DJI Mic 2 ยกระดับความเป็นเลิศในการบันทึกเสียงระดับมืออาชีพ ออกแบบที่เน้นประสบการณ์ของผู้ใช้ และเสถียร

DJI ผู้นำระดับโลกด้านนวัตกรรมโดรนพลเรือนและเทคโนโลยีกล้อง ได้ประกาศเปิดตัว DJI Mic 2 ซึ่งสร้างมาตรฐานใหม่ในการบันทึกเสียง ด้วย DJI Mic 2 เหล่าครีเอเตอร์จะสามารถคาดหวังได้ถึงประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ด้วยฟังก์ชั่นการบันทึกเสียงคุณภาพสูง การออกแบบที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน และความเสถียรในการใช้งาน

“DJI Mic 2 แสดงถึงการก้าวกระโดดในด้านเทคโนโลยีการบันทึกเสียง เราได้รวมฟังก์ชันการบันทึกคุณภาพสูง การออกแบบที่เป็นมิตรต่อผู้ใช้ และความเสถียรที่น่าทึ่ง เพื่อช่วยให้ครีเอเตอร์มีเครื่องมือที่จำเป็นในการบันทึกเสียงคุณภาพสูง ไม่ว่าความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขาจะล้ำเลิศแค่ไหนก็ตาม” Paul Pan ผู้จัดการสายผลิตภัณฑ์อาวุโสของ DJI กล่าว

ฟังก์ชั่นบันทึกเสียงระดับมืออาชีพในขนาดพกพา

หัวใจของ DJI Mic 2 คือคำมั่นสัญญาในการบันทึกเสียงคุณภาพสูงออกมาในรูปแบบต่างๆ มาพร้อมกับความสามารถในการบันทึกเสียงรอบทิศทาง (Omnidirectional recording) ซึ่งได้รับการปรับแต่งมาอย่างพิถีพิถันเพื่อความชัดเจนของเสียง ทำให้มั่นใจได้ว่าเนื้อหาเสียงของผู้ใช้จะโดดเด่นในสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าครีเอเตอร์จะสรรสร้างวิดีโอ Vlog ที่น่าสนใจ สัมภาษณ์เชิงลึก หรือบันทึกในสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย DJI Mic 2 รับประกันว่าเสียงของพวกเขาจะมีคุณภาพสูง

DJI Mic 2 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนอัจฉริยะ (Intelligent Noise Cancelling)[1] ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับครีเอเตอร์ที่ทำงานในเขตเมืองที่มีผู้คนพลุกพล่านหรือในห้องที่มีผู้คนหนาแน่น ฟีเจอร์ที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ช่วยลดเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้เสียงที่ชัดเจนและการบันทึกเสียงอย่างไม่มีติดขัดแม้ในสถานการณ์ที่มีลมแรงหรือเคลื่อนที่ด้วยความเร็ว DJI Mic 2 ยังมาพร้อมกับ wind screen เพื่อลดเสียงรบกวนจากลม จึงทำให้มั่นใจว่าการบันทึกเสียงในสถานการณ์กลางแจ้งที่มีลมแรงจะยังชัดเจนเสมอ

เพื่อเป็นการเพิ่มการปกป้องเสียงของผู้ใช้อีกขั้น DJI Mic 2 จึงนำเสนอฟีเจอร์ Safety Track ช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาบันทึกเสียงสำรองที่ -6dB ควบคู่ไปกับเสียงหลัก เพื่อป้องกันระดับเสียงที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด แม้อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อนด้านเสียง เช่น คอนเสิร์ตร็อค DJI Mic 2 ก็มอบผลลัพธ์ที่สมดุลได้อย่างง่ายดายอย่างน่าทึ่ง

การออกแบบที่เป็นมิตรเพื่อประสบการณ์ที่ราบรื่นและใช้งานง่าย

DJI Mic 2 ไม่เพียงแต่พัฒนาด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลักอีกด้วย ความงามที่โฉบเฉี่ยวและชาญฉลาดได้รับการยกระดับด้วยเคสชาร์จโลหะระดับพรีเมี่ยมที่ไม่เพียงแต่มีรูปลักษณ์เรียบง่ายเท่านั้น แต่ยังมีสลักล็อคที่เพิ่มเข้ามาใหม่เพื่อให้เปิดและปิดได้ง่ายและแน่นหนายิ่งขึ้น เพื่อป้องกันการหลุดตกออกจากเคส

เพื่อให้เหมาะกับสไตล์และความชอบของผู้ใช้ที่แตกต่างกัน DJI Mic 2 มีตัวส่งสัญญาณให้เลือกสองสี: สีดำเงาและสีขาวมุก[2] สีดำเงาเพิ่มรูปลักษณ์ไฮเทคที่สุขุมรอบคอบให้กับ Mic 2 ในขณะที่สีขาวมุกเป็นทางเลือกที่หรูหราสำหรับผู้ที่กำลังมองหาโทนสีสว่าง

สำหรับการเริ่มต้นใช้งาน DJI Mic 2 นั้นทำให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นด้วยระบบพร้อมใช้งานทุกที่ทุกเวลา ผู้ใช้สามารถเปิดเคสชาร์จ จากนั้น DJI Mic 2 ก็จะพร้อมใช้งานทันที และตัวรับและตัวส่งสัญญาณจะจับคู่โดยอัตโนมัติขณะชาร์จ นอกจากนี้ DJI Mic 2 ยังสามารถเชื่อมต่อกับ DJI Osmo Action 4, DJI Osmo Pocket 3 และอุปกรณ์สมาร์ทโฟนผ่านบลูทูธ[3] ได้อย่างราบรื่น ขณะเดียวกันก็เข้ากันได้กับอุปกรณ์บันทึกต่างๆ ผ่าน USB-C, อะแดปเตอร์ Lightning เช่นเดียวกับ TRS Analog Output ขนาด 3.5 มม.

