realme เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นท๊อปในตระกูล realme 9 Series มาพร้อมกันถึง 2 รุ่น ทั้ง realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro ชูจุดเด่นที่แตกต่างกัน โดยที่ตัวรุ่นท๊อป realme 9 Pro+ จะเน้นไปที่กล้องถ่ายภาพใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766 OIS รุ่นแรกในระดับ Mid-range และ realme 9 Pro มาพร้อมชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G ตัวแรกในระดับเซกเมนต์เดียวกัน

ทั้งยังคู่ยังมีสเปคตัวเครื่องที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นขนาดหน้าจอ ชิปเซ็ต กล้อง หรือแบตเตอรี่ แต่ต้องบอกว่าออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่คุ้มค่าและเหมาะสมกับความต้องการใช้งานของแต่ละคน ซึ่งเราจะมาดูว่าแต่ละรุ่นมีจุดเด่นอะไรบ้างในรีวิวนี้

ดีไซน์ตัวเครื่องและหน้าจอ

สำหรับตัวเครื่องที่ทางทีมงานได้มารีวิวของ realme 9 Pro+ จะเป็นสีเขียว Aurora Green และ realme 9 Pro เป็นตัวเครื่องสี Sunrise Blue โดยที่ทั้งคู่เมื่อสัมผัสจะเห็นได้ชัดว่ามีขนาดที่แตกต่างกัน

realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro มาพร้อมดีไซน์แบบ Photochromism กับฝาหลังที่เปลี่ยนสีได้ โดยได้แรงบันดาลใจมาจากแสงพระอาทิย์ ซึ่งจะเห็นได้ชัดในตัวเครื่องสี Sunrise Blue ที่ตัวเครื่องจะเป็นสีฟ้ามีแสงระยิบระยับ และเมื่อกระทบกับแสงจะมีตัวเครื่องที่เปลี่ยนเป็นสีส้มแดง

ส่วนตัวเครื่องสี Aurora Green ก็จะมีความหรูหราเปร่งประกายแววาว มีมุมที่เป็นสีเขียวเข้มและบางมุมก็ออกโทนสว่าง โดยที่เป็นกระบวนการออกแบบที่เรียกว่า Photochromic Layer ด้วยการเคลือบ 3 ชั้น ที่ทำให้สีตัวเครื่องเป็นประกาย มีความโดดเด่นสวยงาม

ตัวเครื่อง realme 9 Pro+ จะมีขนาดเล็กกว่าเพราะหน้าจอเล็กกว่า อยู่ที่ขนาด 160.2 x 73.3 x 7.99 นิ้ว น้ำหนัก 182 กรัม และตัวเครื่อง realme 9 Pro มีขนาดอยู่ที่ 164.3 x 75.6 x 8.5 มม. และน้ำหนัก 195 กรัม

โดยที่รอบตัวเครื่องทั้งคู่ก็จัดวางตำแหน่งพอร์ตต่างๆ ไว้เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นไมโครโฟนตัดเสียงรบกวนที่วางไว้อยู่ที่ตัวเครื่องด้านบน

ส่วนตัวเครื่องด้านล่างก็มีช่องเสียบแจ็คหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ถัดไปทางขวาเป็นไมโครอีกหนึ่งตัว มีพอร์ตเชื่อมต่อ USB Type-C และช่องลำโพงเสียงของตัวเครื่อง

ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Hybrid Slot จะอยู่ทางด้านซ้าย โดยรองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด และสามารถใส่ MicroSD ได้ในช่องซิม 2 ซึ่งหมายความว่าจะต้องเลือกว่าใช้งานซิมหรือการ์ดหน่วยความจำภายนอก และถัดลงมาจะเป็นปุ่มปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลด


ส่วนตัวเครื่องด้านขวาจะมีปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง แต่มีความต่างกันที่ realme 9 Pro จะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใส่มาด้วย

สำหรับการใช้งานสแกนนิ้วที่เซ็นเซอร์ตรงปุ่ม Power ก็ทำงานได้เร็ว ตอบสนองทันทีที่สัมผัส สามารถใช้งานสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ

หน้าจอแสดงผล

ในส่วนของหน้าจอแสดงผลของทั้ง realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro ก็มีความต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งขนาดหน้าจอและเทคโนโลยีที่ใช้ โดยที่ realme 9 Pro+ จะใช้หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด 2400 x 1080 พิกเซล รีเฟรชเรท 90Hz

