รีวิว OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G ครั้งแรกกับกล้องพอร์ตเทรตซูมได้

OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G สมาร์ทโฟนระดับกลางที่มาพร้อมโดดเด่นในการถ่ายภาพพอร์ตเทรต ซึ่งครั้งนี้ได้อัปเกรดความสามารถเพิ่มขึ้นหลายด้าน ชูจุดเด่นของกล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera ที่เป็นครั้งแรกใน Reno Series กับกล้องพอร์ตเทรตซูมได้แบบออปติคอล 2 เท่า ทำให้ได้ภาพคนที่ใกล้ขึ้น และยังมีสเปคโดดเด่นอีกมากมายที่จะมาบอกเล่าในรีวิวเต็มนี้ของทั้ง 2 รุ่นว่ามีความน่าสนใจขนาดไหน

กล้องพอร์ตเทรตซูมได้ ใกล้กว่าโดดเด่นกว่า

OPPO Reno10 5G

ครั้งแรกของ Reno Series ที่มาพร้อมกล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera ที่รองรับการซูมแบบออปติคอลได้ 2 เท่า โดยที่รุ่นเริ่มต้นอย่าง OPPO Reno10 5G ก็สามารถใช้งานถ่ายพอร์ตเทรตซูมได้ โดยใช้เซ็นเซอร์ RGBW IMX709 ขนาดใหญ่ และมีความละเอียดสูงสุดเท่าที่เคยใส่มาในสมาร์ทโฟนเรทราคานี้ ทำให้ได้ภาพคนโดดเด่นมีมิติ และยังใกล้กับวิวด้านหลังได้มากขึ้น เก็บรายละเอียดได้ครบและชัดเจน

สำหรับ RGBW ช่วยทำให้การรับแสงกว้างขึ้นกว่า 60% ทั้งยังยังช่วยลดนอยซ์ลงได้ 35% เมื่อเทียบกับ RGGB ทั่วไป ทำให้ภาพถ่ายออกมาคมชัด รายละเอียดครบ ไม่ว่าจะใช้งานในสภาพแสงน้อยหรือกลางคืน นอกจากนี้ ตัวเลนส์ที่ใช้เซ็นเซอร์ IMX709 ยังมาพร้อมกับ Focal Lengths ระยะโฟกัส 47 มม. โดยมีระยะใกล้เคียงกับกล้องที่ใช้ถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ระยะ 50 มม. จึงทำให้ภาพที่ถ่ายออกมามีความเป็นมืออาชีพ และทำให้คนโดดเด่นและชัดขึ้นด้วยกล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera

นอกจากนี้ตัวเลนส์ยังเคลือบแบบหมุนวนด้วย BG เพื่อทำให้เกิด infrared light-absorbing flim ที่ช่วยลดแสงสะท้อน ทำให้ภาพถ่ายพอร์ตเทรตออกมาคมชัด

พอร์ตเทรตสวยเด่นด้วย Bokeh Flare Portrait

OPPO Reno10 5G ให้ปรับตั้งค่าเองได้ตั้งแต่ F1.4 – F16 โดยเลขยิ่งน้อยก็จะทำให้ได้ฉากหลังที่เบลอ เพิ่มความโดดเด่นให้กับตัวบุคคลและตัดกับฉากหลังที่เบลอได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังมีฟิลเตอร์ Bokeh Flare Portrait ที่นอกจากจะปรับฉากหลังให้เบลอแล้ว ยังช่วยทำให้โบเก้ที่ฉากหลังเป็นดวงไฟวงกลม เพิ่มลูกเล่นให้ภาพถ่ายพอร์ตเทรตออกมาแบบมืออาชีพ และมี Portrait Retouching สามารถปรับแต่งหน้าสวยเนียนได้ตั้งแต่ระดับ 0 – 100 ทำให้ได้ภาพที่ถ่ายออกมาสวยใสเป็นธรรมชาติ

AI Color Portrait

ฟิลเตอร์เปลี่ยนฉากหลังให้เป็นสีขาว-ดำ โดยที่ยังเน้นสีสันที่ตัวบุคคล เหมือนดึงคนให้เด่นจากพื้นหลัง โดยที่รุ่นนี้ใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

ระบบกล้องทรงพลังเป็นพิเศษ Ultra-Clear Portrait Camera

OPPO Reno10 5G มาพร้อมระบบกล้องทรงพลังเป็นพิเศษ โดยที่ให้กล้องหลังมา 3 เลนส์ แบ่งออกเป็น 64MP Ultra-Clear Main Camera + กล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera สุดท้ายเป็นกล้อง Ultra Wide Angle ความละเอียด 8MP มุมกว้าง 112° ทำให้ไม่พลาดช็อตเด็ดในการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเร็วแค่ไหนก็จับภาพที่ได้คมชัด ทั้งในสภาพแวดล้อมที่มีแสงสว่าง หรือแสงน้อย แต่ภาพที่ถ่ายออกมายังมีรายละเอียดครบถ้วย สีสันมีความอิ่มตัวสวยงาม

