OPPO ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนในตระกูล OPPO Reno7 Series ไปแล้วก่อนหน้านี้ถึง 2 รุ่น ล่าสุดถึงคิวน้องเล็ก OPPO Reno7 Z 5G ที่ยังคงชูจุดเด่นด้าน AI Portrait เรื่องการถ่ายภาพพอร์ตเทรตได้ดีที่สุด มาพร้อมตัวเครื่อง Ultra-Slim Retro Design ขอบเหลี่ยม บางเบา และจุดเด่นอีกมากมาย

ดีไซน์ตัวเครื่อง

OPPO Reno7 Z 5G มีตัวเครื่องแบบ Ultra-Slim Retro Design กับขอบข้างแบบเหลี่ยม จับถือถนัดและกระฉับมือ ทั้งยังมีขนาดที่บางเพียง 7.55 มม. ในสี Rainbow Spectrum และสี Cosmic Black บาง 7.49 มม. และน้ำหนักเบาเพียง 173 กรัม ทำให้จับถือเล่นได้นานต่อเนื่องโดยที่ไม่รู้สึกเมื่อยมือ

นอกจากนี้ ยังคงความเป็นแฟชั่นในเรื่องของสีสันตัวเครื่องที่มีให้เลือก 2 สี 2 สไตล์ที่ต่างกันของสี Rainbow Spectrum และ Cosmic Black โดยที่ทั้งคู่ถูกออกแบบด้วยการเคลือบ 2 ชั้น และพื้นผิว 3 เลเยอร์ และยังมีการนำเทคนิคการออกแบบของ OPPO Glow มาใช้เป็นเลเยอร์ชั้นบนสุด เพื่อให้ได้ตัวเครื่องที่มีผิวระยิบระยับ

การใช้เทคนิคเคลือบ 2 ชั้นบนสี Rainbow Spectrum ทำให้ได้ฝาหลังไล่ระดับของเฉดสีแดง เหลือง และเขียวในชั้นฐาน และเคลือสีเงินสะท้อนด้านบน ทำให้ได้เกิดเอฟเฟกต์แบบปริซึม 6 เฉดสีคล้ายกับสีรุ้ง และสะท้อนเล่นเงาเปลี่ยนสีได้เมื่อกระทบแสงจากสีแดงเป็นสีเขียวมิ้นต์ สีเหลืองเป็นสีม่วง และสีเขียวเป็นสีชมพู เปรียบเหมือนสายรุ้งที่เกิดขึ้นหลังสายฝน

ส่วนตัวเครื่องสี Cosmic Black จะมีพื้นผิวเปล่งประกายด้วยการใช้เทคนิคเดียวกัน แสดงถึงความมืดอันบริสุทธิ์ชวนน่าหลงใหล เสมือนหลุมดำที่อยู่ตรงกลางจักรวาลที่พร้อมจะดูดซับมวลสารทั้งหมด

ตัวเครื่องด้านข้างแม้ว่าจะเป็นเหลี่ยมแต่จับสบายมือ เป็นการออกแบบที่เรียกว่า C-Shaped frame มาพร้อมดีไซน์ขอบจอแบบ 2.5D ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ซึ่งต้องบอกว่าเป็นอีกรุ่นที่มีความปราณีต ใส่ใจเรื่องการออกแบบให้ตัวเครื่องออกมาดูดีสวยงาม

ส่วนพอร์ตต่างๆ ก็จัดวางไว้ที่รอบตัวเครื่องได้อย่างลงตัว มีช่องใส่ซิมการ์ด 2 ซิม แบบ Hybrid SIM โดยช่องที่สองสามารถเลือกได้ว่าจะใส่ซิมหรือ MicroSD ถัดลงมาจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มเปิด-ปิดเครื่องก็จะอยู่ทางด้านขวา

OPPO Reno7 Z 5G ยังเป็นอีกรุ่นที่ให้ช่องหูฟัง 3.5 มม. มาไว้ใช้กับหูฟังแบบสาย โดยจัดวางไว้ที่ตัวเครื่องด้านล่างพร้อมกับไมโครโฟน พอร์ตชาร์จที่เป็น USB Type-C และลำโพงเสียงตัวเครื่อง

