Redmi เปิดตัวสมาร์ทโฟนตระกูล 9T พร้อมกัน 2 รุ่นใหม่ Redmi Note 9T และ Redmi 9T โดยที่รุ่นใหญ่ทำเอาตลาดสั่นสะเทือนกันเป็นแถบกับสมาร์ทโฟนรองรับ 5G Dual ทั้งยังใส่สเปคมาให้คุ้ม เปิดราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 6,999 บาท และอีกรุ่นเป็น Redmi 9T น้องเล็กแบตฯ ใหญ่ 6000 mAh ใช้งานได้ทั้งวัน มาพร้อมกล้องหลัง AI 4 เลนส์ ความละเอียดสูงสุด 48MP ในราคาเริ่มต้น 4,499 บาท

ดีไซน์ตัวเครื่อง

Redmi Note 9T และ Redmi 9T มาพร้อมตัวเครื่องขนาดเท่าๆ กัน จับถือสบายด้วยขอบข้างโค้ง ออกแบบโดยใช้วัสดุที่มีลวดลายให้สัมผัสแบบด้าน ไม่สะท้อนเงา ทำให้เวลาถือกระชับมือไม่ลื่น และที่สำคัญคือป้องกันการเกิดรอยนิ้วมือได้ดีมาก

โดยที่ Redmi Note 9T จะมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 161.9 × 77.3 × 9.06 มิลลิเมตร น้ำหนัก 199 กรัม และ Redmi 9T ที่มีแบตฯ ถึง 6000 mAh แต่ตัวเครื่องไม่ได้หนักมาก มีขนาดอยู่ที่ 162.3 × 77.3 × 9.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 198 กรัม

หน้าจอแสดงผลทั้งคู่ใช้เทคโนโลยี IPS LCD มีขนาดเท่ากันที่ 6.53 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล รองรับเทคโนโลยีป้องกันแสงสีฟ้ามาตรฐาน TÜV Rheinland และ การรับรอง Widevine L1 หรือสามารถดู Netflix ได้ที่ความละเอียด HD แต่ทั้ง 2 รุ่นตำแหน่งการวางกล้องหน้าต่างกัน

Redmi Note 9T ใช้กระจกหน้าจอ Corning Gorilla Glass 5 เรียกว่า Dot Display หรือกล้องหน้าแบบเจาะรูอยู่ทางด้านซ้ายของหน้าจอ ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล, f/2.3

ส่วน Redmi 9T เรียกว่า Dot Drop หรือกล้องหน้าแบบหยดน้ำอยู่ตรงกลางตัวเครื่อง มีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล, f/2.0

ส่วนพื้นที่หน้าจอด้านล่างจะเป็นบริเวณที่มีขอบสีดำเยอะกว่าด้านอื่นๆ โดยใช้ปุ่มควบคุมการทำงานแบบซอร์ฟแวร์บนหน้าจอ

ตัวเครื่องด้านบนจะไม่ได้มีขอบโค้ง แต่ตัดเป็นขอบเรียบๆ ซึ่งทั้งคู่จะมีลำโพงเสียงด้านบน รูไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน แตกต่างกันที่ Redmi Note 9T จะมี IR Blaster เป็นเซ็นเซอร์ที่ใช้กับรีโมทเพื่อสั่งงานเปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าจากสมาร์ทโฟน ส่วน Redmi 9T ไม่รองรับ แต่มีช่องหูฟัง 3.5 มม. อยู่ที่ตัวเครื่องด้านบน

Redmi Note 9T ก็ยังใส่ช่องหูฟัง 3.5 มม. มาให้ แต่จะวางไว้ที่ตัวเครื่องด้านล่าง และทั้งคู่จะมีไมโครโฟนอีก 1 ตัว พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C รองรับชาร์จเร็ว 18W และสุดท้ายเป็นช่องลำโพงเสียงอีกด้าน

ช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM 2 ช่อง และมีช่องใส่ MicroSD อีก 1 ช่อง จะวางไว้ที่ตัวเครื่องด้านซ้าย ซึ่งจะต้องใช้เข็มจิ้มถาดซิมเปิดออกมา

ทั้ง 2 รุ่นจะรองรับสแกนลายนิ้วมือด้านข้างตัวเครื่องที่ปุ่ม Power และมีปุ่มปรับระดับเสียงเพิ่ม-ลด อยู่ทางด้านขวา