เซลฟี่ชัดด้วยกล้อง 32MP Ultra-Clear Selfie Camera

กล้องหน้ารอบนี้ก็ให้ความละเอียดสูงถึง 32MP Ultra-Clear Selfie Camera มาพร้อม มาพร้อมเซ็นเซอร์ภาพ OV32C รองรับการใช้งาน HDR ปรับหน้าสวยได้แบบละเอียด ไม่ว่าจะเป็นโทนสีผิว แก้ คาง ตา จมูก และอื่นๆ ทั้งยังปรับระดับความเนียนได้ตามที่ต้องการตั้งแต่ 0 – 100 และมีฟิลเตอร์สีให้เลือกใช้งานเพื่อเพิ่มลูกเล่นได้ตามอารมณ์ ซึ่งภาพเซลฟี่ก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหวัง ใบหน้าสวยคมชัด มีความเป็นธรรมชาติ และยังมีสีสันสดใส

OPPO Reno10 Pro 5G

สำหรับ OPPO Reno10 Pro 5G ก็ยังมาพร้อมกล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera ชูจุดเด่นของกการถ่ายพอร์ตเทรตซูมได้ 2 เท่าเช่นกัน หรือเรียกว่าใช้กล้องตัวเดียว ทำให้ภาพคนใกล้ชิดกับฉากหรือวิวด้านหลังมากขึ้น ทั้งยังมี Focal Lengths ทางยาวโฟกัส 47มม. ที่เข้ามาช่วยให้ภาพพอร์ตเทรตออกมามีความเป็นธรรมชาติ สมจริง

ส่วนลูกเล่นในโหมดพอร์ตเทรตก็มีให้งาน สามารถปรับค่ารูรับแสงได้ตั้งแต่ f/1.4 – f/16 ทำฉากหลังเบลอได้ตามที่ต้องการ และมี Bokeh Flare Portrait ปรับฉากหลังให้เป็นโบเก้วงกลมเหมือนใช้กล้องโปรฯ

Ultra-Clear Portrait Camera

OPPO Reno10 Pro 5G มีกล้องหลัง 3 เลนส์ โดยใช้กล้องหลัก 50MP Ultra-Clear Main Camera เซ็นเซอร์ IMX890 ขนาดใหญ่ 1/1.56 นิ้ว รับแสงได้ดีขึ้น ทั้งยังมีกันสั่น OIS และ All Pixel Omni-Direction PDAF เพิ่มความเสถียรขณะถ่ายภาพ ทำให้ภาพที่มีความคมชัดทุกสภาพแสง มาพร้อมกล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera เซ็นเซอร์ IMX709 และกล้อง Ultra Wide-angle 8MP มุมกว้าง 112° ช่วยเก็บภาพกลุ่มเพื่อน หรือวิวทิวทัศน์ง่ายขึ้น ได้มุมกว้างที่ดูสวยงามไม่บิดเบี้ยว

ภาพกลางก็สวยคืนสวย

OPPO Reno10 Pro 5G มีอัลกอริธึมในการประมวลผลภาพถ่ายที่ได้รับการอัปเกรด โดยใช้ AI Denoise, AI Demosaic, Deep Pixel Fusion และอื่นๆ เพิ่มความสามารถในการถ่ายภาพตอนกลางคืนให้ออกมาคมชัด เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน รวมถึงสีสันที่สวยงามอย่างที่ตามองเห็น

เซลฟี่คมชัด ไม่หลุดโฟกัส

กล้องหน้า OPPO Reno10 Pro 5G ใช้เซ็นเซอร์ IMX709 บนกล้อง 32MP Ultra-Clear Selfie Camera รองรับ AutoFocus และสามารถถ่ายมุมกว้างที่ 0.8 และซูมได้ 2 เท่า ทั้งยังมีเทคโนโลยีจดจำใบหน้าที่แตกต่างกัน ทำให้การเซลฟี่เดี่ยว หรือแบบกลุ่มได้ใบหน้าคมชัด ไม่เบลอหลุดโฟกัสแน่นอน

ดีไซน์ใหม่ พรีเมียมกว่าเดิม

OPPO Reno10 5G

OPPO Reno10 5G มาพร้อมดีไซน์พรีเมียมแบบ 3D Dual-Curved ตัวเครื่องด้านหลังโค้งแบบ 3D และหน้าจอด้านหน้าโค้ง 56° หทำให้เครื่องบางเพียง 7.99 มิลลิเมตร และน้ำหนัก 185 กรัม ซึ่งถือว่าบางและเบาเมื่อเทียบกับแบตเตอรี่ที่ใส่มาให้ ทำให้ในขณะที่จับหรือถือกระชับสบายมือ หรือเล่นเกมนานๆ ก็ยังรู้สึกเบา ไม่หนักมือ