ส่วน realme 9 Pro จะมีหน้าจอ IPS LCD ใหญ่กว่าอยู่ที่ 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล ซึ่งให้รีเฟรชเรทมาสูงถึง 120Hz ช่วยให้การใช้งานสัมผัส สไลด์ใช้งานเพื่อดูคอนเทนต์ หรือเล่นเกมทำได้ลื่น

นอกจากนี้ ค่ารีเฟรชเรทของทั้งคู่สามารถปรับตั้งค่าได้ตั้งแต่มาตรฐานอยู่ที่ 60Hz หรือตั้งในระดับสูงที่หน้าจอทำงานได้ นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกตั้งค่าอัตโนมัติตามที่แอปฯ หรือคอนเทนต์นั้นๆ ใช้งานได้

หน้าจอแสดงผลของทั้งคู่ยังปรับตั้งค่าโหมดสีหน้าจอได้เหมือนกัน มีให้เลือกถึง 3 แบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ เจิดจ้า เป็นโหมด P3 ที่แสดงสีสันที่เด่นชัดขึ้น หรือจะเป็นแบบธรรมชาติ ก็จะได้สีสันที่มีความนุ่มนวลออกไปทางโทนอุ่น ใช้งานสบายตา และสุดท้ายเป็นโหมดโปร สามารถปรับสีสันหน้าจอได้แบบภาพยนตร์ เพื่อแสดงขอบเขตสีที่กว้างขึ้น หรือจะเลือกโทนสีเพื่อให้ได้สีสันสมจริง ปรับแต่งอุณหภูมิสีหน้าจอได้ 3 โทน ตั้งแต่ค่าเริ่มต้นที่มีสีสันระดับกลาง ใช้งานทั่วไป หรือจะเป็นโทนอุ่น ซึ่งหน้าจอจะออกเหลือง ใช้งานสบายตา และสุดท้ายเป็นโทนเย็น หน้าจอจะสว่างแบบขาวอมฟ้า ให้สีสันสดใส

บริเวณหน้าจอที่มุมซ้ายจะเป็นพื้นที่ของกล้องเซลฟี่ ทั้งคู่ให้มาที่ความละเอียด 16MP มีโหมดถ่ายภาพบุคคลและ AI Beauty ให้ปรับแต่งหน้าได้ทุกส่วนบนใบหน้า

ส่วน realme 9 Pro+ ที่บริเวณด้านล่างจอจะใส่เซ็นเซอร์สแกนนิ้วมาให้ ทั้งยังรองรับการใช้งานวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้อีกด้วย โดยที่การใช้งานปลดล็อกบนหน้าจอทำได้เร็วมาก แค่สัมผัสเบาๆ ก็ปลดล็อกเข้าสู่หน้าจอหลัก และยังรองรับการใช้งานได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ

นอกจากนี้ บริเวณเซ็นเซอร์ปลดล็อกลายนิ้วมือยังมีเอฟเฟ็กต์ภาพเคลื่อนไหวให้เลือกเปลี่ยนเพื่อเพิ่มลูกเล่นได้หลายแบบอีกด้วย

จุดเด่นของแต่ละรุ่น

สำหรับจุดเด่นก็จะแยกออกเป็น 2 รุ่น เพื่อให้ได้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้น โดยเริ่มจาก realme 9 Pro+ ซึ่งจะเป็นรุ่นใหญ่สุดในซีรีย์ที่อัดแน่นสเปค เรียกว่าเป็นสมาร์ทโฟนระดับกลางแต่ให้กล้องเซ็นเซอร์ Sony IMX766 OIS ที่ใช้กับเรือธง และอื่นๆ อีกมากมาย

realme 9 Pro+

กล้องคมชัด Sony IMX766 OIS

เรื่องของกล้องถ่ายภาพต้องยกให้เป็นที่ 1 สำหรับ realme 9 Pro+ ที่ย้ำหนักว่าเป็นครั้งแรกกับเทคโนโลยี Sony IMX766 OIS ในสมาร์ตโฟนระดับกลาง โดยมาพร้อมกลล้องหลัง 3 เลนส์ โดยที่เลนส์หลักมีความละเอียดสูง 50MP รองรับ OIS & EIS ทำให้ได้ภาพถ่ายที่มีความคมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน

นอกจากนี้ ยังมีโหมดกล้องถ่ายภาพมาให้เลือกใช้งานแบบง่ายหลายโหมด ไม่ว่าจะเป็น รูปคน, ท้องถนน, กลางคืน, 90s Pop Filter

