Apple Music เปิดตัวระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อม Dolby Atmos

Apple® ประกาศเปิดตัวคุณภาพเสียงระดับชั้นแนวหน้าของวงการสำหรับสมาชิก Apple Music® โดยการเพิ่มระบบเสียงตามตำแหน่งหรือ Spatial Audio พร้อมการรองรับ Dolby Atmos ซึ่งระบบเสียงตามตำแหน่งนั้นจะเปิดโอกาสให้ศิลปินได้สร้างสรรค์ประสบการณ์ด้านเสียงที่เต็มอิ่มสมจริงสำหรับแฟนเพลงด้วยเสียงแบบหลายมิติที่ชัดเจนทุกรายละเอียด

นอกจากนี้สมาชิก Apple Music ยังสามารถฟังเพลงกว่า 75 ล้านเพลงในเสียงแบบ Lossless อย่างที่ศิลปินตั้งใจสร้างสรรค์ในห้องบันทึกเสียง โดยที่สมาชิก Apple Music จะได้พบกับคุณสมบัติใหม่ๆ เหล่านี้ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

“Apple Music กำลังยกระดับคุณภาพเสียงครั้งใหญ่ที่สุดอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” Oliver Schusser ซึ่งเป็นรองประธานฝ่าย Apple Music และ Beats® ของ Apple กล่าว “การฟังเพลงในแบบ Dolby Atmos นั้นเรียกได้ว่ามหัศจรรย์จริงๆ เพราะเสียงดนตรีจะโอบล้อมคุณจากทุกทิศทางจนคุณจะต้องทึ่ง

และวันนี้เราก็เตรียมนำประสบการณ์ที่เต็มอิ่มสมจริงนี้มาให้ผู้ฟังของเราได้สัมผัสด้วยเพลงจากศิลปินคนโปรดอย่าง J Balvin, Gustavo Dudamel, Ariana Grande, Maroon 5, Kacey Musgraves, The Weeknd และอีกมากมาย ยิ่งกว่านั้นสมาชิกยังจะได้ฟังเพลงในคุณภาพเสียงระดับสูงสุดด้วยเสียงแบบ Lossless อีกด้วย บอกเลยว่า Apple Music กำลังจะเปลี่ยนไปตลอดกาล”

ระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการรองรับ Dolby Atmos

Apple เตรียมยกระดับ Apple Music ด้วยระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการรองรับ Dolby Atmos ซึ่งถือว่าเป็นประสบการณ์สุดล้ำที่ให้เสียงเต็มอิ่มสมจริง และทำให้ศิลปินสามารถมิกซ์เพลงที่มีเสียงโอบล้อมจากทุกทิศทางและจากด้านบนได้ โดยที่ Apple Music จะเล่นแทร็ค Dolby Atmos โดยอัตโนมัติตามค่าเริ่มต้นบน AirPods® และหูฟัง Beats ทุกรุ่นที่มีชิป H1 หรือ W1 รวมถึงลำโพงในตัวของ iPhone®, iPad® และ Mac® รุ่นล่าสุดด้วย

นอกจากนี้ Apple ยังจะเดินหน้าเพิ่มแทร็ค Dolby Atmos ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับคัดสรรเพลงมาจัดทำเป็นเพลย์ลิสต์ Dolby Atmos ชุดพิเศษเพื่อช่วยให้ผู้ฟังได้พบเจอเพลงที่ชื่นชอบ ส่วนอัลบั้มที่มีให้ฟังในแบบ Dolby Atmos ก็จะมีป้ายติดไว้ในหน้ารายละเอียดเพื่อให้สังเกตเห็นได้ง่าย

ในช่วงเปิดตัว สมาชิกจะได้ฟังเพลงหลายพันเพลงในระบบเสียงตามตำแหน่งจากศิลปินชื่อดังระดับโลกมากมาย ครอบคลุมทุกแนวเพลง ตั้งแต่ฮิปฮอป คันทรี่ ละติน ป๊อป จนถึงคลาสสิก และในขณะที่ศิลปินเริ่มสร้างสรรค์เพลงเพื่อมอบประสบการณ์ในแบบ Spatial Audio มากขึ้นเรื่อยๆ Apple Music ก็กำลังร่วมมือกับศิลปินและค่ายเพลงเพื่อเพิ่มระบบเสียงนี้ให้กับเพลงออกใหม่และแทร็คฮิตในแค็ตตาล็อก