ตัวเครื่องมีให้เลือก 2 สี คือ สีฟ้า Ice Blue และ สีเทา Silvery Grey โดยการออกแบบด้วยเทคนิค OPPO Glow ที่ทำให้ฝาหลังมีผิวสัมผัสนุ่ม มีความละเอียด ช่วยลดรอยขีดข่วนและรอยนิ้วมือได้ดี

จัดวางกล้องหลังแบบ Custom Camera Matrix

ตัวเครื่องด้านหลังจะมีโมดูลกล้องออกแบบเป็นสองส่วน โดยที่ส่วนบนเป็นโลหะลาย CD มีเลนส์กล้องหลักและไฟแฟลช LED ส่วนครึ่งล่างจะเป็นกระจกสีดำ มีกล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera และ กล้อง Ultra-Wide-Angle Camera เล่นสีแบบทูโทนตัดกันเพิ่มความพรีเมียมให้กับฝาหลัง

รอบตัวเครื่องก็จัดวางปุ่มและพอร์ตต่างๆ ไว้อย่างลงตัว โดยที่ด้านบนของเครื่องออกแบบให้เป็นขอบตัด ใช้สีเดียวกับฝาหลัง มาพร้อมไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน ลำโพงเสียง และ Infrared blaster สำหรับใช้ตั้งค่าเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้า

ส่วนถาดซิมจะอยู่ที่ด้านล่างของเครื่อง รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ Nano SIM ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้ ถัดไปทางขวาเป็นไมโครโฟน พอร์ตชาร์จแบบ USB Type – C และลำโพงเสียงตัวเครื่อง

ตัวเครื่องด้านซ้ายไม่มีปุ่มใดๆ ส่วนด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มพาวเวอร์

หน้าจอใหญ่ 3D Curved เล่นลื่น 120Hz

OPPO Reno10 5G มีหน้าจอ AMOLED 3D Curved กว้าง 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2412 × 1080 พิกเซล โดยเป็นจอที่มีความแข็งแรง ทนต่อการตกกระแทก เพราะหน้าจอเคลือบด้วยกระจกครอบ AGC Dragontrail Star2 ทั้งยังมีขอบด้านข้างหน้าเล็กน้อยเพียง 1.57 มม. และขอบด้านล่างเพียง 2.32 มม. รวมถึงกล้องหน้าแบบเจาะรูขนาดเล็ก ทำให้ได้หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ มีพื้นที่ใช้งานกว่า 93% เพลิดเพลินกับความบันเทิงได้เต็มที่ทุกอรรถรส

หน้าจอด้านล่างยังใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอมาให้ รองรับการใช้งานสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ และใช้งานปลดล็อคได้เร็วแค่สัมผัสเบาๆ เท่านั้น

นอกจากนี้ หน้าจอก็อัดแน่นเต็มประสิทธิภาพ ใช้งานลื่นด้วยรีเฟรชเรท 120Hz อีกทั้งยังแสดงสีได้ถึง 10bit หรือ 1 พันล้านสี รองรับ HDR 10+ ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป ดูหนัง เล่นเกม จะเห็นว่าหน้าจอไหลลื่น ภาพที่แสดงมีความสมจริง สีสันสดสวยงาม และเล่นลื่นไม่มีอาการสะดุด

OPPO Reno10 Pro 5G

สำหรับตัวเครื่อง OPPO Reno10 Pro 5G ก็มาในดีไซน์ 3D Curved โดยที่ฝาหลังและหน้าจอโค้งเข้าหาขอบเครื่องด้านข้าง ทำให้ได้สมาร์ทโฟนที่มีความเพรียวบางเพียง 7.89 มม. น้ำหนักเบา 185 กรัม และมีตัวเครื่อง 2 สีใหม่ ได้แก่ สีม่วง Glossy Purple และ สี เทา Silvery Grey

  • สีม่วง Glossy Purple เป็นโทนสีใหม่ของ Reno Series ที่ทำขึ้นจากโทนสีม่วงเมทัลลิก ผิวสัมผัสลื่นมันเงา เมื่อสัมผัสอาจมีรอยนิ้วมือเล็กน้อย แต่เช็ดทำคววามสะอาดง่าย และ
  • สีเทา Silvery Grey จะใช้กระบวนการผลิตแบบ OPPO Glow เป็นผิวสัมผัสลื่นแบบด้าน ลดการเกิดรอยนิ้วมือได้ดี และยังจับถือสบายมือ