กล้องหลังแบ่งออกเป็น

  • กล้องหลัก 50MP, f/1.8 ขนาด 1/1.56″, 1.0µm, PDAF, OIS+EIS
  • กล้องมุมกว้าง Ultra Wide 8MP, f/2.2 มุมกว้าง 119˚
  • กล้องมาโคร 2 MP, f/2.4

Peak and Zoom

เป็นฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถเลือกระยะเพื่อถ่ายภาพได้โดยง่าย ซึ่งรองรับการใช้งานกับทุกโหมด ทั้งภาพนิ่ง ภาพบุคคล วิดีโอ เป็นต้น ซึ่งการใช้งานก็ง่ายเพียงกดค้างที่ตัวเลือกระยะบนหน้าจอ จากนั้นสามารถเลื่อนซ้ายหรือขวาไปตามระยะที่ต้องการ โดยจะเห็นว่ามีค่าตั้งต้นมาให้ที่เป็นระยะในการใช้งานประจำ หรือจะเลือกเองก็ง่าย ช่วยให้ถ่ายภาพได้เร็วทันสถานการณ์

กล้องหลัก 50MP

กล้องหลักที่มีความละเอียด 50MP จะต้องเลือกใช้งานบนเมนูที่แยกไว้ต่างหาก ซึ่งจะสามารถถ่ายภาพได้ที่ความละเอียด 8192 x 6144 พิกเซล รูรับแสง f/1.8 รองรับระบบกันสั่น และสามารถเปิดใช้งาน AI เพื่อช่วยให้การถ่ายภาพออกมาสวยตรงกับฉากที่เห็น และยังเก็บรายละเอียดเล็กๆ ได้อย่างคมชัด ไม่ว่าจะนำไปขยายเพื่อใช้งานก็ยังมีความคมชัดสูง

ส่วนกล้องเริ่มต้นจะอยู่ที่ 12MP สามารถใช้งานบนเมนูที่อยู่บนจอได้ง่ายๆ 3 ระยะ ตั้งแต่ระยะปกติที่ 1x, มุมกว้าง 0.6 และซูม 2x ซึ่งในโหมดนี่ก็ยังเลือกเปิด AI ให้เข้ามาช่วยกำหนดฉากที่กำลังจะถ่ายเพื่อให้ได้สีที่ตรงกัน และยังรองรับการใช้งาน HDR ที่เลือกได้อัตโนมัติ, ปิด และเปิด เพื่อช่วยให้เก็บภาพและฉากหลังครบถ้วนสมบูรณ์ เห็นรายละเอียดของท้องฟ้าด้านหลังแต่ก็ยังเก็บรายละเอียดใบหน้าคนได้ชัดไปพร้อมกัน

กล้อง Ultra Wide 8MP

กล้องมุมกว้างบน realme 9 Pro+ มีความละเอียด 8MP สามารถเก็บภาพได้กว้างขึ้นกว่ามุมปกติที่ 119 องศา ซึ่งเป็นระยะที่กำลังดี ไม่ต้องเดินถอยหากเจอสถานการณ์จำเป็น และยังเป็นมุมกว้างกำลังสวย ภาพที่ถ่ายออกมาไม่บิดเบี้ยว

โหมดกล้องถ่ายภาพที่น่าสนใจบน realme 9 Pro+

โหมด Street Photography 2.0

โหมด Street Photography 2.0 หรือที่เป็นภาษาไทยเรียกว่าท้องถนน เป็นโหมดถ่ายภาพที่เกือบจะสำเร็จรูป มีสถานการณ์มาให้เลือกใช้งานทั้งหมด 4 แบบ ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางนีออน, การถ่ายภาพให้แสงเป็นเส้น, ชั่วโมงเร่งด่วน และภาพวาดสีอ่อน เพียงเลือกตามสถานการณ์ ความเร็วชัตเตอร์ จากนั้นกดถ่ายได้ทันที

ทั้งยังมีระยะแบบอัตโนมัติให้เลือกปรับได้เร็วขึ้น เริ่มตั้งแต่ 16mm. 22mm. 50mm. และ 120mm. หรือจะปรับระยะตามที่ต้องการ ทำให้เราสามารถจับภาพต่างๆ บนถนน การเคลื่อนไหวได้เร็ว ไม่พลาดช๊อตสำคัญ

