ขอแนะนำ M1 Pro และ M1 Max เป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ Apple เคยสร้างมา

Apple® เปิดตัวชิปที่จะปฏิวัติวงการสำหรับ Mac® อย่าง M1 Pro และ M1 Max โดยการยกระดับสถาปัตยกรรม M1 ที่เหนือชั้นอยู่แล้วให้ดียิ่งขึ้นไปอีก จึงทำให้ชิป M1 Pro มีประสิทธิภาพที่น่าทึ่ง แต่ยังคงประหยัดพลังงานชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม ในขณะที่ชิป M1 Max นั้นพุ่งทะยานไปอีกขั้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งเมื่อเทียบกับชิป M1 แล้ว CPU ในชิป M1 Pro และ M1 Max มีประสิทธิภาพ CPU เร็วขึ้นสูงสุด 70% จึงสามารถทำงานต่างๆ อย่างการคอมไพล์โปรเจ็กต์ใน Xcode® ได้เร็วยิ่งกว่าที่เคย

ส่วน GPU ในชิป M1 Pro นั้นเร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 2 เท่า ในขณะที่ชิป M1 Max เร็วกว่าชิป M1 สูงสุดถึง 4 เท่า ช่วยให้ผู้ใช้ระดับโปรสามารถรับมือกับเวิร์กโฟลว์ที่เน้นกราฟิกหนักๆ ได้สบาย

ชิป M1 Pro และ M1 Max นำสถาปัตยกรรม System on Chip (SoC) มาอยู่ระบบระดับโปรเป็นครั้งแรก ชิปทั้งคู่มาพร้อมหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็ว ประสิทธิภาพต่อวัตต์ชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม และยังประหยัดพลังงานเป็นเยี่ยม รวมถึงมีแบนด์วิดท์และขนาดหน่วยความจำเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยที่ชิป M1 Pro มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุด 200GB/s และรองรับหน่วยความจำแบบรวมสูงสุด 32GB ส่วนชิป M1 Max มีแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุด 400GB/s หรือ 2 เท่าของชิป M1 Pro และเกือบ 6 เท่าของชิป M1

ทั้งยังรองรับหน่วยความจำแบบรวมสูงสุด 64GB และเมื่อมีหน่วยความจำมากขนาดนี้จึงสามารถรับมือกับเวิร์กโฟลว์ที่เน้นกราฟิกหนักๆ อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะทำได้มาก่อนบนโน้ตบุ๊ก ในขณะที่แล็ปท็อป PC รุ่นล่าสุดมีหน่วยความจำกราฟิกสูงสุดแค่เพียง 16GB เท่านั้น นอกจากนี้สถาปัตยกรรมของชิป M1 Pro และ M1 Max ยังประหยัดพลังงานเป็นเยี่ยม จึงมีประสิทธิภาพในระดับเดียวกันเสมอไม่ว่า MacBook Pro® จะเสียบปลั๊กหรือใช้แบตเตอรี่ เท่านั้นยังไม่พอ เพราะชิป M1 Pro และ M1 Max ยังมาพร้อมมีเดียเอนจิ้นที่ดียิ่งขึ้น พร้อมด้วยตัวเร่งความเร็วที่สร้างมาโดยเฉพาะสำหรับ ProRes™ เพื่อการประมวลผลวิดีโอระดับโปร ซึ่งเมื่อรวมทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน M1 Pro และ M1 Max จึงกลายเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่ Apple เคยสร้างมา

“ชิป M1 ได้พลิกโฉมระบบที่เป็นที่นิยมมากที่สุดของเราด้วยประสิทธิภาพอันเหนือชั้น เทคโนโลยีแบบเฉพาะ รวมถึงการประหยัดพลังงานชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม และไม่เคยมีใครนำดีไซน์แบบ System on Chip มาใช้กับระบบระดับโปรจนกระทั่งวันนี้กับชิป M1 Pro และ M1 Max” Johny Srouji ซึ่งเป็นรองประธานอาวุโสฝ่ายเทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ของ Apple กล่าว “ทั้งประสิทธิภาพที่สูงขึ้นมากใน CPU และ GPU, แบนด์วิดท์หน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นสูงสุด 6 เท่า, มีเดียเอนจิ้นใหม่พร้อมตัวเร่งความเร็ว ProRes และเทคโนโลยีสุดล้ำอีกมากมาย บอกเลยว่าชิป M1 Pro และ M1 Max ได้ยกระดับ Apple Silicon ไปอีกขั้น และแตกต่างจากโน้ตบุ๊กระดับโปรอื่นๆ โดยสิ้นเชิง”