ส่วนฝาหลังก็มีการออกแบบโมดูลกล้องเหมือนกับ OPPO Reno10 5G คือแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยที่ด้านบนเป็นโลหะลาย CD และด้านล่างเป็นกระจกสีดำ เข้ากับฝาหลังได้อย่างสวยงามและลงตัว

การจัดวางพอร์ตต่างๆ ก็เหมือนกัน ต่างกันที่ด้านบนตัวเครื่องจะมีเพียงไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และ Infrared blaster

ตัวเครื่องด้านล่างมีช่องใส่ซิม พอร์ตชาร์จ USB Type – C และลำโพงเสียง

ปุ่มปรับระดับเสียงเพิ่ม – ลด และปุ่มเปิด – ปิดเครื่องจะอยู่ทางด้านขวาของเครื่อง ออกแบบให้มีขนาดเล็กและกลมกลืนกับขอบข้างอย่างสวยงาม

หน้าจอ OLED 3D Curved ขอบจอบางเฉียบ

หน้าจอแแสดงผลของ OPPO Reno10 Pro 5G เป็นจอ OLED 3D Curved ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับอัตรารีเฟรชเรท 120Hz ทั้งยังเป็นจอสีสันสวยงาม แสดงผลสีแบบ 10bit ที่ความสว่าง HDR950nit ทำให้การใช้งานบนจอทำได้กว้างเกือบเต็ม เพราะขอบด้านข้างที่เล็กเพียง 1.57 มม. ใช้งานได้กว้าง รายละเอียดและสีสวยคมชัด

แบตฯ ใหญ่ ชาร์จไว

OPPO Reno10 5G

แม้ว่าตัวเครื่องถูกออกแบบให้มีความบางและน้ำหนักเบา แต่ให้แบตฯ ขนาดใหญ่ 5,000mAh ใช้งานได้นานตลอดทั้งวัน จากการทดลองใช้งานทั่วไป ดูวิดีโอ คุยโทรศัพท์ และเล่นเกมเล็กน้อยตั้งแต่เช้าถึงเย็น แบตฯ ยังมีเหลือให้ใช้งานได้จนกว่าจะถึงบ้าน แต่ถ้าหากใครที่ใช้งานหนักๆ ต่อเนื่อง แบตฯ ก็อาจจะลดลงไปมากกว่านี้ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะ OPPO Reno10 5G มาพร้อมเทคโนโลยีชาร์จไว 67W SUPERVOOC ช่วยแก้ปัญหาการชาร์จในเวลาเร่งรีบให้ได้แบตฯ มาใช้งานเพิ่ม เพียงแค่ 30 นาที ชาร์จได้ถึง 70% และชาร์จเต็ม 100% ในเวลาแค่ 47 นาทีเท่านั้น

ส่วนใครที่กังวลว่าชาร์จไวจะทำให้แบตฯ เสื่อม ตัดปัญหานี้ไปได้เลย เพราะ OPPO Reno10 5G มาพร้อม Battery Health Engine เอกสิทธิ์เฉพาะของ OPPO ที่ช่วยเพิ่มรอบการชาร์จได้ถึง 1600 รอบ ทำให้แบตฯ ยังคงประสิทธิภาพและใช้งานได้นานขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีอัลกอริธึม Freeze Protection ที่ออกแบบมาให้สามารถชาร์จแบตฯ ได้ในสภาวะที่เย็นจัด ชาร์จได้สม่ำเสมอและปลอดภัยในสภาพแวดล้องตั้งแต่ -20°C ถึง 35°C ไม่ว่าจะร้อยหรือหนาวก็มั่นใจได้ว่าขณะชาร์จแบตฯ มีความปลอดภัยไร้กังวล

OPPO Reno10 Pro 5G

สำหรับรุ่นพี่อย่าง OPPO Reno10 Pro 5G จะมีแบตฯ ความจุ 4600mAh ใช้งานได้ต่อเนื่อง ซึ่งน้อยกว่ารุ่นน้อง แต่ให้เทคโนโลยีชาร์จไว 80W SUPERVOOC ใช้เวลาเพียง 28 นาที ได้แบตฯ เต็ม 100% หรือในช่วงเวลาเร่งรีบสามารถชาร์จเพียง 10 นาที ได้แบตฯ เพิ่มขึ้นถึง 48% ทั้งยังเพิ่มรอบในการชาร์จและคายประจุได้ถึง 1600 รอบเช่นกัน ใช้งานได้นานไม่ต้องกังวลว่าแบตฯ จะเสื่อม