ฟีเจอร์ 90s Pop Filter

นอกจากนี้ในโหมดท้องถนนก็จะมีฟิลเตอร์มาให้ใช้งาน 9 แบบ ออกในโทนภาพถ่ายท้องถนน และยิ่งเป็นฟิลเตอร์ 90s Pop Filter จะออกโทนย้อนยุค ช่วยให้สท่ออารมณ์และความหมายบนภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

โหมดภาพถ่ายบุคคล

โหมด Portrait หรือภาพถ่ายบุคคลเรียกว่ามีลูกเล่นเยอะมาก สามารถเลือกระยะความเบลอได้ตั้งแต่ f/0.95 ไปจนถึง f/16 ยิ่งตัวเลขน้อยก็จะเบลอเยอะ เน้นที่ตัวบุคคลเป็นหลัก และตัดกับพื้นหลังได้เนียนสวยงาม มีคงวามเป็นธรรมชาติ

นอกจากนี้ ยังสามารถเปิดใช้งานรีทัส หรือปรับแต่งหน้าสวย ความเนียนต่างๆ ได้เองตั้งแต่ 0-100% รวมถึงการเลือกใช้ฟิลเตอร์ที่มีมากกว่า 13 แบบ ซึ่งเด่นๆ ก็จะมีดังนี้

  • โบเก้แบบไดนามิก เน้นภาพถ่ายที่บุคคลเด่น ตักกับพื้นหลังเบลอเป็นเส้น ซึ่งระหว่างขอบที่ตัดกับพื้นหลังยังทำได้เนียนสวยงาม ไม่ลอยหรือเป็นวุ้นแต่อย่างใด
  • AI Color Portrait เป็นการถ่ายภาพที่เน้นสีสันเฉพาที่ตัวบุคคลและเปลี่ยนฉากด้านหลังเป็นสีขาว-ดำ
  • การถ่ายภาพบุคคลด้วยโบโบเก้ เป็นโหมดที่ช่วยปรับพื้นหลังให้โบเกขึ้นเป็นดวงได้อย่างสวยงาม ยิ่งใช้กับที่ที่มีไฟก็จะได้โบเก้กลมๆ เต็มภาพ

โหมดกลางคืน

โหมดถ่ายภาพกลางคืนบน realme 9 Pro+ ก็จะมีระบบกันสั่น OIS เข้ามาช่วยในขณะที่กดชัดเตอร์ทำได้นิ่ง ลดการสั่นไหว และยังช่วยลดจุดรบกวนบนภาพ หรือที่เรียกว่านอยซ์ได้ดีกว่าเดิม ทำให้ได้ภาพถ่ายกลางคืนที่คมชัด ให้สีสันตรงกับที่ตามองเห็น

นอกจากนี้ ยังมีลูกเล่นสีสันของฟิลเตอร์ที่เหมาะกับการใช้งานถ่ายภาพกลางคืนมาให้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น สีทองทันสมัย ไซเบอร์พังก์ ฟลามิงโก จักรวาล พิศวง เพื่อให้ภาพถ่ายตอนกลางแปลกตาและน่าสนใจมากขึ้น

กล้องเซลฟี่ 16MP

ส่วนกล้องหน้าเซลฟี่ให้มาที่ความละเอียด 16MP, f/2.4 รองรับ HDR ซึ่งถือว่าเป็นความละเอียดที่กำลังดี สามารถใช้งานได้ทั่วไป แชร์หรือส่งต่อก็ยังได้ภาพที่คมชัด โดยมี AI Beauty เข้ามาช่วยปรับหน้าสวยได้อัตโนมัติ หรือจะกำหนดเอง ทั้งการปรับหน้าเรียว ตาโต คาง แก้ม ก็ทำได้ทุกส่วน

ส่วนใครที่ต้องการเพิ่มลูกเล่นก็มีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้งานมากมาย ปรับแต่งได้จบตั้งแต่หลังกล้องกันเลยทีเดียว

ชิปเซ็ต MediaTekDimensity 920 5G

realme 9 Pro+ ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 920 5G ขนาด 6 นาโนเมตร มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้นจากเดิมที่ความเร็ว CPU เพิ่มขึ้นจาก 2.4GHz เป็น 2.5GHz ส่วน GPU ใช้เป็น Mali-G68MC4 แต่ประสิทธิภาพในการเล่นเกมดีขึ้นกว่า 9% และยังทำงานคู่กับ RAM 8GB + ROM 256GB ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานทั่วไป เปิดแอปฯ ก็ทำได้เร็ว สามารถสลับไปมาไม่สะดุด