ชิป M1 Pro: เหนือชั้นไปอีกขั้นทั้งประสิทธิภาพและความสามารถ

ชิป M1 Pro ใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตแบบ 5 นาโนเมตรชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม จึงสามารถใส่ทรานซิสเซอร์ลงไปได้มากถึง 3.37 หมื่นล้านตัว หรือมากกว่าชิป M1 เกิน 2 เท่า ภายในมาพร้อม CPU แบบ 10-core ใหม่ ซึ่งประกอบด้วยคอร์ประสิทธิภาพสูง 8 คอร์ และคอร์ประหยัดพลังงานสูง 2 คอร์ ด้วยความเร็วที่เหนือกว่าชิป M1 สูงสุด 70% จึงมีประสิทธิภาพ CPU ในระดับโปรที่สูงเหลือเชื่อ ซึ่งเมื่อเทียบกับชิปแล็ปท็อป PC แบบ 8-core รุ่นล่าสุด ชิป M1 Pro มีประสิทธิภาพ CPU เหนือกว่าสูงสุด 1.7 เท่าเมื่อใช้พลังงานในระดับเดียวกัน และสามารถทำงานได้ถึงระดับประสิทธิภาพสูงสุดของชิป PC ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 70%1 ทีนี้ไม่ว่าจะเป็นงานที่ต้องประมวลผลหนักแค่ไหน อย่างการปรับแต่งรูปภาพความละเอียดสูง ชิป M1 Pro ก็รับมือได้สบาย

ชิป M1 Pro มี GPU สูงสุด 16 คอร์ ที่เร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 2 เท่า และเร็วกว่ากราฟิกในตัวของชิปแล็ปท็อป PC รุ่นล่าสุดแบบ 8-core สูงสุด 7 เท่า1 ซึ่งเมื่อเทียบกับ GPU แบบแยกที่ทรงพลังสำหรับโน้ตบุ๊ก PC แล้ว ชิป M1 Pro ก็ยังมีประสิทธิภาพสูงกว่า ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 70%2 นอกจากนี้ชิป M1 Pro ยังสามารปรับแต่งให้มีหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็วได้สูงสุด 32GB พร้อมด้วยแบนด์วิดท์หน่วยความจำสูงสุด 200GB/s ช่วยให้ครีเอทีฟอย่างศิลปิน 3D และนักพัฒนาเกมสามารถทำอะไรๆ ได้มากยิ่งกว่าที่เคยจากทุกที่

ชิป M1 Max: ชิปที่ทรงพลังที่สุดในโลกสำหรับโน้ตบุ๊กระดับโปร

ชิป M1 Max มาพร้อม CPU แบบ 10-core ที่ทรงพลังไม่ต่างจาก M1 Pro แต่มี GPU เพิ่มมาสูงถึง 32 คอร์ จึงมีประสิทธิภาพกราฟิกเร็วกว่าชิป M1 สูงสุด 4 เท่า และชิป M1 Max ยังเป็นชิปที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่ Apple เคยสร้างมา ด้วยจำนวนทรานซิสเตอร์ 5.7 หมื่นล้านตัว หรือมากกว่าชิป M1 Pro ถึง 70% และมากกว่าชิป M1 ถึง 3.5 เท่า นอกจากนี้ GPU ยังมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับ GPU ระดับไฮเอนด์ในแล็ปท็อป PC ระดับโปรรุ่นขนาดกะทัดรัด แต่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 40% และมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GPU ระดับไฮเอนต์รุ่นสูงสุดในแล็ปท็อป PC ขนาดใหญ่สุด ในขณะที่ใช้พลังงานน้อยกว่าสูงสุด 100 วัตต์2 นั่นหมายความว่าความร้อนที่เกิดขึ้นก็น้อยลงไปด้วย ทำให้พัดลมหมุนเบาและไม่ต้องทำงานบ่อย แถมยังช่วยให้แบตเตอรี่ใน MacBook Pro ใหม่ใช้งานได้นานอย่างน่าทึ่งด้วย และ

