POCO F2 Pro กลับมาครั้งนี้ถือว่าไม่ทำให้ผิดหวัง หลังจากที่เปิดตัวรุ่นแรกและทำตลาดในไทยไปเมื่อปี 2018 กับสมาร์ทโฟน POCO Phone F1 จากนั้นเว้นมาถึง 2 ปีเปิดตัวรุ่นใหม่ที่ยังกล้าเรียกตัวเองว่าเป็น Flagship Killer หรือนักฆ่าเรือธง ซึ่งก็ต้องยกให้เพราะด้วยสเปคที่ใส่ชิปเซ็ต Snapdragon 865 รองรับ 5G (แต่ยังใช้ในไทยไม่ได้) มาพร้อมจอแสดงผล AMOLED กว้าง 6.67 นิ้ว HDR10+ ดู Netflix ได้ในระดับ HD และมีกล้องหลังถึง 4 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 64MP รองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 8K โดยวางขาย 2 รุ่น ได้แก่
- POCO F2 Pro รุ่นความจุ RAM 6GB + 128GB (LPDDR4 RAM, UFS 3.0) ราคา 17,999 บาท
- POCO F2 Pro รุ่นความจุ RAM 8GB + 256GB (LPDDR5 RAM, UFS 3.1) ราคา 20,999 บาท
ดีไซน์รอบตัวเครื่อง
สัมผัสแรกของ POCO F2 Pro ตัวเครื่องถือว่าหนักพอสมควร โดยที่ฝาหลังและขอบด้านข้างโค้งมนทำให้ถือกระชับมือ โดยตัวเครื่องที่ค่อนข้างใหญ่อยู่ที่ 163.3 × 75.4 × 8.9 มิลลิเมตร น้ำหนักถึง 218 กรัม
หน้าจอแสดงผลตอบโจทย์คนที่ไม่ชอบจอติ่งหรือกล้องหน้าเจาะรู เพราะรุ่นนี้ได้จอกว้างเต็มๆ โดยที่ขอบด้านข้างหน้าจอยังเหลือน้อยมาก ให้จอสีสันสดใจอย่าง AMOLED ขนาดใหญ่ถึง 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล ซึ่งเป็นวัสดุกระจก Corning Gorilla Glass 5 ที่มีความแข็งแรงทนทาน นอกจากนี้ ยังเป็นจอที่ได้มาตราฐานจากสถาบัน TÜV Rheinland ในการลดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตา รองรับ HDR10+
เหนือหน้าจอจะไม่มีติ่งหรือกล้องหน้า มีเพียงช่องลำโพงเสียงอยู่ที่ขอบเครื่อง โดยกล้องหน้าให้มาแบบ Pop-Up อยู่ด้านบนตัวเครื่อง
ด้านล่างหน้าจอมีขอบดำที่เรียกว่าน้อยมากหากเทียบกับสมาร์ทโฟนทั่วไป ซึ่งปุ่มควบคุมการทำงานอยู่ในรูปแบบซอร์ฟแวร์บนหน้าจอ แต่เหนือขึ้นมาจะมีเซ็นเซอร์รองรับการสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ โดยส่วนตัวคิดว่าสแกนนิ้วอยู่ค่อนข้างสูงกว่าปกติ แต่สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็ว รองรับการใช้งานสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ
ตัวเครื่องด้านบนจากทางซ้ายจะมีเซ็นเซอร์ IR สำหรับใช้เป็นรีโมท ถัดไปทางขวามีกล้องหน้าแบบ Pop-Up เมื่อเปิดใช้งานมีเอฟเฟกต์แสงและเสียงมาด้วย ปรับแต่งได้ โดยเข้าไปที่ คุณลักษณะพิเศษ > เอฟเฟกต์กล้องหน้า และเลือกแสงและเสียงที่ต้องการ หรือจะปิดใช้งานก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ POCO F2 Pro ยังมีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. มาให้อยู่ด้านบนตัวเครื่องข้างกับไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน
ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM 2 ช่องจะอยู่ด้านล่างของเครื่อง ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้ โดยจะมีพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C ไมโครโฟน และลำโพงเสียงเดี่ยวอยู่ถัดมาทางขวา
ส่วนตัวเครื่องด้านซ้ายไม่มีปุ่มใดๆ และปุ่มเพิ่ม-ลดเสียงจะอยู่ทางขวาของเครื่อง พร้อมกับปุ่ม Power สีแดงเด่นตัดสีของเครื่องเช่นกัน
ฝาหลังของ POCO F2 Pro ใช้เป็นวัสดุผิวสัมผัสด้าน ซึ่งเรื่องของรอยนิ้วมือยังมีอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย ส่วนกล้องหลังจะมี 4 เลนส์ อยู่ในกรอบวงกลมกลางเครื่องแบบรูปตัว X และไฟแฟลช LED อยู่ด้านล่าง
กล้องถ่ายรูปให้มาถึง 4 เลนส์ แบ่งออกเป็น
- กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล, f/1.89, PDAF
- กล้องTelephoto – Macro 5 ล้านพิกเซล, f/2.2, 50 mm, AF
- กล้อง UltraWide 13 ล้านพิกเซล, f/2.4, AF, 123 องศา
- เลนส์ Depth 2 ล้านพิกเซล, f/2.4
โหมดกล้องถ่ายรูป
กล้องหลัก
กล้องถ่ายรูปด้านหลังเลนส์หลัก 64 ล้านพิกเซล f/1.89 ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX686 ได้ไฟล์ที่มีความละเอียดสูงถึง 9248 x 6944 พิกเซล ให้ความคมชัดสูง เมื่อขยายดูรายละเอียดเล็กๆ ยังมีความคมชัด แต่เรื่องสีอาจจะไม่ได้สดจนเกิน ค่อนข้างได้สีจริงตามธรรมชาติ ถ้าเปิดใช้งานความละเอียด 64MP จะซูมได้แค่ 2 เท่า แต่กล้องปกติจะมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล โหมดนี้เปิดใช้งาน AI ได้ เพื่อช่วยให้ปรับแต่งสีสันให้เหมาะสม และมี HDR ช่วยปรับแสง ดึงพื้นหลังให้สวยงามชัดเจน
กล้อง Telephoto – Macro
กล้อง Telephoto – Macro ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล รองรับการซูมได้สูงสุด 10 เท่า ทั้งยังถ่ายมาโครได้อีกด้วย ซึ่งรูปที่ได้ในระยะใกล้มีความคมชัดไม่เบลอเป็นวุ้น
กล้อง UltraWide
กล้องมุมกว้างให้ความละเอียดมาที่ 13 ล้านพิกเซล มุมมอง 123 องศา สามารถเก็บมุมได้กว้างพอกับวิวทิวทัศน์หรือกลุ่มเพื่อน ซึ่งใช้งานได้ดีในแสงปกติ แต่ถ้าเป็นแสงน้อยไม่ดีเท่าที่ควร
Night Mode
รูปถ่ายตอนกลางคืนอาจจะยังไม่โดดเด่นเท่าที่ควร แต่สามารถใช้งานได้ในที่ที่มีแสงไฟเข้ามาช่วย แต่ถ้ามืดจริงๆ ไม่แนะนำ
กล้องหน้า
กล้องหน้า Pop-Up มีความละเอียด 20 ล้านพิกเซล สามารถใช้ AI กับกล้องหน้าและเปิด HDR ได้ ทั้งยังมีโหมดปรับแต่งหน้าสวย หน้าเรียว ผิวเนียนได้ แต่โดยรวมกล้องจะไม่ได้ปรับเยอะจนหน้าลอย ยังคงมีควาเป็นธรรมชาติสูง
ระบบปฎิบัติการ/หน่วยความจำภายใน