นอกจากนี้ ยังเป็น Reno Series รุ่นแรกที่ใส่ชิปการจัดการพลังงาน SUPERVOOC S เข้ามาช่วยจัดการพลังงาน เป็นการรวบรวม 6 ฟังก์ชั่นเข้าด้วยกัน ได้แก่ การชาร์จ การคายประจุ การถอดรหัส การรีเซ็ต การป้องกันแบตเตอรี่ และเบรกเกอร์ไว้ในชิปตัวเดียว ช่วยลดพื้นที่การใช้งานของส่วนประกอบในการชาร์จได้เร็วถึง 45% และเพิ่มการคายประจุแบตฯ เป็น 99.5% ทำให้ระหว่างวันใช้งานได้ยาวนานขึ้น

ประสิทธิภาพทรงพลัง

OPPO Reno10 5G

ประสิทธิการทำงานก็ใช้งานได้ไหลลื่น ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTekDimensity 7050 ขนาด 6 นาโนเมตร ช่วยในการจัดการพลังงานได้ดีขึ้น ทำงานคู่กับ RAM 8GB มีฟีเจอร์ RAM Expansion สูงสุด 8GB ที่สามารถดึงเอาพื้นที่หน่วยความจำภายในตัวเครื่องมาใช้เป็น RAM ชั่วคราว ทำให้เครื่องทำงานรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป เล่นเกม หรือแม้แต่การเปิดแอปพลิเคชั่นพร้อมกันเครื่องก็ทำงานไม่สะดุด

หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง หรือ ROM ก็ให้มาถึง 256GB ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้ แต่รับรองว่าใช้งานได้เพียงพอ ทั้งดาวน์โหลดแอปฯ เก็บไฟล์ ภาพถ่ายหรือวิดีโอก็ได้เป็นหมื่นรูป

OPPO Reno10 Pro 5G

OPPO Reno10 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 778G 5G ขนาด 6 นาโนเมตร ทำงานคู่กับ RAM 12GB (RAM Expansion สูงสุด 8GB) + ROM 256GB ใช้งานลื่นไหลนานขึ้นด้วย Dynamic Computing Engine ที่ทาง OPPO พัฒนาร่วมกับ Google ในการจัดการหน่วยความจำบน Android เพิ่มความเร็วในการเข้า ทั้งยังสามารถปรับแบบไดนามิกได้สูงสุด 16 เท่า ทำให้เปิดใช้งานแอปฯ ได้ราบรื่นและทำงานพร้อมกันได้สูงสุดถึง 44 แอปฯ

ระบบปฎิบัติการ

OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G รันบนระบบปฎิบัติการ ColorOS 13.1 based on Android 13 ที่มีหน้าตา UI ทันสมัย ใช้งานและเข้าถึงง่าย รวมถึงฟังก์ชั่นการใช้งานที่ช่วยให้การทำงานบนง่ายและมีประสิทธิภาพ เช่น

Multi-Screen Connect สามารถเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับอุปกรณ์อื่น ทั้ง PC หรือแท็บแล็ต เพื่อการใช้งานหลายหน้าจอได้พร้อม ทั้งยังซิงค์การทำงานเข้าหากันได้เป็นแบบเดียวกัน รวมถึงไฟล์ การแจ้งเตือนต่างๆ ก็ทำงานได้ร่วมกัน

Smart Always-On Display สามารถควบคุมการเล่นเพลงบน Spotify ได้โดยไม่ต้องปลดล็อคหน้าจอ

IR Remote Control เปลี่ยนสมาร์ทโฟนเป็นรีโมทเพื่อใช้ควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใช้อินฟราเรดในบ้านได้ทันที

เชื่อมต่อกับ OPPO Enco Air3 Pro ได้ง่ายและสลับการใช้งานระหว่างอุปกรณ์ได้อัตโนมัติเมื่อเปิดเพลงหรือใช้งานบนอุปกรณ์นั้นๆ โดยการลงชื่อเข้าใช้บัญชี HeyTap เพียงครั้งเดียว และหูฟังยังรองรับการเชื่อมต่อได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์

สรุปท้ายรีวิว

OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่ออกมาเอาใจคนชอบถ่ายพอร์ตเทรตด้วยความสามารถในการซูม 2 เท่า ทำให้ได้ภาพคนที่ใกล้ขึ้นและโดดเด่น รวมถึงกล้องหลังก็ให้ความละเอียดสูง มาพร้อมหน้าจอแสดงสีสันสดใส ใช้งานได้กว้างเกือบเต็มขอบ ยิ่งเฉพาะดูหนัง หรือเล่นเกม จะได้จอที่เต็ม ใช้งานลื่นไหลด้วยรีเฟรชเรท 120Hz โดยที่ตัวเครื่องมีการออกแบบให้พรีเมียมขึ้น เครื่องบางพกพาง่าย และแบตฯ ก็ยังให้มาใช้งานได้ตลอดทั้งวัน และมีเทคโนโลยีชาร์จไว ให้เป็นเจ้าของง่ายขึ้นในราคาไม่ถึงสองหมื่น