Dynamic RAM

RAM ที่ให้มาบนตัวเครื่องมีขนาด 8GB หากคิดว่ายังไม่เพียงพอต่อการใช้งานยังมีฟังก์ชั่น Dynamic RAM ซึ่งเป็นการเพิ่ม RAM โดยดึงพื้นที่หน่วยความจำภายในมาใช้ สามารถเพิ่มได้สูงสุดถึง 13GB ช่วยให้เครื่องทำงานเร็วมีประสิทธิภาพ

ส่วนการเล่นเกมนี่เรียกว่าสบาย ตอบโจทย์ทั้งคนที่ชอบเล่นเกมทั่วไป หรือจะเกมโหดๆ กราฟิกเยอะๆ ก็เอาอยู่ สามารถเปิดกราฟิกได้ระดับสูง อย่าง ROV เฟรมเรตก็วิ่งอยู่ที่ 59-60fps ไม่มีตก เล่นลื่นและไม่มีอาการกระตุกให้เห็น

รองรับการเชื่อมต่อ 5G

realme 9 Pro+ ยังรองรับการเชื่อมต่อ 5G ในไทยได้ทุกเครือข่าย ช่วยให้การทำงานทั้งการดาวน์โหลดข้อมูล หรืออัปโหลดได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่และผู้ให้บริการเครือข่าย

ระบบระบายความร้อน Vapor Chamber Cooling System

ระบบระบายความร้อนเรียกว่าใส่มาให้เอาใจคนชอบเล่นเกม โดยจะมีแผงขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมแหล่งความร้อนได้ 100% หรือบนพื้นที่รวมกว่า 13029มม.² ช่วยลดอุณหภูมิให้เครื่องไม่ร้อนหรือทำงานหนักเกินไป เล่นเกมได้ต่อเนื่องไม่รู้สึกร้อนจนทนไม่ได้ หรือจะชาร์จไฟระหว่างเล่นก็ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะร้อนผิดปกติ

รองรับระบบการสั่น X-axisTactile Engine

ระบบการสั่นแบบ X-axis Tactile Engine มีการทำงานที่แรง ตอบสนองเร็ว ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมมากขึ้น

ลำโพงคู่ Dolby Dual Stereo

ลำโพงของ realme 9 Pro+ มีเสียงที่ดังกระหึ่มแบบคู่บน-ล่าง ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมก็ได้เสียงที่กึกก้อง คมชัด และยังมีมิติ ชวนให้เพลิดเพลินได้ไม่น้อย และอีกข้อดีคือในขณะที่เล่นเกมมือก็ไม่ไปบังลำโพงอีกด้วย

แบตเตอรี่ขนาด 4500mAh ชาร์จไว 60W SuperDart Charge

แบตเตอรี่ให้มาที่ความจุ 4500mAh ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับที่มากพอต่อการใช้งานแต่ละวัน นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมประหยัดพลังงานที่ช่วยยืดอายุการใช้งานออกไปได้ตลอดทั้งวันหากแบตฯ เหลือน้อย เช่น ในขณะที่แบตฯ เหลือ 29% หากเปิดโหมดนี้ใช้งานได้ต่อเนื่องอีก 8 ชั่วโมง

นอกจากนี้ ยังให้เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 60W SuperDart Charge ที่ช่วยให้การชาร์จเป็นเรื่องที่ง่าย ไม่ต้องรอนาน โดยชาร์จจาก 0-50% ใช้เวลาราวๆ 15 นาทีเท่านั้น

จุดเด่น

  • จอแสดงผล AMOLED รีเฟรชเรท 90Hz
  • ดีไซน์สวย มีลูกเล่นเมื่อกระทบแสง
  • กล้องระดับเรือธง Sony IMX766 OIS
  • ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 920 เล่นเกมลื่น รองรับ 5G
  • ลำโพงคู่ Dolby Dual Stereo
  • มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

จุดที่ควรพิจารณา

  • ไม่หูฟังแถมมาให้ในกล่อง

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • สมาร์ทโฟน realme 9 Pro+
  • สายชาร์จ USB Type-C
  • อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 60W SuperDart Charge
  • เคสซิลิโคน
  • เข็มจิ้มซิม
  • คู่มือและใบรับประกัน