POCO F2 Pro รันบนระบบปฎิบัติการ MIUI 11 based on Android 10 ซึ่งหน้าตาของ UI มีความเรียบง่าย สะอาด ใส่ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกในการใช้งานมาให้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้งาน 2 หน้าจอ การควบคุมโดยผู้ปกครอง โหมดมืด แต่จะมีแอปฯ โฆษณาติดมากับเครื่องเยอะตามสไตล์ ต้องมานั่งลบออกภายหลัง ส่วนหน่วยความจำภายในตัวที่รีวิวจะเป็นรุ่น RAM 6 + 128GB ซึ่งเมื่อเปิดเครื่องมามีพื้นที่เหลือใช้งานประมาณ 109.23GB ซึ่งก็ถือว่าเยอะพอสมควร
สำหรับแอปฯ ที่ติดมากับตัวเครื่องถ้าไม่จำเป็นก็ลบออกได้ หรือถ้าถ่ายรูปเยอะๆ อาจจะต้องเก็บไว้ในไดฟร์และเพิ่มพื้นที่ในเครื่องก็ใช้งานได้ยาวๆ
ทดสอบประสิทธิภาพ
- ทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v7.0.5 ได้ 568,581 คะแนน
- การทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกด้วย 3DMark Overall Sling Shot Extreme – 7,020 คะแนน
จุดเด่นอื่นๆ
หน้าจอไร้ติ่ง
หน้าจอแสดงผลของ POCO F2 Pro ตอบโจทย์คนชอบจอใหญ่ไร้ติ่งไร้รอยบาก ได้หน้าจอที่กว้างเต็มขอบเพราะกล้องหน้าเป็นแบบ Pop up ซึ่งจอยังมีขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว คมชัดระดับ FHD+ ทั้งยังเป็นจอ AMOLED ที่มีสีสวยสดใส สามารถตั้งค่าสีขั้นสูงได้ เข้าไปที่ ตั้งค่า > การแสดงผล > โทนสี > การตั้งค่าขั้นสูง จากนั้นเลือกปรับแต่งสีตามต้องการ
นอกจากนี้ หน้าจอยังรองรับระบบ HDR10+ ทำให้การแสดงผลภาพมีความสมจริง ยิ่งเมื่อดูวิดีโอที่มีการเคลื่อนไหวยิ่งเห็นชัด นอกจากนี้ ยังรับชม Netflix ได้ที่ความละเอียด HD อีกด้วย เรียกว่าความบันเทิงบนหน้าจอทำได้แบบเต็มๆ แต่จะติดอยู่เรื่องของการใช้งานรีเฟรชเรทยังอยู่ทีระดับ 60Hz หรือเท่ากับสมาร์ทโฟนทั่วไป แต่โดยรวมเมื่อลองสไลด์หน้าจอก็ไม่ได้หนืดหรือสะดุด
ชิปเซ็ตตัวท๊อป
POCO F2 Pro ยังมาพร้อมชิปเซ็ตตัวท๊อปล่าสุด Snapdragon 865 จับคู่กับชิปประมวลผล Kryo 585 octa-core ความเร็ว 2.84 GHz ทำให้การใช้งานมีความแรงพอตัว ยิ่งถ้าพูดถึงเรื่องเกมแล้วไม่เป็นรองใคร มีระบบระบายความร้อน LiquidCool Technology 2.0 มาพร้อม vapor chamber ที่ใหญ่ที่สุดในตลาดในตอนนี้ พร้อมด้วยแกรไฟต์และแกรฟีนหลายชั้น ทำให้สามารถเล่นเกมหนักๆ แรงๆ ได้นานต่อเนื่องเครื่องไม่ร้อน
ส่วนเมื่อทดสอบเล่นเกมหนักๆ ก็ไม่แสดงอาการสะดุดหรือกระตุกให้เห็น ความเร็ว ความแรง ภาพกราฟิกตอบสนองได้เร็ว เป็นไปในทิศทางเดียวกัน อย่างเกม ROV ก็สามารถปรับเฟรมเรตได้ในระดับสูง เมื่อต่อสู้ไม่มีตก อยู่ที่ราวๆ 59-60 fps ไม่มีต่ำไปกว่านี้ ถือว่าเรื่องเล่นเกมต้องยกให้เลย
ระบบเสียง