อุปกรณ์ภายในกล่อง

OPPO Reno10 5G และ OPPO Reno10 Pro 5G ให้อุปกรณ์ในกล่องมาเหมือนกัน ดังนี้

  • สมาร์ทโฟน
  • อะแดปเตอร์ชาร์จไว
  • สายชาร์จแบบ USB – Type – C
  • เคสซิลิโคน
  • เข็มจิ้มซิม
  • คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

สเปค OPPO Reno10 5G

  • หน้าจอ AMOLED 3D Curved Screen กว้าง 6.7 นิ้ว – 2412 x 1080 พิกเซล
  • เทคโนโลยีหน้าจอ : รีเฟรชเรท 120Hz, Touch Sampling Rate 240Hz, HDR10+, 10 Bit, 100% DCI-P3
  • ชิปเซ็ต MediaTekDimensity7050 5G
  • GPU : Arm® Mali-G68MC4
  • RAM 8GB (RAM Expansion สูงสุด 8GB) + 256GB
  • ระบบปฏิบัติการ OxygenOS 13.1 based on Android 13
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
  • กล้องหลัก 64MP, รูรับแสง f/1.7, CDAF, PDAF
  • กล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera เซ็นเซอร์ Sony IMX709 RGBW, f/2.0, Optical Zoom 2x, Digital Zoom 20x
  • กล้อง Ultra-wide 8MP, f/2.2, มุมกว้าง 112 องศา
  • กล้องหน้า 32MP, f/2.4
  • วิดีโอกล้องหลัง 4K @30fps, 1080P@30fps/60fps, 720P@30fps/60fps, EIS
  • วิดีโอกล้องหน้า 720P/1080P@30fps
  • การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6/5, Bluetooth 5.3, NFC, IR Remote Control
  • แบตฯ 5000mAh ชาร์จไว 67W SUPERVOOC
  • ขนาดตัวเครื่อง 162.29 x 74.05 x 7.99 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 185 กรัม
  • สี Ice Blue, Silvery Grey

สเปค OPPO Reno10 Pro 5G

  • หน้าจอ OLED3D Curved Screen กว้าง 6.7 นิ้ว – 2412 x 1080 พิกเซล
  • เทคโนโลยีหน้าจอ : รีเฟรชเรท 120Hz, Touch Sampling Rate 240Hz, HDR10+, 10 Bit, 100% DCI-P3
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 778G 5G Mobile Platform
  • GPU : Adreno 642L
  • RAM 12GB (RAM Expansion สูงสุด 8GB) + 256GB
  • ระบบปฏิบัติการ OxygenOS 13.1 based on Android 13
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
  • กล้องหลัก 50MP เซ็นเซอร์ Sony IMX890 รูรับแสง f/1.56, PDAF
  • กล้อง 32MP Telephoto Portrait Camera เซ็นเซอร์ Sony IMX709, f/2.0, Optical Zoom 2x, Digital Zoom 20x
  • กล้อง Ultra-wide 8MP, f/2.2, มุมกว้าง 112 องศา
  • กล้องหน้า 32MP, f/2.74, Auto Focus
  • วิดีโอกล้องหลัง 4K @30fps, 1080P@30fps/60fps, 720P@30fps/60fps, OIS, FIS
  • วิดีโอกล้องหน้า 720P/1080P@30fps
  • การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6/5, Bluetooth 5.3, NFC, IR Remote Control
  • แบตฯ 4600mAh ชาร์จไว 80W SUPERVOOC, ชิปจัดการพลังงาน SUPERVOOC S
  • ขนาดตัวเครื่อง 162.3 x 74.2 x 7.89 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 185 กรัม
  • สี Glossy Purple, Silvery Grey

ราคาและการวางจำหน่าย

OPPO Reno10 5G มาพร้อมตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สี Ice Blue และสี Silvery Grey วางจำหน่ายในรุ่นความจุ RAM 8GB + ROM 256GB ในราคา 13,990 บาท

OPPO Reno10 Pro 5G มีตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สี Glossy Purple และสี Silvery Grey วางจำหน่ายในรุ่นความจุ RAM 12GB + ROM 256GB ในราคา 17,990 บาท

พิเศษสุด! สำหรับผู้ที่สั่งซื้อ OPPO Reno10 Series 5G ล่วงหน้าระหว่างวันนี้ – 26 กรกฎาคม 2566 รับฟรีทันทีของสมนาคุณรวมมูลค่าสูงสุด 12,698 บาท ประกอบไปด้วย