สเปค realme 9 Pro+

  • หน้าจอ Super AMOLED กว้าง 6.4 นิ้ว FHD+ (2400 ×1080 พิกเซล)
  • ชิปเซ็ต MediaTekDimensity 920 5G ขนาด 6nm Octa Core ความเร็ว 2.5GHz
  • GPU Mali-G68MC4
  • RAM 8GB, ROM 256GB
  • ระบบปฎิบัติการ realme UI 3.0 based on Android 12
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
  • – กล้องหลัก 50MP, f/1.8 ขนาด 1/1.56″, 1.0µm, PDAF, OIS+EIS
  • – กล้องมุมกว้าง Ultra Wide 8MP, f/2.2 มุมกว้าง 119˚
  • – กล้องมาโคร 2 MP, f/2.4
  • กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล, f/2.4, HDR
  • รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, hotspot, Bluetooth 5.2
  • ระบความปลอดภัย : สแกนนิ้วใต้จอ, สแกนใบหน้า, รหัส
  • แบตเตอรี่ 4500mAh ชาร์จไว 60W SuperDart Charge
  • ขนาดตัวเครื่อง 160.2 x 73.3 x 7.99 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 182 กรัม
  • สี Aurora Green, Sunrise Blue

realme 9 Pro

realme 9 Pro จะมาพร้อมหน้าจอที่ใหญ่กว่า มีความต่างตั้งแต่ชิปเซ็ต กล้องหลัก รวมถึงดีไซน์ที่ใหญ่ขึ้นเพราะมีแบตฯ ใหญ่ แต่ประสิทธิการทำงานก็จัดเต็มเหมือน ตอบโจทย์ในราคาที่คุ้มค่า ซึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจจะมีดังนี้

หน้าจอใหญ่ 120Hz

หน้าจอแสดงผลของ realme 9 Pro จะเป็นจอ IPS LCD กว้าง 6.6 นิ้ว ความละเอียด 2412 x 1080 พิกเซล มีค่ารีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz แบบปรับได้ 6 ระดับ แบ่งออกเป็น การใช้งานทั่วไป 30Hz, รับชมภาพยนตร์ 48Hz, TV Format 50Hz, เล่นเกม 60/90Hz และค่าFeeds 120Hz

ชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G

ในส่วนของชิปเซ็ตก็ไม่ได้น้อยไปกว่าระดับเดียวกัน ขับเคลื่อนด้วยชิป Snapdragon 695 5G รองรับการเชื่อมต่อ 5G ครอบคลุมทุกย่านความถี่ และการทำงานบนเครื่องก็ลื่น เล่นเกมได้ทุกแนวไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะช้าหรือสะดุด

กล้องหลัก 64MP

ส่วนของกล้องถ่ายภาพหลักให้มาที่ความละเอียดสูงสุด 64MP รูรับแสงกว้าง f/1.8 มาพร้อมเลนส์มุมกว้าง 8MP, f/2.2, 119˚ และมาโคร 2MP ซึ่งโหมดต่างๆ ก็มีมาให้ใช้งานเหมือนรุ่นพี่ ไม่ว่าจะเป็นโหมดบุคคล หน้าสวย โหมดท้องถนน หรือโหมดกลางคืน Nightscape ที่ถ่ายภาพออกมาได้สวยงามคมชัด

แบตเตอรี่ 5000mAh 33W Dart Charge

ส่วนแบตฯ จะมีความจุที่มากกว่าอยู่ที่ 5000mAh แต่รองรับชาร์จเร็วที่ลดลงมาอยู่ที่ 33W Dart Charge ซึ่งก็ยังถือว่าเร็ว สะดวก ไม่ต้องเสียเวลาชาร์จนาน

ระบบปฎิบัติการ realme UI 3.0

realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro แกะกล่องมาพร้อมระบบปฎิบัติการ realme UI 3.0 based on Android 12 ที่ออกแบบการทำงานให้ง่าย และมีความสวยงามของ UI ออกไปในทางที่ทันสมัย สามารถปรับแต่งการทำงาน หรือเพิ่มลูกเล่นให้กับฟีเจอร์ต่างๆ เช่น