ตัวเครื่องด้านหลังเลือกใช้วัสดุที่มีลวดลายเส้นแบบด้าน ตัว Redmi 9T จะมีการเส้นเล่นแสงเป็นแฉกๆ สีสันสดใสดึงดูดมาสำหรับสี Sunrise Orange พร้อมทั้งมีโลโก้ Redmi ขนาดใหญ่ ปั๊มลงไปที่ฝาหลังในแนวนอน ถัดขึ้นไปที่มุมซ้ายจะมีเลนส์กล้องหลังเรียงอยู่ในกรอบสี่เหลี่ยมอีกชั้น นูนขึ้นจากตัวเครื่องเล็กน้อย มีทั้งหมด 4 เลนส์ แบ่งออกเป็น

กล้องหลัง 4 เลนส์

  • เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล, f/1.79, LED flash, HDR
  • เลนส์ Ultrawide 8 ล้านพิกเซล, f/2.2
  • เลนส์ Macro 2 ล้านพิกเซล, f/2.4
  • Depth Sensor 2 ล้านพิกเซล, f/2.4

ส่วนฝาหลังของ Redmi Note 9T มีลายลวดลาย หรือเรียกว่าโพลีคาร์บอเนตพื้นผิวแบบ unibody แต่ออกแนวเรียบแบบเข้มครึม ไม่เล่นแสง แต่แน่นอนว่ากันรอยนิ้วมือได้เป็นอย่างดีและยังเคลือบนาโนป้องกันละอองน้ำ มีกล้องหลัง 3 เลนส์ เรียงอยู่ในกรอบวงกลมแบบ Halo Ring แบ่งออกเป็น

กล้องหลัง 3 เลนส์

  • เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล, f/1.8, LED flash, HDR
  • เลนส์ Macro 2 ล้านพิกเซล, f/2.4
  • เลนส์ Depth 2 ล้านพิกเซล, f/2.4

โหมดกล้องถ่ายรูปที่น่าสนใจของ Redmi Note 9T

กล้องหลัก AI Super Camera 48MP

Redmi Note 9T จะมีกล้องหลัก 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 ซึ่งก็ถือว่าเป็นความละเอียดมาตรฐาน สามารถถ่ายภาพได้คมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน โดยค่าเริ่มต้นของกล้องจะอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล หากต้องการใช้งาน 48 ล้านพิกเซล จะต้องไปเลือกเปิดที่เพิ่มเติม

โดยจากรูปถ่ายที่ใช้กล้อง 48 ล้านพิกเซล มีความคมชัด แต่ภาพถ่ายไม่ได้มีสีสดมาก แต่ถ้าหากเปิดใช้งาน AI จะเข้ามาช่วยประมวลผลสิ่งที่กำลังจะถ่าย ทำให้สีสมจริงยิ่งขึ้น ซึ่งตัวนี้จะไม่มีกล้องมุมกว้างมาให้ มีเพียงโหมดพาโนรามาที่จะช่วยให้ถ่ายภาพกว้างๆ ได้

โฟกัสใกล้ด้วยเลนส์ Macro 2MP

กล้องถ่ายภาพระยะใกล้อย่างมาโครถูกใส่มาที่ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 ระยโฟกัสอยู่ที่ 4 ซม. ถ้าหากพูดตามความจริงแล้วแทบจะไม่ได้ใช้งาน แต่ถ้าเป็น 5 ล้านพิกเซล ยังจะมีโอกาสได้ใช้มากกว่า

แต่ไหนๆ ก็ให้มาแล้วลองใช้งานดู ก็ถือว่าถ่ายได้ แต่ไม่ได้ชัดเท่าไหร่ หากเลยระยะโฟกัสแน่นอนว่าภาพออกมาค่อนข้างเบลอ

Portrait ปรับเบลอได้

โหมดถ่ายรูปบุคคลที่ใส่มาให้สามารถปรับโบเก้ได้ตั้งแต่ f/1.0 – f/16 ซึ่งเลขยิ่งน้อยยิ่งเบลอมาก หรือถ้าหากไม่พอใจถ่ายแล้วมาปรับภายหลังได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังใช้งานได้ทั้งกล้องหน้าและกล้องหลัง มีหน้าสวยให้ปรับจากระดับ 0 – 100 หรือจะใส่เอฟเฟกต์ที่มีมาให้ในเครื่องก็ได้เช่นกัน

