลา 90 นาทีในการชาร์จ Galaxy Tab S8 Ultra ให้เต็ม ความเร็วในการชาร์จจริงอาจแตกต่างกันไปตามการใช้งานจริง เงื่อนไขการชาร์จ และปัจจัยอื่นๆ โดยที่ชาร์จแยกจำหน่าย

[11]  รองรับการชาร์จเร็ว 15W เมื่อปิดหน้าจอแสดงผลของ Tab S8 Ultra และเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนซัมซุง กาแลคซี่บางรุ่น รวมถึง Galaxy S22, Galaxy A53, Galaxy A33 โดยใช้สาย USB Type-C ซึ่งสายเคเบิลอาจจำหน่ายแยกต่างหากขึ้นอยู่กับตลาด โดยไม่รองรับการชาร์จแบบไร้สาย ทั้งนี้ ความเร็วในการชาร์จอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาวะการชาร์จและปัจจัยอื่นๆ

[12] ความพร้อมใช้งานและระยะเวลาของการอัพเกรดและคุณลักษณะของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ อาจแตกต่างกันไปตามรุ่นอุปกรณ์และประเทศ อุปกรณ์ที่มีสิทธิ์อัพเกรดระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์สี่เจเนอเรชันและการอัพเดตความปลอดภัย 5 ปีในปัจจุบัน ได้แก่ Galaxy S22 series(S22/S22+/S22 Ultra), S21 series(S21/S21+/S21 Ultra/S21 FE), Z Fold3, Z Flip3 และ แท็บ S8 ซีรีส์(Tab S8/Tab S8+/Tab S8 Ultra)

แสดงความคิดเห็น