ยิ่งกว่านั้น Apple Music ยังร่วมมือกับ Dolby เพื่อช่วยให้นักดนตรี โปรดิวเซอร์ และวิศวกรด้านการมิกซ์สามารถสร้างเพลงในแบบ Dolby Atmos ได้ง่าย ผ่านทางโครงการต่างๆ อย่างการเพิ่มจำนวนห้องบันทึกเสียงที่รองรับ Dolby อีกเท่าตัวในตลาดใหญ่ๆ พร้อมกับจัดทำโปรแกรมเพื่อการศึกษา และให้ข้อมูลความรู้แก่ศิลปินอิสระ

“วันนี้มีการเปิดตัว Dolby Atmos บน Apple Music ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ใหม่แห่งเสียงดนตรีที่จะพลิกโฉมทั้งการสร้างสรรค์เพลงของศิลปิน และการเพลิดเพลินกับเสียงเพลงของแฟนๆ” Kevin Yeaman ซึ่งเป็นประธานและ CEO ของ Dolby Laboratories กล่าว “เรากำลังร่วมมือกับ Apple Music เพื่อทำให้ระบบเสียงตามตำแหน่งและ Dolby Atmos เป็นสิ่งที่นักดนตรีและทุกคนที่รักเสียงเพลงเข้าถึงได้ในวงกว้าง”

J Balvin กล่าวว่า “ผมตื่นเต้นจริงๆ ที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์นี้กับทาง Apple Music เพราะผมอยากล้ำหน้าไปก้าวหนึ่งเสมอ และผมคิดว่านี่แหละคือก้าวที่ผมมองหาอยู่ กับเสียงแบบ Lossless ที่จะทำให้ทุกอย่างในเสียงเพลงดังกระหึ่มและสมจริงยิ่งขึ้น แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า คือคุณภาพดีขึ้นด้วย ตอนที่ผมได้ฟังเสียงและเพลงของตัวเองในแบบ Dolby Atmos ครั้งแรกนั้นเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก เรียกว่าตะลึงจนพูดไม่ออกเลย และผมเชื่อว่าแฟนๆ จะต้องติดใจประสบการณ์ใหม่นี้แน่นอน”

Gustavo Dudamel กล่าวว่า “การได้เป็นวาทยกรควบคุมการบรรเลงเพลง ‘Symphony of a Thousand’ ซึ่งเป็นผลงานชั้นเลิศของ Mahler นั้นถือเป็นประสบการณ์ที่อิ่มเอมและตราตรึงใจชนิดที่ไร้คำบรรยาย แต่วันนี้เทคโนโลยีก้าวหน้ามาจนถึงขั้นที่สามารถนำประสบการณ์นั้นมาอยู่ใกล้กับหู จิตใจ และจิตวิญญาณของเรามากขึ้น ผมอยากเชิญให้ทุกท่านมาดื่มด่ำกับการบรรเลงเพลงแบบสดๆ ร่วมกับวง Los Angeles Philharmonic อันเป็นที่รักของผมทาง Apple Music ซึ่งในครั้งนี้ผ่านการรีมาสเตอร์ด้วยเทคโนโลยีระบบเสียง Dolby Atmos เป็นครั้งแรก และยังมีผลงานการบันทึกเสียงของผมร่วมกับวง LA Phil จากค่าย Deutsche Grammophon ในรูปแบบเสียง 3D อันน่าทึ่งให้ได้ฟังกันอย่างเต็มอิ่มอีกด้วย”

Giles Martin ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ นักแต่งเพลง และนักประพันธ์เพลงที่ได้รับรางวัล Grammy Award กล่าวว่า “ตั้งแต่ที่เริ่มมีการบันทึกเสียง บรรดาศิลปิน โปรดิวเซอร์ และวิศวกรต่างก็พยายามวาดภาพโดยใช้เสียง เพื่อพาผู้ฟังเดินทางสู่โลกที่พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีอยู่ ถึงแม้ว่าเสียงนั้นจะดังมาจากลำโพงตัวเดียวก็ตาม แต่วันนี้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของระบบเสียงที่เต็มอิ่มสมจริง เราสามารถพาผู้ที่หลงใหลในเสียงเพลงเข้าไปอยู่ในเสียงเพลงได้แล้วจริงๆ ตั้งแต่ความรู้สึกของการได้ยินศิลปินคนโปรดอยู่ในห้องเดียวกันกับคุณ จนถึงประสบการณ์ของการนั่งอยู่กลางวงซิมโฟนีออร์เคสตรา