ส่วนภาพถ่ายที่ได้จะถูกใจสำหรับคนที่ชอบพื้นหลังเบลอมากๆ ตัดขอบได้เนียนพอสมควร อาจจะมีบางมุมที่ไม่ชัดหรือหลบแสง บริเวณขอบตรงนั้นก็จะไม่ชัด แต่ถ้าพูดถึงความสามารถและราคาแล้วนั้นถือว่าทำได้น่าพอใจ

โหมดกลางคืน

เก็บภาพถ่ายตอนกลางได้สบายด้วยรูรับแสงกว้าง f/1.8 เมื่อถ่ายภาพในที่แสงน้อยชัดเตอร์จะหมุนช้าลงเพื่อประมวลผล สี และแสงให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด แต่ต้องมีแสงเพียงพอ ไม่งั้นจุดรบกวนเยอะเห็นได้ชัด

VLOG

อีกโหมดหนึ่งที่น่าสนใจก็จะเป็น VLOG ซึ่งสามารถถ่ายวิดีโอได้แบบมืออาชีพ ระบบมีฉากที่กำหนดมาให้เลือกใช้ได้ถึง 7 แบบ เป็นการถ่ายวิดีโอสั้นๆ ติดกัน 4 คลิป ซึ่งจะได้สีและเอฟเฟกต์เหมือนฉากที่กำหนดมาให้ จากนั้นระบบจะประมวลผลออกมาเป็นวิดีโอ 1 ตัวได้แบบมืออาชีพเลยทีเดียว

กล้องหน้าสวยมี AI

กล้องถ่ายรูปด้านหน้ามีความละเอียด 13 ล้านพิกเซล สามารถเปิด AI ช่วยใช้งานให้ภาพถ่ายกล้องหน้าของคุณดียิ่งขึ้น โดยปรับตั้งค่าหน้าสวยได้อัตโนมัติ หรือถ้าไม่พอใจก็ปรับได้ถึง 100 และยังสามารถปรับหน้าเรียว ตาโต ผิวเนียนได้อีกด้วย

แต่รูปถ่ายจากกล้องหน้าจะได้สีที่ค่อยข้างธรรมชาติ ไม่ได้โดดเด่นหรือสีสดมาก สามารถเอาไปใส่แอปฯ เพื่อปรับแต่งได้เพิ่ม

โหมดกล้องถ่ายรูปที่น่าสนใจของ Redmi 9T

กล้องหลัก 48MP

Redmi 9T แม้ว่าจะเป็นรุ่นเล็ก แต่ให้กล้องหลังมาถึง 4 เลนส์ โดยที่กล้องหลักมีความละเอียด 48 ล้านพิกเซล สามารถเก็บภาพและรายละเอียดต่างๆ ได้สวยงาม ยิ่งถ้าหากแสงเพียงภาพก็จะออกมาสดใส

มุมกว้างก็ให้มา 8MP

ตัวนี้ให้เลนส์มุมกว้างมาที่ 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 สามารถถ่ายได้กว้าง 120 องศา ซึ่งเป็นระยะกว้างแบบพอดี ไม่กว้าเยอะจนทำให้รูปบิดเบี้ยว อย่างน้อยก็เก็บภาพวิว หรือเพื่อนไม่ให้ตกขอบ

โหมด Portrait

โหมดภาพถ่ายบุคคลสามารถปรับฉากหลังให้เบลอได้ตั้งแต่ f/1.0 – f/16 และยังใช้งานหน้าสวย หรือเอฟเฟกต์ไปได้พร้อมกัน นอกจากนี้ รูปที่ถ่ายออกมายังเอามาปรับความเบลอได้ภายหลัง

โหมดกลางคืน

โหมดภาพถ่ายกลางคืนจะต้องมีแสงที่เพียงพอ ไม่งั้นรูปจะมืดและมีจุดรบกวนเยอะ

หน่วยความจำภายในตัวเครื่อง/ระบบปฎิบัติการ

Redmi Note 9T และ Redmi 9T ที่วางจำหน่ายในไทยมีความจุ 2 รุ่น ได้แก่ 64GB และ 128GB และมาพร้อมระบบปฎิบัติการ MIUI 12 based on Android 10 เหมือนกัน โดยหน้าตาของ UI ก็จะเน้นที่ความเรียบง่าย ทันสมัย มีฟังก์ชั่นที่ใช้งานที่น่าสนใจ เช่น