  • Camping Chairมูลค่า 1,499 บาท
  • OPPO E-VIP Cardมูลค่าสูงสุด 10,000 บาท
  • OPPO Bandมูลค่า 1,199 บาท

OPPO Enco Air3 Pro

OPPO Enco Air3 Pro หูฟังบลูทูธรุ่นใหม่เปิดตัวมาพร้อมกับ OPPO Ren10 5G Series โดดเด่นด้วยเสียงทรงพลังพร้อมตัดเสียงรบกวน อีกทั้งยังเป็นหูฟังไร้สายตัวแรกที่มีไดอะแฟรมใยไผ่ธรรมชาติ ทำให้สามารถเข้าถึงความถี่สูงกว่า 40kHz ให้เสียงละเอียดและสมจริง สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้พร้อมกัน 2 เครื่อง รองรับ ANC ปรับได้ 49dB ให้คุณได้สนุกกับเสียงได้ทุกเวลา และใช้งานได้นานกว่า 30 ชั่วโมง

จุดเด่นของหูฟัง OPPO Enco Air3 Pro

ไดอะแฟรมใยไผ่ตัวแรกของโลก

OPPO Enco Air3 Pro เป็นหูฟังไร้สายไยไผ่ทำจากวัสดุธรรมชาติ ผ่านการสกัดด้วยกระบวนพิถีพิถัน และอัดเป็นเกร็ดใยไผ่ที่มีความหนาเท่ากัน ทั้งยังทนทานต่อการเจาะทะลุ จากนั้นนำมาประดิษฐ์เป็นไดอะแฟรมที่พอดีกับหูฟัง ช่วยลดสัญญาณรบกวนความถี่สูง ทำให้ได้หูฟังที่มีคุณภาพและเสียงนุ่มนวล

ข้อดีจาการใช้วัสดุธรรมชาติจากใยไผ่เมื่อเทียบกับไดอะแฟรมเคลือบไทเทเนียม จะทำให้น้ำหนักเบาลง โดยที่ไดอะแฟรมสามารถขับเคลื่อนได้ง่ายขึ้น ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเสียงได้เร็ว ทั้งยังมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น โดยที่เส้นใยไฝ่มีจุดเปลี่ยนรูปสูงกว่า 50kHz เกินกว่าระยะได้ยินของหูมนุษย์ และยังกันการกระแทกได้ดี ลดการสั่นสะเทือนภายในได้ดี ทำให้เสียงที่ออกมามีความสมบูรณ์มากที่สุด

LDAC Hi-Res Audio

OPPO Enco Air3 Pro รองรับโปรโตคอล LDAC ในการส่งสัญญาณที่ชัดเจนได้สูงสุดถึง 990kbps ช่วยเก็บรายละเอียดเสียงให้ชัดเจนขึ้น

OPPO Alive Audio ให้เสียงรอบทิศทาง

หูฟังรุ่นนี้ยังมาพร้อมฟีเจอร์ OPPO Alive Audio ช่วยสร้างเอฟเฟกต์เสียงได้รอบทิศทาง ทำให้ได้เสียงที่คมชัดและมีความสมจริงมากขึ้น

รองรับ ANC แบบปรับได้ 49dB

เพลิดเพลินกับความบันเทิงและเสียงได้อย่างชัดเจนด้วย ANC แบบปรับได้ 49dB หรือความสามารถในการตัดเสียงรบกวน ไม่ว่าจะอยู่ในที่เสียงดัง บนรถไฟฟ้า หรือในออฟฟิศ ANC จะช่วยปรับให้เหมาะสม และยังสามารถสลับไปใช้งานลดเสียงรบกวนโดยอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ยินเสียงที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมที่ต่างกัน เพื่อให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกับความบันเทิงขณะใช้หูฟังได้ชัดเจน

เรื่องการตัดเสียงรบกวนบน OPPO Enco Air3 Pro ต้องบอกว่าทำได้ดีมาก อัดแน่นฟีเจอร์ตัดเสียงรบกวนมาให้ใช้งานในแต่ละสถานการณ์ที่ต่างกัน อาทิ ช่วยลดเสียงลมจากภายนอกในขณะที่ฟังเพลง หรือใช้งานโทน ด้วยการทำงานของอัลกอริธึมตัดเสียงรบกวนจากลม หรือจะเป็นโหมด Transparency ที่สามารถจับเสียงพูกของเพื่อนได้โดยที่เราไม่ต้องถอดหูฟัง และยังมีการตัดเสียงรบกวนด้วย AI แบบไมค์คู่ สำหรับใช้งานโทร ซึ่งเมื่อทดลองใช้งานโทรขณะอยู่ในที่ที่มีคนเยอะก็ยังได้ยินเสียงสายสนทนาชัดเจน และคู่สายก็ได้ยินเสียงเราชัดเช่นกัน