  • การปรับเปลี่ยนในแบบของคุณ สามารถเลือกการใช้งาน Always on Display รูปแบบต่างๆ หรือปรับรูปทรงไอคอน เมนูได้ในแบบที่ต้องการใช้งาน ทั้งยังรวมถึงการเลือกสีสันและตัวอักษรได้ด้วย
  • แสงไฟที่ขอบหน้าจอ สามารถเลือกตั้งค่าไฟที่ขอบหน้าจอได้ถึง 3 สี เวลาที่มีสายเรียกเข้าหรือการแจ้งเตือนก็จะมีไฟโชว์
  • รูปแบบไอคอนเลือกให้แสดงผลบนหน้าจอได้ในแบบต่างๆ
  • โหมดมืด หรือดาร์กดหมด สามารถเลือกเแดหรือตั้งเวลาการทำงาน ช่วยประหยัดพลังงาน
  • แถบด้านข้างอัฉริยะ เรียกใช้งานแอปฯ หรือการตั้งค่าที่รวดเร็วได้ง่ายขึ้นจากแถบด้านข้าง
  • พื้นที่สำหรับเด็ก เหมาะกับผู้ปกครองใช้ตั้งไว้เเมื่อให้บุตรหลานอยู่กดับสมาร์ทโฟน เพื่อป้องกันการเข้าถึงแอปฯ ที่ไม่มีประโยชน์

จุดเด่น

  • หน้าจอใหญ่ 6.6 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz
  • กล้องคมชัด 64MP
  • แบตฯ 5000mAh ชาร์จเร็ว 33W Dart Charge
  • มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

จุดที่ควรพิจารณา

  • หน้าจอใช้ IPS LCD
  • ไม่มีหูฟังมาให้ในกล่อง

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • สมาร์ทโฟน realme 9 Pro
  • สายชาร์จ USB Type-C
  • อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 33W SuperDart Charge
  • เคสซิลิโคน
  • เข็มจิ้มซิม
  • คู่มือและใบรับประกัน

สเปค realme 9 Pro

  • หน้าจอ IPS LCD กว้าง 6.6 นิ้ว FHD+ (2412 ×1080 พิกเซล)
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 695 5G (6 nm) ขนาด 6nm Octa Core ความเร็ว 2.2GHz
  • GPU Adreno 619
  • RAM 6/8GB, ROM 128GB
  • ระบบปฎิบัติการ realme UI 3.0 based on Android 12
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด แบบ Hybrid
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
  • – กล้องหลัก 64MP, f/1.8, PDAF, HDR
  • – กล้องมุมกว้าง Ultra Wide 8MP, f/2.2 มุมกว้าง 119˚
  • – กล้องมาโคร 2 MP, f/2.4
  • กล้องหน้า 16 ล้านพิกเซล, f/2.1, HDR
  • รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, hotspot, Bluetooth 5.1
  • ระบความปลอดภัย : สแกนนิ้วด้านข้าง, สแกนใบหน้า, รหัสผ่าน
  • แบตเตอรี่ 5000mAh ชาร์จไว 33W SuperDart Charge
  • ขนาดตัวเครื่อง 164.3 x 75.6 x 8.5 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 195 กรัม
  • สี Aurora Green, Sunrise Blue

สีและราคาที่วางจำหน่าย

realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro จะวางจำหน่ายทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สี Aurora Green, Sunrise Blue แบ่งออกเป็น

  • realme 9 Pro+ รุ่น RAM 8GB + 256GB ราคา 12,999 บาท
  • realme 9 Pro รุ่น RAM 6GB + 128GB ราคา 8,999 บาท
  • realme 9 Pro รุ่น RAM 8GB + 128GB ราคา 9,999 บาท

สรุปท้ายรีวิว

realme 9 Pro+ และ realme 9 Pro เป็นสมาร์ทโฟนนระดับ Mid-Range ที่มีความคล้ายกันมาก แต่ก็มีที่ต่างกันแบบเห็นได้ชัด ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กับคนที่ต้องการใช้งานตค่างกัน หากอยากได้ตัวเครื่องที่เล็กบางจับถนัดมือ กล้องถ่ายสวย หน้าจอสีสันสดใสคมชัด แบตฯ ทำงานได้ทั้งวันก็เป็นตัวเลือก realme 9 Pro+

ส่วน realme 9 Pro เน้นการใช้งานหน้าจอใหญ่ แบตฯ ใหญ่ จึงทำให้ตัวเครื่องมีความหนาและใหญ่ขึ้น แต่เรื่องของสีสันก็ออกแบบเหมือนกับรุ่นพี่ และได้กล้องที่คมชัด 64MP ในราคาที่จับต้องได้

แสดงความคิดเห็น