Dark Mode หรือโหมดมืด : สำหรับผู้ผู้ที่ต้องการใช้งานบนหน้าจอแบบเป็นส่วนตัว ทั้งยังช่วยความสว่างให้ใช้งานสบายตาขึ้น และยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกด้วย


โหมดอ่าน : ปรับหน้าจอเป้นโหมดอ่านเพื่อช่วยลดอาการเมื้อยล้าของดวงตา โดยหน้าจอจะออกสีเหลืออมส้มแบบนวลๆ เหมาะกับการอ่านหนังสือ หรือคอนเทนต์ที่ใช้เวลานานๆ บนหน้าจอ


โทนสี : Redmi Note 9T และ Redmi 9T สามารถปรับโทนสีหน้าจอได้ 3 แบบ ทั้งแบบอัตโนมัติ อิ่มสี หรือมาตรฐาน ทั้งยังเลือกอุณหภูมิสีได้เองตามความเหมาะสม


โหมดง่าย : ปรับขนาดของแอปพลิคชั่นและขนาดของข้อความให้ใหญ่ขึ้น เพื่อใช้งานง่านขึ้น

ทดสอบประสิทธิภาพ

  • Redmi Note 9T ทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v7.0.5 ได้คะแนนสูงถึง 289,417 คะแนน
  • Redmi 9T ทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v7.0.5 ได้คะแนนสูงถึง 175,638 คะแนน
  • Redmi Note 9T ทดสอบประสิทธิภาพ GeekBench 5 Multi-core ได้คะแนน 1546 และ Single-core คะแนน 439
  • Redmi 9T ทดสอบประสิทธิภาพ GeekBench 5 Multi-core ได้คะแนน 1371 และ Single-core คะแนน 314
  • Redmi 9T ทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกด้วย 3DMark Sling Shot Exterme – OpenGLES 3.1 Overall – 1149 คะแนน และ Sling Shot 1803 คะแนน

จุดเด่นที่น่าสนใจของ Redmi Note 9T และ Redmi 9T

ดีไซน์

ตัวเครื่องด้านหลังของทั้ง 2 รุ่น ออกแบบด้วยวัสดุโพลีคาร์บอเน็ตแบบ Unibody ซึ่งมีผิวสัมผัสแบบด้าน มีลวดลาย ทำให้ช่วยกันลื่นได้ดี ทั้งยังลดการเกิดรอยขีดข่วย หรือรอยนิ้วมือที่เป็นปัญหากับฝาหลังแบบเงา อีกอย่างคือเคลือสารกันละอองน้ำมาให้ด้วย เมื่อโดนน้ำจะได้ไม่ต้องกังวล แต่ไม่ถึงกับลงน้ำได้
หน้าจอใหญ่

Redmi Note 9T และ Redmi 9T มีหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซล แต่สังเกตได้ว่าหากปรับเป็นค่าเริ่มต้นเหมือนกัน Redmi Note 9T จอจะสว่างและออกขาวกว่า Redmi 9T ที่ติดเหลืองเล็กน้อย

หน้าจอยังมีมาตราฐาน TÜV Rheinland ที่ช่วยตัดแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตาเมื่อใช้เป็นระยะเวลานานๆ และรองรับ Widevine L1 ได้ทั้ง 2 รุ่น ทำให้สามารถดู NetFlix ได้ที่ความละเอียด HD เต็มอิ่มกับความบันเทิง

ชิปเซ็ต

Redmi Note 9T เลือกใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 800U 5G Octa-core ความเร็ว 2.4 GHz ซึ่งเป็นตัวเลือกที่รองรับ 5G และทำให้ Redmi Note 9T ทำราคาได้ต่ำหมื่น หากเทียบกับคู่แข่งอีกค่ายแน่นอนว่าราคานี้คงทำไม่ได้ ส่วนการใช้งานทั่วไปเรียกว่าเหลือๆ และยังช่วยประหยัดพลังงาน