ดีไซน์และการออกแบบ

OPPO Enco Air3 Pro มาพร้อมเคสชาร์จไล่ระดับสีเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า ตัวเคสมีลักษณะวงรีขนาดเล็กว่ารุ่นก่อน โดยมีโลโก้ OPPO อยู่ด้านหน้า และถัดลงไปด้านล่างเป็นไฟแจ้งเตือนสถานะ

ตัวเคสจะเปิดขึ้นด้านบน ซึ่งมีหูฟังชาร์จอยู่ด้านใน โดยที่ตัวหูฟังเองมีการออกแบบให้ก้านสั้นลงกว่ารุ่นก่อน รวมถึงเคสชาร์จก็เล็กลงพออดีกับฝ่ามือ พกพาสะดวก นอกจากนี้ ตัวหูฟังจะมีสัญลักษณ์ R สำหรับหูฝั่งขวา และ L ใช้กับหูฝั่งซ้าย ซึ่งเห็นได้ชัดเจนตั้งแต่เปิดเคสออก และเป็นอีกหูฟังที่ใส่สบาย เพราะมียางรองระหว่างตัวหูฟังกับบริเวณที่สัมผัสกับหู ทั้งยังใส่แล้วรู้สึกกระชับไม่ร่วงหล่นง่าย

การเชื่อมต่อ

OPPO Enco Air3 Pro รองรับการเชื่อมต่อด้วย Bluetooth 5.3 ที่มีความหน่วงต่ำเป็นพิเศษ ส่งสัญญาณเสถียร ทำให้เวลาที่ใช้หูฟังเล่นเกมไม่มีอาการดีเลย์ เสียงและภาพเป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อบลูทูธได้พร้อมกัน 2 อุปกรณ์ โดยที่ไม่ต้องคอยปิดการเชื่อมต่อ และเมื่อเล่นเพลงหรือเปิดวิดีโออีกเครื่อง หูฟังก็สามารถสลับไปเชื่อมต่ออุปกรณ์นั้นให้ได้ทันที

แบตฯ อึด ใช้งานได้ยาวนาน

หูฟังตัวนี้ใช้งานได้ต่อเนื่องยาวนานถึง 30 ชม. ต่อการชาร์จเต็มและใช้งานร่วมกับเคส หรือหากใช้เฉพาะหูฟังก็อยู่ได้นานกว่า 7 ชม. ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวัน และยังเหมาะกับการเดินทางเป็นระยะทางไกลๆ เพราะแบตฯ อึดแล้วยังตัดเสียงรบกวยได้ดี นอกจากนี้ OPPO Enco Air3 Pro ยังรองรับชาร์จไว หากมีเวลาจำกัดแค่ 10 นาที สามารถใช้งานได้ต่อถึง 2 ชั่วโมง

สรุปท้ายรีวิว

OPPO Enco Air3 Pro เป็นหูฟังบลูทูธที่มีดีไซน์สวยงาม ทันสมัย ทั้งยังอัดแน่นเทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนให้เหมาะสมกับการใช้งานในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน โดยเสียงที่ได้ก็มีคุณภาพ นุ่มนวล และให้เสียงรอบทิศทาง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละคนว่าชอบเสียงสไตล์ไหน แต่ด้วยราคาที่เข้าถึงง่ายกับฟีเจอร์มากมายก็ถือว่าคุ้มค่า

สเปคหูฟัง OPPO Enco Air3 Pro

  • ขนาดไดร์เวอร์ 12.4mm Dynamic Driver
  • ค่าความไวเสียง 107dB @1kHz
  • ความถี่ 20Hz ~40kHz
  • ค่าความไวไมโครโฟน -38dBV/Pa
  • สัญญาณบลูทูธ LDAC/AAC/SBC
  • เวอร์ชั่นบลูทูธ Bluetooth 5.3
  • ความจุแบตฯ 43mAh (เฉพาะหูฟัง) / 440mAh (เคสชาร์จ)
  • การชาร์จไร้สาย 90 นาที (เฉพาะหูฟัง), 120 นาที (หูฟัง + เคสชาร์จ)
  • พอร์ตชาร์จ USB Type-C
  • กันน้ำ – กันฝุ่น IP55
  • น้ำหนัก 4.3 กรัม (เฉพาะหูฟัง), 47.3 กรัม (หูฟัง + เคสชาร์จ)
  • สี เขียว, ขาว

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • OPPO Enco Air3 Pro
  • สายชาร์จ
  • ยางรองหูฟัง 3 ขนาด
  • คู่มือการใช้งาน

ราคาและการวางจำหน่าย

OPPO Enco Air3 Pro วางจำหน่าย 2 สี ได้แก่ สีเขียว และสีขาว ในราคา 2,999 บาท

แสดงความคิดเห็น