DJI Mic 2 ยังให้ควบคุมได้อย่างง่ายผ่านหน้าจอทัชสกรีน หน้าจอสัมผัส OLED ขนาด 1.1 นิ้วที่จับคู่กับ dial ที่แม่นยำช่วยให้เข้าถึงข้อมูลสำคัญได้อย่างรวดเร็ว ครีเอเตอร์จะสามารถปรับระดับเสียง อัตราขยายเสียง ความสว่าง และอื่นๆ ได้อย่างง่ายดาย ทำให้ได้การตั้งค่าเสียงที่เหมาะสมที่สุดได้อย่างราบรื่น

ด้วยแถบแม่เหล็กเพื่อการซ่อน ตัวส่งสัญญาณมีการออกแบบแบบคลิปออนที่ใช้งานง่าย ซึ่งช่วยให้การติดเข้ากับเสื้อผ้าได้ง่ายขึ้น DJI Mic 2 ยังมีการบันทึกแบบสองช่องสัญญาณ ช่วยให้ผู้สร้างเนื้อหาสามารถบันทึกเสียงจากสองแหล่งพร้อมกัน ลดความซับซ้อนในการบันทึกหลายแหล่งและเพิ่มประสิทธิภาพในระหว่างขั้นตอนหลังการผลิต

เพื่อขยายขอบเขตความคิดสร้างสรรค์ของผู้ใช้ DJI นำเสนออุปกรณ์เสริมที่ใช้งานได้จริง[4] เช่น ไมค์ DJI Lavalier และเคสชาร์จ DJI Mic 2

ความเสถียรในทุกการบันทึก

ความเสถียรเป็นจุดเด่นของ DJI Mic 2 ทำให้มั่นใจได้ว่าการบันทึกเสียงของผู้ใช้มีความโดดเด่นอย่างสม่ำเสมอ DJI Mic 2 มาพร้อมกับพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 8GB ต่อตัวส่งสัญญาณ 1 ตัว จึงสามารถบันทึกเสียง 48kHz 24-bit แบบไม่บีบอัดได้นานถึง 14 ชั่วโมง[5] ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าผู้สร้างเนื้อหาจะบันทึกเป็นระยะเวลานานโดยไม่ต้องกังวลกับข้อจำกัดด้านพื้นที่จัดเก็บข้อมูล

DJI Mic 2 มีความโดดเด่นอย่างมากด้วยความสามารถในการบันทึกภายในแบบ 32-bit Float [6]ที่ล้ำสมัย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแต่ให้การบันทึกคุณภาพสูงเท่านั้น แต่ยังปรับให้เข้ากับสภาพแวดล้อมเสียงที่ซับซ้อนได้อย่างราบรื่น โดยจับความแตกต่างของเสียง ตั้งแต่เสียงกระซิบเบาๆ ไปจนถึงระดับเดซิเบลที่สูง ความยืดหยุ่นระดับนี้ให้ความไว้วางใจมากยิ่งขึ้นแม้ในสถานการณ์ที่มีสัญญาณรบกวนไม่แน่นอน และมีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับการปรับแต่ง Post-Production อย่างละเอียด

เมื่อพูดถึงระยะของการส่งสัญญาณและอายุการใช้งานแบตเตอรี่ DJI Mic 2 มีระยะการส่งสัญญาณเสียงสูงสุดที่น่าประทับใจสูงสุดถึง 250 เมตร[7] (820 ฟุต) ในสภาพแวดล้อมเปิดโล่งที่ไม่มีสิ่งกีดขวางโดยไม่มีการรบกวน ทำให้รองรับการใช้งานได้ดีในสถานการณ์ทั่วๆไป เช่น การสตรีมสด การบันทึกในสตูดิโอ และการบันทึกนอกสถานที่ นอกจากนี้ ตัวส่งสัญญาณและตัวรับแต่ละตัวยังมีทำงานได้นานถึง 6 ชั่วโมง5 ซึ่งสามารถขยายเพิ่มเป็น 18 ชั่วโมงได้ด้วยเคสชาร์จ ทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานที่ยาวนานขึ้น

ราคาและการวางจำหน่าย

DJI Mic 2 พร้อมให้ทุกท่านเป็นเจ้าของได้ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ผ่าน DJI Experience Store ทุกสาขาและตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ รายละเอียดดังนี้

  • DJI Mic 2 (2 TX + 1 RX + เคสชาร์จ) ราคา 12,500 บาท
  • DJI Mic 2 (1TX + 1RX) ราคา 7,500 บาท
  • DJI Mic 2 Transmitter (Pearl White) ราคา 3,500 บาท
  • DJI Mic 2 Transmitter (Shadow Black) ราคา 3,500 บาท

แสดงความคิดเห็น