ส่วนถ้าพูดถึงเรื่องของการเล่นเกมตัวนี้จะไม่ได้โดดเด่นมาก ยังเล่นได้ในระดับดี ไม่ต้องปรับกราฟิกสูงถึงจะเล่นได้ไม่สะดุด อย่างเกม ROV ปรับภาพที่ความละเอียด HD ได้ แต่ไม่สามารถเปิดเฟรมเรทสูงมากได้ เล่นได้ลื่นเรื่อยๆ ไม่กระตุก เฟรมเรทอยู่ที่ประมาณ 30fps ไม่ว่าจะเป็นตอนเดินหรือต่อสู้ก็ไม่สะดุด

ส่วนเกม Asphalt 9 ที่มีกราฟิกเยอะก็สามารถเล่นได้ลื่น ทั้งยังปรับการแสดงผลได้ระดับสูง เมื่อทดลองเล่นก็ลื่นใช้ได้ แต่ความสวยงามของภาพยังดูสีไม่ค่อยสดเท่าไหร่

สำหรับ Redmi 9T ที่ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 662 Octa-core ความเร็ว 2.0 GHz คู่กับ RAM 4GB การใช้งานทั่วไป เล่นโซเชียลก็ทำได้ดี ส่วนเรื่องของการเล่นเกมอย่าง ROV กับทำได้น่าทึ่ง สามารถเปิดเฟรมเรทสูง ขณะที่เดินและต่อสู่เฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 59-60 fps ไม่มีต่ำไปกว่านี้ เล่นลื่นไม่มีอาการกระตุก ส่วนเกมแข่งรถ Asphalt 9 เล่นได้แต่ภาพไม่ค่อยสวยเท่าไหร่

ซิมคู่ + MicroSD

Redmi Note 9T และ Redmi 9T รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ดแบบ Nano SIM และยังมีช่องใส่ MicroSD มาให้อีก 1 ช่อง ไม่ต้องกังวลว่าหน่วยความจำภายในตัวเครื่องจะไม่พอ และยังเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้งาน 2 ซิมได้จริง

รองรับ 5G

นอกจากนี้ Redmi Note 9T ยังรองรับการใช้งาน 5G Dual ได้ทั้ง 2 ซิม รองรับกับคลื่อนความถี่ที่ครอบคลุมทั้ง n1/n3/n5/n7/n8/n20/n28/n38/n41/n77/n78/n79 จับต้องได้ในสมาร์ทโฟนหลักพัน ไม่ว่าจะอัปโหมดหรือดาวน์โหลดก็เร็วกว่าเดิมถึง 2 เท่า

ลำโพงคู่

ทั้ง 2 ยังอัดแน่นความบันเทิงด้วยลำโพงคู่รองรับการสลับช่องเสียง L/R อัตโนมัติ ไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ก็ได้เสียงที่กระหึ่ม ลำโพงออกทางด้านบนและด้านล่างของตัวเครื่อง และข้อดีคือเมื่อเอียงหน้าจอเล่นเกมมือก็ไม่บังลำโพง

แบตฯ ใหญ่

แบตฯ จุใจใช้งานได้ต่อเนื่อง และรองรับชาร์จเร็ว 18W แต่อแดปเตอร์ที่ให้มาในกล่องชาร์จเร็วได้ถึง 22W โดย Redmi Note 9T จะมีแบตฯ ความจุ 5000 mAh เล่นเกมได้ต่อเนื่อง 11 ชม. ใช้เวลาเพียง 30 นาทีได้แบตฯ เพิ่มขึ้น 33%

Redmi 9Tมีแบตฯ 6000 mAh แต่ตัวเครื่องถือว่ามีน้ำหนักเบามาก ใช้ดูวิดีโอต่อเนื่องได้ถึง 17 ชั่วโมง ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องชาร์จเร็ว ยังไม่เห็นการทำงานที่ชัดเจน ยิ่งทั้งคู่แบตฯ มีความจุเยอะยังต้องใช้เวลานานพอสมควรก็จะเต็ม แต่จะดีตรงที่ระหว่างวันไม่ต้องมานั้งชาร์จแบตฯ ให้เสียเวลา

จุดเด่นของ Redmi Note 9T

  • ดีไซน์สวย ฝาหลังกันรอยนิ้วมือ
  • รองรับ 5G ราคาหลักพัน
  • ลำโพงคู่
  • มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตฯ ใหญ่ 5000 mAh