ชิป M1 Max ยังพลิกโฉมเวิร์กโฟลว์ที่เน้นกราฟิกหนักๆ อย่างการเรนเดอร์ไทม์ไลน์ที่ซับซ้อนใน Final Cut Pro ได้เร็วขึ้นสูงสุด 13 เท่าเมื่อเทียบกับ MacBook Pro 13 นิ้ว รุ่นก่อนหน้า

ชิป M1 Max มีการเชื่อมต่อภายในชิปด้วยแบนด์วิดท์ที่สูงกว่า และมีอินเทอร์เฟซหน่วยความจำมากกว่าชิป M1 Pro ถึง 2 เท่า จึงมีแบนด์วิดท์สูงสุดที่ 400GB/s หรือเกือบ 6 เท่า เมื่อเทียบกับแบนด์วิดท์หน่วยความจำของชิป M1 จึงสามารถปรับแต่งหน่วยความจำแบบรวมที่รวดเร็วให้กับชิป M1 Max ได้สูงสุดถึง 64GB และเมื่อรวมกับประสิทธิภาพที่ยากจะหาใครเทียบ ชิป M1 Max จึงเป็นชิปที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยสร้างมาสำหนับโน้ตบุ๊กระดับโปร

มีเดียเอนจิ้นที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ วันนี้พร้อมแล้วกับ ProRes

ชิป M1 Pro และ M1 Max มาพร้อมมีเดียเอนจิ้นที่ออกแบบโดย Apple เพื่อเร่งความเร็วให้กับการประมวลผลวิดีโอพร้อมกับยืดระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ให้นานที่สุด และชิป M1 Pro ยังมีตัวเร่งความเร็วที่สร้างมาโดยเฉพาะสำหรับ Codec วิดีโอระดับมืออาชีพอย่าง ProRes จึงสามารถเล่นวิดีโอ ProRes ระดับ 4K และ 8K คุณภาพสูงได้หลายสตรีมโดยใช้พลังงานเพียงนิดเดียว ส่วนชิป M1 Max นั้นทรงพลังยิ่งกว่า เพราะสามารถเข้ารหัสวิดีโอได้เร็วกว่าชิป M1 Pro สูงสุด 2 เท่า และมีตัวเร่งความเร็ว ProRes มาให้สองตัว ทำให้ MacBook Pro® ใหม่ที่มาพร้อมชิป M1 Max สามารถแปลงวิดีโอ ProRes ใน Compressor ได้เร็วขึ้นอย่างชัดเจนสูงสุด 10 เท่า เมื่อเทียบกับ MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นก่อนหน้า

เทคโนโลยีล้ำสมัยสำหรับระบบที่โปรในทุกรายละเอียด

ทั้งชิป M1 Pro และ M1 Max อัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีแบบเฉพาะอันล้ำสมัยที่ช่วยยกระดับเวิร์กโฟลว์ระดับโปรไปอีกขั้น

  • Neural Engine แบบ 16-core สำหรับเร่งความเร็วให้การเรียนรู้ของระบบบนอุปกรณ์ และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกล้อง
  • เอนจิ้นการแสดงผลใหม่ที่ช่วยให้เชื่อมต่อจอภาพภายนอกได้หลายจอ
  • มีตัวควบคุม Thunderbolt 4 ในตัวเพิ่มมาเพื่อแบนด์วิดท์ I/O ที่สูงขึ้น
  • โปรเซสเซอร์รับสัญญาณภาพแบบเฉพาะของ Apple พร้อมด้วย Neural Engine ใช้การประมวลผลวิดีโอด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อยกระดับคุณภาพของภาพ ทำให้วิดีโอที่ได้จากกล้องในตัวคมชัดยิ่งขึ้น และมีสีผิวที่เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น
  • ระบบความปลอดภัยที่ดีที่สุด อย่าง Secure Enclave ล่าสุดของ Apple, ระบบการบูทที่ปลอดภัยโดยใช้ฮาร์ดแวร์ยืนยัน และเทคโนโลยีป้องกันการเจาะช่องโหว่ขณะรันไทม์

ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในการเปลี่ยนผ่านสู่ Apple Silicon

ตอนนี้ Mac ได้ผ่านปีแรกในการเปลี่ยนผ่านสู่ Apple Silicon ระยะเวลา 2 ปีแล้ว ซึ่งชิป M1 Pro และ M1 Max ถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งสำคัญ เพราะทั้งคู่เป็นชิปที่ทรงพลังและมากความสามารถที่สุดเท่าที่ Apple เคยสร้างมา ซึ่งเมื่อรวมกับชิป M1 แล้ว จึงกลายเป็นตระกูลชิปชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม ทั้งในด้านประสิทธิภาพ เทคโนโลยีแบบเฉพาะ และการประหยัดพลังงาน

macOS และแอปพร้อมปลดปล่อยความสามารถของชิป M1 Pro และ M1 Max

macOS® Monterey สร้างมาเพื่อปลดปล่อยพลังของชิป M1 Pro และ M1 Max ทั้งในด้านประสิทธิภาพอันเหนือชั้น ความสามารถระดับโปรที่พร้อมสร้างปรากฏการณ์ รวมถึงแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้นานเหลือเชื่อ และการออกแบบ Monterey มาเพื่อ Apple Silicon ก็ช่วยให้ Mac พร้อมทำงานในทันทีหลังจากพักเครื่อง ในขณะที่ทั้งระบบก็รวดเร็วและตอบสนองฉับไว นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีสำหรับนักพัฒนาอย่าง Metal ที่ทำให้แอปรีดประสิทธิภาพจากชิปใหม่ได้เต็มที่ ส่วน Core ML® ก็ผ่านการปรับแต่งมาอย่างลงตัวเพื่อใช้ประโยชน์จาก Neural Engine อันทรงพลัง ส่งผลให้โมเดลการเรียนรู้ของระบบทำงานได้เร็วขึ้น และมีการใช้ข้อมูลเวิร์กโหลดของแอประดับโปรเพื่อช่วยให้ macOS สามารถมอบหมายงานแบบหลายเธรดไปยังคอร์ CPU ได้อย่างเหมาะสมเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมด้วยคุณสมบัติการจัดการพลังงานอันล้ำสมัยที่คอยจัดสรรงานระหว่างคอร์ประสิทธิภาพและคอร์ประหยัดพลังงานอย่างชาญฉลาดเพื่อที่สุดของความเร็วและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่

การผนึกกำลังระหว่าง macOS กับชิป M1 Pro, M1 Pro และ M1 Max ยังทำให้การรักษาความปลอดภัยอยู่ในชั้นแนวหน้าของอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นระบบการบูทที่ปลอดภัยโดยใช้ฮาร์ดแวร์ยืนยัน เทคโนโลยีป้องกันการเจาะช่องโหว่ขณะรันไทม์ รวมถึงการเข้ารหัสแบบอินไลน์ที่รวดเร็วสำหรับไฟล์ ยิ่งกว่านั้นแอป Mac ของ Apple ทั้งหมดยังได้รับการปรับแต่งมาอย่างลงตัวและสามารถทำงานได้เลยบน Apple Silicon ทั้งยังมีแอปและปลั๊กอิน Universal ให้ใช้อีกกว่า 10,000 รายการ ส่วนแอป Mac ที่ยังไม่ได้รับการอัปเดตเป็นแบบ Universal ก็สามารถทำงานได้อย่างราบรื่นโดยอาศัยเทคโนโลยี Rosetta® 2 ของ Apple และผู้ใช้ก็สามารถใช้แอป iPhone® และ iPad® บน Mac ได้โดยตรง ซึ่งช่วยเปิดโลกของความเป็นไปได้ใหม่ๆ อีกมากมาย