บริเวณด้านหลังที่เป็นจุดวางเลนส์กล้องจะเห็นว่าผิวด้านล่างกล้องเป็นแบบเรียบเงา มีกล้อง AI Portrait มาให้ใช้งานทั้งหมด 3 เลนส์ และไฟแฟลช LED

โดยที่ใต้เลนส์กล้องที่เป็นวงกลมขนาดใหญ่ 2 เลนส์ จะมีไฟที่เรียกว่า Dual Orbit Lights หรือไฟแจ้งเตือนแบบ Dual-Ring ครั้งแรกที่ทาง OPPO พัฒนาขึ้นมาเอง โดยจะอยู่ด้านล่างของเลนส์กล้องทั้ง 2 ที่มีลักษณะวงกลม ซึ่งจะสว่างขึ้นเป็นวงแหวน หรือกระพริบเป็นสีต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสีน้ำเงิน ฟ้าอ่อน ฟ้าคราม หรือเบบี้บลู ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ เช่น แจ้งเตือน สายเรียกเข้า ข้อความ เปิดเกม หรือขณะชาร์จแบตเตอรี่

กล้อง AI Portrait

กล้องถ่ายภาพด้านหลังบน OPPO Reno7 Z 5G ให้มาทั้งหมด 3 เลนส์ แบ่งออกเป็น เลนส์หลัก 64MP High-Res + เลนส์ Depth 2MP, f/2.4 และเลนส์ Macro 2MP, f/2.4

จุดเด่นของกล้องรุ่นนี้ก็ตามสโลแกน The Portrait Expert ที่เน้นไปที่การถ่ายภาพพอร์ตเทรตหลากหลายโหมด ไม่ว่าจะเป็น Bokeh Flare Portrait, AI Color Portrait, Selfie HDR, Portrait Retouching เป็นต้น

ฟีเจอร์กล้องที่น่าสนใจ

Bokeh Flare Portrait

ฟีเจอร์ที่เป็นจุดเด่นของรุ่นนี้เลยก็ว่าได้ เป็นการถ่ายภาพหน้าชัด-หลังเบลอ มีดวงไฟโบเก้ระยิบระยับเป็นประกาย เพิ่มความโดดเด่นให้ภาพถ่ายดูน่าสนใจ โดยใช้งานได้บนภาพนิ่งทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง

ฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait สามารถถ่ายภาพคนที่มีพื้นหลังเบลอและขึ้นเป็นดวงไฟกลมที่ส่วนใหญ่จะใช้กล้องใหญ่แบบ DSLR ที่มีรูรับแสงกว้างถ่าย แต่สำหรับ OPPO Reno7 Z 5G นั้นก็ทำได้ด้วยการนำเอาอัลกอริธึมเฉพาะของทาง OPPO มาใช้ ช่วยเพิ่มความสว่างให้บุคคลเด่น และปรับพื้นหลังให้เบลออัตโนมัติ เพิ่มดวงไฟเปร่งประกาย

นอกจากนี้ ยังเป็นฟีเจอร์ที่ได้พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง สามารถเรียนรู้ว่าอันไหนคือแบบและพื้นหลัง โดยจะเห็นว่าการตัดขอบบริเวณเส้นผมทำได้เนียน มีความคมชัด ไม่ทำให้แบบลอยออกมาจากพื้นหลัง ทำให้ภาพที่ได้ออกมามีความสวยเป็นธรรมชาติ

ฟีเจอร์นี้จะใช้งานได้ในโหมดรูปคน จากนั้นเลือกฟิลเตอร์ และเลือก Bokeh Flare Portrait แล้วก็หาฉากหลังที่เป็นไฟ ต้นไม้ที่มีแสงแดดส่อง เพื่อให้ได้ภาพเบลอและเป็นโบเก้สวยงาม

นอกจากการถ่ายภาพบุคคลที่ใช้ฟีเจอร์ Bokeh Flare Portrait ก็ยังสามารถถ่ายพอร์ตเทรตแบบหน้าชัด-หลังเบลอ หรือจะเพิ่มลูกเล่นด้วยฟิลเตอร์ที่มีมาให้มากกว่า 6 แบบ ก็จะได้ภาพพอร์ตเทรตที่แตกต่างไปอีกแบบ

