เล่าเรื่อง ‘ความเท่าเทียม’ เมื่อ #RespectEveryone คือหนึ่งใน Core Value ขององค์กร

ข้อมูลที่น่าสนใจของ HR trend 2021 ได้พูดถึงเรื่องการสร้างองค์กรให้เป็นพื้นที่ที่เปิดรับความหลากหลาย ของพนักงาน ทั้งในเรื่องของเชื้อชาติ วัฒนธรรม พื้นฐานทางเศรษฐกิจ สังคม ประสบการณ์  รวมถึงเพศ ซึ่งในโอกาสเดือนมิถุนายนที่เป็นเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความหลากหลายทางเพศหรือ Pride Month บทความนี้จึงจะมาชวนคุยในหัวข้อ “Diversity in Workplace” ขององค์กรของคนรุ่นใหม่อย่าง LINE MAN Wongnai ที่ยึดหลักสำคัญอย่าง #RespectEveryone มาเป็น Core Value ในการทำงานร่วมกัน เพื่อความเป็นหนึ่งเดียว และยังช่วยส่งเสริมให้องค์กรมองเห็นถึงโอกาสใหม่ๆ ของการทำงานที่สร้างสรรค์อีกด้วย

#RespectEveryone: Core Value ของ LINE MAN Wongnai

“หัวใจของการทำงาน คือ การมองเพื่อนร่วมงานเป็นมนุษย์คนหนึ่ง” คุณรุตม์-อานนทวงศ์ มฤคพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบุคคลและวัฒนธรรมองค์กร LINE MAN Wongnai เล่าให้เราฟังว่า เราจะเคารพและปฎิบัติกับเขา อย่างเท่าเทียม เมื่อเรามองเขาบนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ ด้วยการทำทุกอย่างให้โปร่งใสและสื่อสารโดยไม่มีการ ปิดบัง สำหรับที่นี่ทุกคนจะมีพื้นที่ในการเติบโต เพราะเรายอมรับในความหลากหลาย และเชื่อในศักยภาพของพนักงาน ทุกคน ต่อยอดจาก Core Value ของบริษัท “Respect Everyone” องค์กรยังคำนึงถึงการพัฒนาศักยภาพของพนักงาน ทุกคน ภายใต้คีย์เวิร์ดสำคัญ นั่นคือ “Equality – Opportunity – Diversity” อีกด้วย

Equality: ไม่กำหนด ‘เพศ’ เป็นคุณสมบัติผู้สมัครงาน เพื่อให้โอกาสในการจ้างงานแก่คนทุกเพศ

จุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่เกิดขึ้นมานานหลายปีบนเว็บไซต์รับสมัครงานของ LINE MAN Wongnai ที่เป็นประตู แห่งโอกาสให้แก่คนทุกเพศ โดยทุกตำแหน่งจะไม่มีการระบุคุณสมบัติของผู้สมัครว่าจะต้องเป็น “เพศชาย” หรือ “เพศหญิง” เท่านั้น เพื่อให้คนทุกเพศได้รับโอกาสในการจ้างงานอย่างเท่าเทียมกัน โดยเริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการ สัมภาษณ์งานที่จะให้พื้นที่กับทุกคนเพื่อแสดงศักยภาพและความเป็นตัวเองได้อย่างเต็มที่ เพราะเพศไม่ใช่จุดโฟกัส ของคนในองค์กร