POCO F2 Pro มาพร้อมลำโพงเดียวอยู่ที่มุมขวาด้านล่างเครื่อง ข้อดีคือเวลาเล่นเกมมือไม่ไปบัง แต่จะให้เสียงมุมเดียว สำหรับใครที่ชอบเสียงรอบทิศทางอาจจะไม่ถูกใจ แต่ข้อดีคือรองรับระบบเสียง Hi-Res ทำให้เสียงที่ได้มีความคมชัดละเอียดสูง ได้ยินเสียงเล็กๆ อย่างเสียงหายใจชัดเจน นอกจากนี้ ยังสามารถปรับเสียง Hi-Fi ได้ แต่ต้องใช้หูฟังแจ็ค 3.5 มม. ซึ่งจะทำให้เสียงที่ได้ชัดและใสกว่าเดิม
แบตเตอรี่
แบตเตอรี่ให้มาที่ความจุ 4700mAh ซึ่งถือว่าไม่เยอะหรือน้อยเกินไป ใช้งานทั้งวันอยู่ได้เหลือๆ แต่ถ้าเล่นเกมเยอะแบตฯ ก็ลดลงมาอีกนิด แต่รุ่นนี้รองรับ Fast Charging 30W ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จนานๆ
อุปกรณ์ในกล่อง
- POCO F2 Pro
- สายชาร์จ USB Type-C
- อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W
- เคสซิลิโคนแข็ง
- เข็มจิ้มซิม
- คู่มือการใช้งาน
จุดเด่น
- หน้าจอไร้ติ่งไร้รอยบาก รองรับ Netflix HD
- ชิปเซ็ตแรง เล่นเกมลื่น
- กล้องหลัก 64MP สวยคมชัด
- มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม. มาให้
- ชาร์จเร็ว 30W
ข้อควรพิจารณา
- ตัวเครื่องหนา หนัก
- ไม่รองรับ 5G ในไทย
- ลำโพงตัวเดียว
- ไม่มีหูฟังแถมมาให้ในกล่อง
สเปค POCO F2 Pro
- จอ AMOLED 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล, HDR10+
- ชิปเซ็ต Snapdragon 865 SoC รองรับ 5G
- RAM 6GB LPDDR4
- ROM 128GB, UFS 3.0
- ระบบปฎิบัติการ MIUI 11 based on Android 10
- กล้องหลัง 4 เลนส์
- – กล้องหลัก 64 ล้านพิกเซล, f/1.89, PDAF
- – Telephoto Macro 5 ล้านพิกเซล, f/2.2, 50 mm, AF
- – UltraWide 13 ล้านพิกเซล, f/2.4, AF, 123 องศา
- – เลนส์ Depth 2 ล้านพิกเซล, f/2.4
- กล้องหน้า 20MP
- รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Bluetooth 5.1, NFC, Wi-Fi 6 (2.4GHz และ 5GHz), USB-C 3.1
- แบตเตอรี่ 4,700 mAh รองรับ Fast Charging 30W, Quick Charge 4+
- อื่นๆ : สแกนนิ้วใต้หน้าจอ
- ขนาด 163.3 × 75.4 × 8.9 มิลลิเมตร
- น้ำหนัก 218 กรัม
สรุป
POCO F2 Pro โดยรวมแล้วกับสเปคที่ใส่มาเรียกว่าจัดเต็ม ใช้งานทั่วไปหรือสายเกมได้ รวมถึงกล้องก็ยังทำได้ดีเว้นแต่แสงน้อย และกล้องหน้าที่ไม่ได้เน้นสักเท่าไหร่ แต่สำหรับใครที่คาดหวังรองรับ 5G ในไทยอาจจะผิดหวัง แต่ด้วยความสามารถและราคาคือดีมาก ส่วน 5G เอาจริงๆ กว่าจะใช้ได้ทั่วประเทศแบบเต็มรูปแบบอาจจะต้องรอไปสักพักด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนั้นก็น่าจะมีอีกหลายรุ่นที่ออกมาใหม่และรองรับการใช้งาน
ราคา
- POCO F2 Pro รุ่นความจุ RAM 6GB + 128GB (LPDDR4 RAM, UFS 3.0) ราคา 17,999 บาท
- POCO F2 Pro รุ่นความจุ RAM 8GB + 256GB (LPDDR5 RAM, UFS 3.1) ราคา 20,999 บาท