Portrait Retouching

ฟีเจอร์ปรับแต่งหน้าสวยสามารถเปิดใช้งานได้พร้อมกับการถ่าย Bokeh Flare Portrait หรือจะมาแก้ไขหลังจากถ่ายภาพเสร็จแล้วก็ได้ รองรับการใช้กับกล้องหน้าเท่านั้น

โดยเป็นการปรับแต่งความสวยให้กับใบหน้าด้วยการผสานจุดที่สำคัญบนใบหน้ามากถึง 373 จุด ด้วยการเทรนข้อมูลจากภาพกว่า 400,000 ภาพที่มีมากกว่า 5,000 ใบหน้า ทำให้อัลกอริธึมเรียนรู้ใบหน้าของแต่ละคนและเป็นกลุ่มได้ เรียนรู้เชื้อชาติ เพศ อายุ เพื่อนำมาปรับแต่งให้มีหน้าสวยเนียนเป็นธรรมชาติไม่ดูโอเวอร์หรือผิดเพี้ยนมากเกินไป

การปรับแต่งสามารถเลือกได้แบบเป็นธรรมชาติ หรือปรับได้ตามโมเดลที่มีมาให้ 8 แบบ ไปจนถึงขั้นปรับโทนสีผิว แก้ม ขนาดดวงตา จมูก คาง และอื่นๆ ได้อย่างฉลาด

กล้องเซลฟี่ 16MP รองรับ HDR

กล้องหน้ามีความละเอียดอยู่ที่ 16MP ซึ่งนอกจากจะใช้งานปรับแต่งหน้าสวยแล้ว ยังสามารถเปิดใช้งาน HDR เมื่อต้องการถ่ายเซลฟี่ในสภาวะแสงน้อยหรือที่ที่มีแสงสว่างจ้า หรือเมื่อต้องการถ่ายภาพย้อนแสง จะช่วยให้ภาพที่ถ่ายออกมายังคงความชัดของใบหน้าและฉากหลังที่เก็บรายละเอียดได้ครบ ไม่ใช่ว่าถ่ายชัดแต่ใบหน้าและได้ฉากหลังสว่างจ้าไม่เห็นอะไรเลย

AI Scene Enhancement

เป็นฟีเจอร์ที่สามารถเรียนรู้สิ่งที่เรากำลังถ่าย หรือที่เรียกว่าฉากที่มีในเครื่องมากกว่า 23 ฉาก เช่น ท้องฟ้า อาหาร หญ้า เป็นต้น จากนั้นเมื่อกดชัตเตอร์ AI จะเข้ามาช่วยในการปรับแต่งภาพและสีสันให้ออกมาเหมือนฉากที่ระบุ เช่น ถ้าถ่ายอาหารก็จะได้ภาพที่มีสีสันสดน่ารับประทาน หรือถ่ายต้นไม้ก็จะออกมาเป็นสีเขียวแบบมีชีวิตชีวา

Ultra-Clear 108MP

กล้องหลักของ OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อมความละเอียดสูง 64MP และอัลกอริธึมที่ช่วยให้ภาพที่ถ่ายออกมาคมชัด เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน สามารถนำมาขยายได้ความละเอียดสูงถึง 108MP เอาไปใช้งานต่อได้โดยไม่เสียรายละเอียด โดยจะรองรับการใช้งานเฉพาะกล้องหลังและเปิดโหมด HD พิเศษ เท่านั้น

โหมดกลางคืน

แม้ว่าจะไม่มีกล้องมุมกว้างมาให้ แต่มีโหมดถ่ายภาพกลางคืนมาให้ใช้งานได้ถึง 3 ระยะ โดยที่สามารถถ่ายกลางคืนได้ดีเยี่ยม ภาพที่ได้มีความคมชัด สีและแสงก็เป็นตาที่ตามองเห็น และไม่มีจุดรบกวนบนภาพ

AI Color Portrait

ฟีเจอร์ที่จะช่วยให้ภาพบุคคลมีความโดดเด่นกว่าที่เคย โดยการปรับพื้นหลังให้เป็นสีขาวดำแต่เหลือสีสันไว้ที่ตัวแบบ ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม และยังมี AI ช่วยตัดกับฉากหลังได้เนียนให้ออกมาเป็นภาพถ่ายที่ดึงดูดสายตา ทั้งนี้จะรองรับการใช้งานเฉพาะกล้องหน้าเท่านั้น