Opportunity: เติบโตในสายงานได้ โดยไม่จำกัดโอกาสเพราะเพศ

“ผมไม่เคยรู้สึกว่า career path หรือโอกาสที่จะเติบโตในงานของเราจะไปได้ไม่ไกลเพราะเพศหรือสิ่งที่เราเป็น ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ผมแฮปปี้กับที่นี่” คุณเจสซี่-กมลชนก แดงบุญเรือง Business Development – Corporate Partnerships เล่าให้เราฟังว่า เขานิยามตัวเองอยู่ในเฉด T หรือ Transgender ซึ่งมองว่า LGBTQIA+ ก็เป็นคนทั่วไป ที่มีความทุ่มเทให้กับการทำงานไม่น้อยไปกว่าคนอื่นเลย แต่สิ่งสำคัญที่แท้จริง คือการที่เราเรียนรู้ที่จะเข้าใจกันและกัน เพื่อที่จะซัพพอร์ตกันได้อย่างถูกต้อง “ที่นี่ ทุกคนจะสามารถเติบโตในทิศทางที่ตัวเองอยากเป็น ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร เราจะทำให้คุณโตขึ้นแล้วตะโกนบอกคนทั้งโลกได้ว่าคุณมีดีอะไร”

“ความสุขที่แท้จริงของคนทำงาน ไม่มีอะไรมากไปกว่าความเป็นอิสระ และความรับผิดชอบที่ต้องมาคู่กัน รวมถึงการที่เราสามารถช่วยเหลือคนอื่นได้ด้วย” คุณบอย ธงชัย ชลศิริพงษ์ พิธีกรและนักเล่าข่าวที่ปรากฎตัว อยู่บนหน้าสื่อออนไลน์ของ Brand Inside เล่าว่า เมื่อเรามีอิสระในการเป็นตัวเอง ทำให้เราสามารถใช้อิสระ ทางความคิดในการสร้างสรรค์งานได้อย่างเต็มที่ เราเชื่อว่า LGBTQIA+ คือคนที่มีศักยภาพเหมือนกันกับทุกคน แต่ก่อนเราอาจเชื่อกันว่า LGBTQIA+ ทำงานได้ดีในสายที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างเดียว แต่สำหรับวันนี้มุมมอง ได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศก็มีความสามารถในทุกสาขาอาชีพ

Diversity: เมื่อความหลากหลายไม่ได้หมายถึงแค่ ‘เพศ’ แต่ยังมีพื้นที่และโอกาสสำหรับ ‘ผู้พิการ’

เช่นเดียวกับคุณเชน-พีรศักดิ์ จรัสธนพัฒน์ Operations Executive หนึ่งในผู้พิการทางการได้ยินที่เคยกังวล ว่าการทำงานของตนจะเป็นอุปสรรคทางการได้ยิน “เคยกลัวว่าทุกคนจะรับได้ไหม หรือรำคาญไหมถ้าต้องพูดสองรอบ แต่พอเราเข้ามาความคิดก็เปลี่ยนไป กลายเป็นว่าเรากลัวไปเองในสิ่งที่ยังไม่เกิด” จากวันแรกที่เริ่มทำงานจนวันนี้ ก็สามารถพิสูจน์ได้แล้วว่าการทำงานของเขาไม่ได้เป็นปัญหา แต่กลับเข้ากันได้ดีกับทีม “เราก็มีมือ มีตาเท่ากัน คนอื่นอาจจะมี 32 ส่วนเราอาจจะมี 31 หรือ 30 แต่เราก็สามารถทำงานได้เหมือนคนที่มี 32 เลย เรามีจิตใจ และสมองที่สามารถทำงานได้ไม่ต่างจากคนอื่นๆ และผลิตผลงานได้ดีไม่แพ้กัน”

องค์กรรุ่นใหม่อย่าง LINE MAN Wongnai สามารถก้าวสู่เป้าหมายได้อย่างมั่นคง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการมี Core Value ที่แข็งแกร่งภายใต้แนวคิดสำคัญอย่าง #RespectEveryone ทำให้เรายอมรับในความเท่าเทียม แล้วหันกลับมามองทุกคนบนพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ เพราะเราเชื่อว่าศักยภาพที่แท้จริง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเพศ หรือความแตกต่างทางร่างกาย แต่คือความหลากหลายทางความสามารถของทุกคน

แสดงความคิดเห็น