ทั้งหมดนี้จะพลิกโฉมประสบการณ์การฟังไปโดยสิ้นเชิง และสำหรับคนทำเพลงแล้ว บอกเลยว่าความเป็นได้นั้นมีไม่รู้จบ นี่คือก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ในด้านเทคโนโลยี และผมรู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสมิกซ์เพลงของศิลปินชื่อก้องโลกในแบบ Dolby Atmos ไปแล้วหลายราย และงานที่ทำอยู่นี้ก็ทำให้ผมเองได้หลุดเข้าไปอยู่ในอัลบั้มที่ผมรัก เรียกได้ว่าเป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน เพราะผมสามารถดื่มด่ำอย่างเต็มอิ่มกับเสียงเพลงที่ถึงแม้จะคุ้นหู แต่มีกลับมีซาวด์ที่สดใหม่ขึ้นมาทันทีที่ได้ฟัง ซึ่งในฐานะคนทำเพลงแล้ว เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นจริงๆ ที่วันนี้เราสามารถแชร์ประสบการณ์ที่เหลือเชื่อนี้ผ่านทาง Apple Music ได้”

Manny Marroquin ซึ่งเป็นวิศวกรด้านการมิกซ์ กล่าวว่า “ระบบเสียงตามตำแหน่งได้สร้างตัวตนใหม่ให้กับเสียงเพลง จนผมรู้สึกขนลุกครั้งที่ได้มิกซ์เสียงในแบบ Atmos อนาคตมาอยู่ตรงหน้าเราแล้ว”

เสียงแบบ Lossless

นอกจากนี้ Apple Music ยังจะทำให้เพลงกว่า 75 ล้านเพลงในแค็ตตาล็อกมีให้ฟังในแบบ Lossless อีกด้วย โดยที่ Apple ใช้ ALAC (Apple Lossless Audio Codec) เพื่อรักษาทุกรายละเอียดของไฟล์เสียงต้นฉบับไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้สมาชิก Apple Music สามารถเต็มอิ่มกับเสียงเพลงอย่างที่ศิลปินได้สร้างสรรค์ไว้ในห้องบันทึกเสียงทุกประการ

สมาชิกที่ใช้ Apple Music เวอร์ชั่นล่าสุดสามารถเริ่มฟังเสียงแบบ Lossless ได้โดยเข้าไปที่ “การตั้งค่า > เพลง > คุณภาพเสียง” แล้วเปิดใช้งาน อีกทั้งยังสามารถเลือกความละเอียดที่เหมาะสมสำหรับการเชื่อมต่อแบบต่างๆ ได้ อย่างเช่นระบบเซลลูลาร์, Wi-Fi หรือสำหรับการดาวน์โหลด และเสียงแบบ Lossless ของ Apple จะเริ่มที่คุณภาพระดับ CD หรือ 16 บิต ที่ 44.1 kHz และขึ้นไปสูงสุดถึงระดับ 24 บิต ที่ 48 kHz และสามารถเปิดฟังได้ทันทีบนอุปกรณ์ Apple ยิ่งกว่านั้นสำหรับ Audiophile ตัวจริง Apple Music ยังมี Hi-Resolution Lossless สูงสุดถึงระดับ 24 บิต ที่ 192 kHz1

Piper Payne ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ กล่าวว่า “จิตวิญญาณและชีวิตของเสียงที่มิกซ์นั้นอยู่ในข้อมูลยิบย่อยทั้งหลายที่เก็บอยู่ในไฟล์แบบ Lossless ซึ่งในฐานะวิศวกรที่ทำมาสเตอร์ การที่สามารถถ่ายทอดเสียงเพลงไปสู่ผู้ฟังด้วยคุณภาพที่ดีที่สุดนั้นถือเป็นเป้าหมายสูงสุดสำหรับงานที่ผมอยู่ทุกวันนี้”

ความพร้อมใช้งาน

  • สมาชิก Apple Music จะสามารถใช้งานระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อมการรองรับ Dolby Atmos รวมถึงเสียงแบบ Lossless โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
  • ในช่วงเปิดตัวจะมีแทร็คในระบบเสียงตามตำแหน่งพร้อม Dolby Atmos ให้ฟังหลายพันแทร็ค และจะมีแทร็คใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
  • แค็ตตาล็อกของ Apple Music ที่มีเพลงมากกว่า 75 ล้านเพลงจะมีให้ฟังในเสียงแบบ Lossless

ดูข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงรายการอุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้งานร่วมกันได้ที่ apple.com/th/apple-music

1 เนื่องจากเสียงแบบ Lossless และ Hi-Res Lossless มีขนาดไฟล์ที่ใหญ่และต้องใช้แบนด์วิดท์สูง สมาชิกจึงต้องเลือกรับประสบการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ Hi-Res Lossless จะต้องใช้กับอุปกรณ์ภายนอก อย่างตัวแปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นอนาล็อก (DAC) แบบ USB

แสดงความคิดเห็น