หน้าจอแสดงผล

OPPO Reno7 Z 5G มาพร้อมหน้าจอแสดงผล Single Punch-Hole AMOLED กว้าง 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ ให้สีสันที่คมชัดสดใส อัตราส่วนหน้าจออยู่ที่ 90.8%

บริเวณมุมซ้ายจะมีกล้องเซลฟี่แบบเจาะรู ความละเอียด 16MP โดยที่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ส่งผลให้การใช้งานแบบหน้าจอเต็มทำได้สบายตา ไม่ได้รู้สึกว่ากล้องจะรบกวนสายตา

ในส่วนของหน้าจอค่อนข้างแสดงผลสีที่สดใส รองรับการรับชม Netflix ได้ในระดับ HD มีโหมดถนอมสายตาเพื่อให้ใช้งานต่อเนื่องไม่มีอาการเมื่อยล้าต่อดวงตา และยังรองรับการใช้งานโหมดมืดได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ยังสามารถปรับตั้งค่าสีหน้าจอได้เพิ่ม มีให้เลือกทั้งแบบเจิดจ้า ก็จะได้สีที่สว่างสดใส หรือจะเป็นธรรมชาติ หน้าจอจะแสดงสีที่เนียนตาในโทนอุ่นมากขึ้น

หน้าจอแสดงผลของ OPPO Reno7 Z 5G ยังคงมีอัตรารีเฟรชเรทอยู่ที่ 60Hz แต่การทำงานค่อยข้างลื่น ทั้งการใช้งานทั่วไป สไลด์ฟีด หรือแม้แต่เล่นเกมเองก็ตอบสนองการสัมผัสได้เร็ว

ระบบความปลอดภัย

ในส่วนด้านล่างหน้าจอยังใส่เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมาให้ การใช้งานแค่แตะเบาๆ ก็ปลดล็อคเข้าสู่หน้าจอหลักได้ทันที โดยรองรับการใช้งานสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ

นอกจากการสแกนนิ้วแล้ว ยังรองรับระบบความปลอดภัยในการเข้าถึงตัวเครื่องแบบอื่น ไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อคด้วยใบหน้า ที่มีความเร็วและแม่นยำ เพียงมองไปที่บริเวณกล้องหน้าเครื่องก็ปลดล็อคทันที หรือจะใช้เป็นรหัสผ่านก็ยังมีให้เหมือนเดิม ตั้งค่าได้ตั้งแต่ 4-6 หลัก เพื่อความปลอดภัยเบื้องต้นต่อการเข้าถึงข้อมูลภายใน

ประสิทธิภาพตัวเครื่อง

OPPO Reno7 Z 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G Mobile Platform ขนาด 6 นาโนเมตร ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นแรกๆ ทำงานคู่กับ RAM 8GB + ROM 128GB ที่เพียงพอต่อการทำงาน เปิดแอปพลิเคชั่น เล่นเกม แต่ถ้าไม่พอและต้องการเพิ่มความเร็วไม่ให้เครื่องสะดุด ก็มีฟีเจอร์ RAM Expansion ได้สูงสุด 5GB โดยรวมแล้วเมื่อเพิ่มมาจะได้สูงสุดถึง 13GB เลยทีเดียว ซึ่งเป็นการดึงเอาหน่วยความภายในตัวเครื่องมาเพิ่มให้เป็น RAM

การทำงานพื้นฐานทั่วไปบนเครื่องถือว่าทำได้เร็ว ตอบสนองดี ไม่ว่าจะเปิดแอปฯ ซ้อนกันและสลับไปเครื่องก็ยังทำงานลื่น ไม่มีอาการสะดุดหรือกระตุก นอกจากนี้ ยังสามารถเล่นเกมได้ลื่น ไม่ว่าจะเป็นเกมที่มีกราฟิกเยอะ หรือเกมทั่วไปก็ยังเล่นลื่น ทั้งยังเปิดเฟรมเรทได้สูง เกมเล่นลื่นไม่สะดุด