คำมั่นสัญญาด้านสิ่งแวดล้อมของ Apple

วันนี้การดำเนินงานของบริษัท Apple ทั่วโลกมีความเป็นกลางทางคาร์บอน และภายในปี 2030 เราวางแผนที่จะลดผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศให้เป็นศูนย์ในทุกภาคส่วนของธุรกิจ ซึ่งรวมถึงซัพพลายเชนการผลิตและวงจรชีวิตของสินค้าทั้งหมด และนั่นยังหมายความว่าชิปทุกตัวที่ Apple สร้างขึ้นจะมีความเป็นกลางทางคาร์บอน 100% ด้วยตั้งแต่ขั้นตอนของการออกแบบจนถึงการผลิต

  1. Apple ทำการทำสอบในเดือนสิงหาคมและกันยายน 2021 โดยใช้ระบบของ MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นก่อนการผลิตจริงที่มีชิป Apple M1 Max, CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 32-core และ RAM ขนาด 64GB และระบบของ MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นก่อนการผลิตจริงที่มีชิป Apple M1 Pro, CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 16-core และ RAM ขนาด 32GB, การวัดประสิทธิภาพใช้ระบบวัดที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมหลายระบบ, ข้อมูลประสิทธิภาพของชิปแล็ปท็อป PC แบบ 8-core มาจากการทดสอบ MSI GP66 Leopard (11UG-018), การทดสอบประสิทธิภาพดำเนินการโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เฉพาะ และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอย่างคร่าวๆ ของ MacBook Pro
  2. Apple ทำการทำสอบในเดือนสิงหาคมและกันยายน 2021 โดยใช้ระบบของ MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นก่อนการผลิตจริงที่มีชิป Apple M1 Max, CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 32-core และ RAM ขนาด 64GB และระบบของ MacBook Pro 16 นิ้ว รุ่นก่อนการผลิตจริงที่มีชิป Apple M1 Pro, CPU แบบ 10-core, GPU แบบ 16-core และ RAM ขนาด 32GB, การวัดประสิทธิภาพใช้ระบบวัดที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมหลายระบบ, ข้อมูลประสิทธิภาพของกราฟิกแล็ปท็อป PC แบบแยกมาจากการทดสอบ Lenovo Legion 5 (82JW0012US), ข้อมูลประสิทธิภาพของกราฟิกแล็ปท็อป PC แบบแยกรุ่นไฮเอนด์มาจากการทดสอบ MSI GE76 Raider (11UH-053), ข้อมูลประสิทธิภาพของแล็ปท็อป PC ระดับโปรรุ่นขนาดกะทัดรัดมาจากการทดสอบ Razer Blade 15 Advanced (RZ09-0409CE53-R3U1), การทดสอบประสิทธิภาพดำเนินการโดยใช้ระบบคอมพิวเตอร์เฉพาะ และแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพอย่างคร่าวๆ ของ MacBook Pro

Apple ได้ปฏิวัติเทคโนโลยีส่วนบุคคลด้วยการแนะนำ Macintosh สู่ท้องตลาดตั้งแต่ปี 1984 ในวันนี้ Apple คือผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมด้วย iPhone, iPad, Mac, Apple Watch และ Apple TV แพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ทั้งห้าของ Apple ได้แก่ iOS, iPadOS, macOS, watchOS และ tvOS มาพร้อมประสบการณ์ใช้งานที่ดีเยี่ยมบนอุปกรณ์ Apple ทุกเครื่อง และเสริมสร้างการบริการที่ดีเยี่ยมแก่ผู้ใช้ รวมถึง App Store, Apple Music, Apple Pay และ iCloud พนักงานของ Apple กว่าแสนคนทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดในโลก และทำให้โลกใบนี้ดีกว่าที่เคยเป็นมา

แสดงความคิดเห็น