ข้อควรพิจารณาของ Redmi Note 9T

  • ไม่มีหูฟังมาให้ในกล่อง
  • กล้องไม่มีเลนส์มุมกว้าง

จุดเด่นของ Redmi 9T

  • ดีไซน์สวย ฝาหลังกันรอยนิ้วมือ
  • กล้อง 4 เลนส์ 48MP
  • ลำโพงคู่
  • มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
  • แบตฯ อึด 6000 mAh

ข้อควรพิจารณาของ Redmi 9T

  • ไม่มีหูฟังมาให้ในกล่อง

อุปกรณ์ภายในกล่อง Redmi Note 9T และ Redmi 9T

  • สมาร์ทโฟน
  • อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 22.5W แต่เครื่องรองรับชาร์จเร็ว 18W
  • สาย USB Type-C
  • เคสซิลิโคน
  • เข็มจิ้มซิม
  • คู่มือและใบรับประกัน

สเปค Redmi Note 9T

  • หน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว แบบ FHD+, Corning Gorilla Glass 5
  • ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 800U 5G Octa-core, 2.4 GHz
  • GPU Mali-G57
  • RAM 4GB, ROM 64/128GB
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด + MicroSD สูงสุด 512GB
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
  • – เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล, f/1.8, LED flash, HDR
  • – เลนส์ Macro 2 ล้านพิกเซล, f/2.4
  • – เลนส์ Depth 2 ล้านพิกเซล, f/2.4
  • กล้องหน้า 13 ล้านพิกเซล, f/2.3
  • รองรับการเชื่อมต่อ 5G Dual, Bluetooth 5.1, USB Type-C, On-The-Go
  • ระบบปฏิบัติการ MIUI 12 based on Android 10
  • แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 18W
  • ขนาดตัวเครื่อง 161.9 × 77.3 × 9.06 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 199 กรัม
  • สี Nightfall Black, Daybreak Purple

สเปค Redmo 9T

  • หน้าจอขนาด 6.53 นิ้ว แบบ FHD+, Corning Gorilla Glass 3
  • ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 662 octa-core 2.0Ghz
  • GPU Adreno 610
  • RAM 4/6GB, ROM 64/128GB
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด + MicroSD สูงสุด 512GB
  • กล้องหลัง 4 เลนส์
  • เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล, f/1.79, LED flash, HDR
  • เลนส์ Ultrawide 8 ล้านพิกเซล, f/2.2
  • เลนส์ Macro 2 ล้านพิกเซล, f/2.4
  • Depth Sensor 2 ล้านพิกเซล, f/2.4
  • กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล, f/2.0
  • รองรับการเชื่อมต่อ 4G, Bluetooth 5.0, USB Type-C, On-The-Go
  • ระบบปฏิบัติการ MIUI 12 based on Android 10
  • แบตเตอรี่ 6000 mAh รองรับการชาร์จเร็ว 18W
  • ขนาดตัวเครื่อง 162.3 × 77.3 × 9.6 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 198 กรัม
  • สี Carbon Gray, Sunset Orange, Twilight Blue, Ocean Green

ราคา

  • Redmi Note 9T รุ่น RAM 4+64GB ราคา 6,999 บาท และ RAM 4+128GB ราคา 7,499 บาท
  • Redmi 9Tรุ่น RAM 4+64GB ราคา 4,499 บาท และรุ่น RAM 6+128GB ราคา 5,299 บาท

สรุป

Redmi Note 9T เป็นสมาร์ทโฟน 5G ราคาตลาดแตก สำหรับใครที่กำลังมองหาเพื่อใช้ในอนาคต ราคาจับต้องใช้ ใช้งานทั่วไปลื่น แต่จะมีเรื่องของกล้องสีจะจืด และไม่เน้นไปทางเล่นเกมเท่าไหร่นัก แต่ด้วยราคานี้ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ส่วน Redmi 9T เป็นรุ่นเล็กในระดับเริ่มต้น เหมาะกับใครที่ต้องการแบตฯ เยอะๆ เปิดสแตนบายได้นาน เล่นเกมก็ไม่แย่ มาพร้อมลำโพงคู่เน้นความบันเทิง เป็นอีกตัวเลือกที่ควรพิจารณา

แสดงความคิดเห็น