เพลิดเพลินกับการเล่นเกมได้ไม่สะดุด

หากกังวลว่าเกมที่ใช้กราฟิกเยอะจะเล่นได้ไม่ลื่น ตามคู่แข่งไม่ทัน สามารถเปิดใช้งาน Game Focus Mode เพื่อตั้งค่าหรือปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น ล็อคแสงหน้าจอ หรือเลือกบันทึกหน้าจอได้ง่ายขึ้น แค่เลื่อนแถบที่อยู่ข้างหน้าจอออกมาในขณะกำลังเล่นเกม เพียงเท่านี้ก็สามารถตั้งค่าหรือดึงประสิทธิภาพตัวเครื่องออกมาทำงานได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ตัวเครื่องยังพัฒนาระบบให้รองรับการเล่นเกมได้ไม่สะดุด เช่น

AI System Booster เป็นระบบที่พัฒนาขึ้นจาก ColorOS และ Android เพื่อมาเพิ่มประสิทธิภาพ E2E ที่รองรับทุกสถานการณ์ในการใช้งาน ทำให้สมาร์ทโฟนเล่นได้ลื่นทุกช่วงเวลา

AI Frame Rate Stabilizer เป็นการใช้อัลกอริธึม AI เข้ามาช่วยประเมินเฟรมเรทแบบเรียลไทม์ เมื่อตรวจพบอาการผิดปกติ ระบบ AI Frame Rate Stabilizer จะเข้ามาช่วงดึงการทำงานไม่ให้เฟรมเรทตก ยังคงเล่นได้คงที่
Quick Startup เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยระบุเกมที่เล่นบ่อยพร้อมใช้งานตลอดเวลา ช่วยลดการดาวน์โหลดพื้นหลังและข้ามแอนิเมชั่นต่างๆ ทำให้เข้าเกมได้เร็วขึ้น

ทั้งนี้ สำหรับการใช้งานเพื่อเล่นเกมก็อยู่ในระดับดี ตอบสนองต่อการสัมผัสรวดเร็ว รวมถึงการประมวลผลเกมและภาพก็เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่ได้กระตุกหรือสะดุดแต่อย่างใด

รองรับ 5G

ชิปเซ็ตที่ติดตั้งมาใน OPPO Reno7 Z 5G ยังรองรับการเชื่อมต่อ 5G ที่สมัยนี้เริ่มขยายการใช้งานเยอะเกือบทุกพื้นที่ ช่วยให้การทำงานของเราเร็วขึ้น ไม่ว่าจะดาวน์โหลด หรืออัปโหลดก็ไม่ต้องใช้เวลารอนาน

ระบบปฎิบัติการ Color OS 12

OPPO Reno7 Z 5G รันบนระบบปฎิบัติการ Color OS 12 บนพื้นฐาน Android 12 ที่มีการปรับปรุงใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เฟซ UI ให้มีความสบายตา ใช้งานง่ายและทันสมัย โดยพัฒนาให้รองรับการใช้งานมากถึง 67 ภาษา ใน 140 ประเทศ

ทั้งยังมีไอคอน 3D แบบใหม่ ที่มาพร้อมพื้นผิวกระจกแบบด้าน ทำให้ไอคอนมีความสมจริง ใช้งาน UI ได้เพลินเพลิน และยังสามารถปรับแต่งการทำงานของส่วนต่างๆ ได้เอง เช่น วอลเปเปอร์ ธีม การแสดงผลหน้าจอตลอดเวลารวมถึงลักษณะไอคอน สี และตัวอักษร ให้ใช้งานได้ในแบบที่คุณต้องการ

O Relax เป็นแอปฯ ที่ติดตั้งมากับตัวเครื่อง เพื่อช่วยเบรกความตึงเครียดด้วยเสียงเพลงที่ทำให้ผ่อนคลาย ช่วยทำจิตใจให้สงบ ส่งผลต่อการฝึกหายใจ นอนหลับดีขึ้น และยังมีเกมให้เล่นคลายเครียด เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ผ่อนคลายได้ในแต่ละวัน

Air Gestures เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยควบคุมการทำงานบนหน้าจอด้วยท่าทางแบบไม่ต้องสัมผัส ซึ่งจะต้องเข้าไปเปิดการใช้งานที่ Setting > System Setting > Gestures & Motion > Air Gestures

รองรับการใช้งานในการปัดขึ้น-ลง เพื่อเลื่อนหน้าจอ ใช้งานได้กับ Facebook, Instagram, Tiktok และ YouTube รวมถึงการรับสายและปิดเสียง โดยการโบกมือบนหน้าจอ

แบตเตอรี่

แบตฯ ให้มาที่ความจุ 4500mAh ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานในหนึ่งวัน ไม่ว่าจะโทรศัพท์ เล่นโซเชียล ดูหนัง ฟังเพลง แต่ถ้าหากแบตฯ หมดก็ไม่ต้องกังวล เพราะรองรับชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC ที่ช่วยให้การชาร์จสะดวกไม่ต้องเสียเวลารอนาน โดยที่ชาร์จแบตฯ 100% ได้เต็มภายในเวลาเพียง 63 นาที หรือชาร์จเพียง 5 นาที สามารถคุยได้ถึง 3 ชั่วโมง ซึ่งจะต่างกับเมื่อก่อนที่ต้องมานั่งรอชาร์จนานๆ หรือชาร์จข้ามคืน แค่มีเทคโนโลยีนี้เราก็สามารถชาร์จเมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ

จุดเด่น

  • ตัวเครื่องดีไซน์แบบเหลี่ยม บางและเบา
  • ฟีเจอร์ถ่ายภาพ Portrait มีให้เลือกใช้เยอะ
  • แบตฯ ใหญ่ ชาร์จเร็ว

จุดที่ควรพิจารณา

  • ไม่มีหูฟังมาให้ในกล่อง
  • กล้องไม่รองรับมุมกว้าง

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • สมาร์ทโฟน OPPO Reno7 Z 5G
  • สายชาร์จ USB Type-C
  • อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W SUPERVOOC
  • เคสซิลิโคน
  • เข็มจิ้มซิม
  • คู่มือและใบรับประกัน

สเปค OPPO Reno7 Z 5G

  • หน้าจอ AMOLED FHD+ Punch-hole Display ขนาด 6.4 นิ้ว – 2400 x 1080 พิกเซล
  • ชิปเซ็ต Qualcomm® Snapdragon™ 695 5G Mobile Platform
  • RAM 8GB, ROM 128GB
  • Qualcomm Adreno GPU 610
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid Slot
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
  • – เลนส์หลัก 64MP, f/1.7, LED flash, HDR
  • – เลนส์ Bokeh 2MP, f/2.4
  • – เลนส์ Macro 2MP, f/2.4
  • กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล, f/2.4, HDR
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac, Bluetooth 5.0, USB Type-C, On-The-Go
  • ระบบปฏิบัติการ ColorOS 12 based on Android 11
  • แบตเตอรี่ 4500mAh รองรับ 33W SUPERVOOC
  • ตัวเครื่องบาง 7.55 มม. (สี Rainbow Spectrum) และขนาด 7.49 มม. (สี Cosmic Black)
  • น้ำหนัก 173 กรัม
  • สี Rainbow Spectrum และ Cosmic Black

ราคาและการวางจำหน่าย

สมาร์ทโฟน 5G ที่ถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่ดีที่สุด OPPO Reno7 Z 5G รุ่นล่าสุด กับนวัตกรรมถ่ายภาพที่ให้เป็นตัวเองได้ไม่จำกัดด้วยพอร์ตเทรต วางจำหน่ายในราคา 12,990 บาท มี 2 สี ได้แก่ สีรุ้ง Rainbow Spectrum และสีดำ Cosmic Black ณ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

สรุปท้ายรีวิว

OPPO Reno7 Z 5G เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์การถ่ายภาพพอร์ตเทรตตัวจริงอย่างมืออาชีพ ใช้งานง่ายเพียงคลิกเดียว และมีฟีเจอร์กล้องให้ใช้หลากหลาย ส่วนการทำงานทั่วไปก็อยู่ในระดับดี จอสีสวยคมชัด ดีไซน์โดดเด่นทั้งเรื่องของสีตัวเครื่อง ลูกเล่นไฟหลังกล้องและยังรองรับการใช้งาน 5G ชาร์จเร็วอีกด้วย

แสดงความคิดเห็น