OnePlus 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นท๊อปของค่ายในปี 2020 ที่เรียกว่าใส่สเปคทุกอย่างเท่าที่จะมีมาให้ หากนับจากความเปลี่ยนแปลงในรุ่นที่เป็นตัวเลขเดี่ยวอย่าง OnePlus 7 Pro ถือว่ามีความเปลี่ยนแปลงมาก ตั้งแต่ดีไซน์ตัวเครื่อง ประสิทธิภาพ รวมถึงราคา ด้วยความสามารถที่เพิ่มขึ้นเท่าตัวทั้งชิปเซ็ตตัวท๊อป Snapdragon 865, LPDDR5 มาพร้อมจอ 120Hz แน่นอนว่าราคาคงไม่อยู่เท่าเดิม แต่ด้วยประสิทธิภาพและ OxygenOS ที่ทำให้ใครหลายคนหลงใหลในความลื่นคลีนๆ OnePlus 8 Pro เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจแน่นอน

ดีไซน์รอบตัวเครื่อง

ตัวเครื่อง OnePlus 8 Pro เปลี่ยนแปลงไปจากซีรี่ย์ก่อน (OnePlus 7 Pro) อย่างเห็นได้ชัด สัมผัสแรกคือเครื่องมีขนาดผอมเพรียว น้ำหนักเบากว่าเดิม จับถนัดมือมือขึ้น ซึ่งทำให้ OnePlus 7 Pro ดูอ้วนไปเลย โดยมีขนาดตัวเครื่องอยู่ที่ 165.3 × 74.4 × 8.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 199 กรัม

หน้าจอแสดงผลยังใช้เทคโนโลยี Fluid AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด QHD+ (3168 X 1440 พิกเซล) ซึ่งเป็นจอแสดงผลสี 10 Bit ทำให้ได้ภาพที่มีความสวยงาม สมจริง ทั้งยังรองรับรีเฟรชเรทที่ 120Hz และรองรับ HDR10+

กล้องหน้าไม่ได้มาในรูปแบบ Pop-up เหมือนเดิม แต่ถูกเรียกว่า Push Hole ซึ่งเป็นกล้องหน้าเจาะรูอยู่ที่มุมด้านซ้าย มีขนาดเล็กและเมื่อใช้งานแทบไม่เกะกะสายตา แต่หากใครไม่ต้องการสามารถตั้งค่าพื้นที่แสดงผลกล้องหน้าได้ ซึ่งหน้าจอจะมีแถบด้านบนเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก เข้าไปที่ตั้งค่า > การแสดงผล > ขั้นสูง > พื้นที่แสดงผลกล้องหน้า

กล้องหน้ามาพร้อมความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ทั้งยังเป็นเซ็นเซอร์ปลดล็อคด้วยใบหน้า และตรงกลางหน้าจอมีช่องลำโพงเสียงสนทนา

ส่วนหน้าจอด้านล่างมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ ปลดล็อคเร็วกว่าเดิมแค่สัมผัส รองรับการใช้งาน 5 ลายนิ้วมือ มีลูกเล่นให้ตั้งค่าเอฟเฟ็กต์ภาพเคลื่อนไหวบริเวณที่ปลดล็อคลายนิ้วมือได้อีกด้วย และทำงานเร็วขึ้นแบบไม่ต้องออกแรงกด

เอฟเฟ็กต์ภาพเคลื่อนไหว

นอกจากนี้ ขอบด้านล่างของหน้ายังมีขนาดเล็กลง ใช้งานปุ่มควบคุมการทำงานได้ทั้งแบบมีปุ่มแสดง หรือรูปแบบการนำทาง เข้าไปที่ > ตั้งค่า > ปุ่มและท่าทาง > แถบนำทางและรูปแบบ

ตัวเครื่องด้านบนมีเพียงรูไมโครตัวที่ 2 ช่วยตัดเสียงรบกวน

ส่วนด้านล่างของตัวเครื่องที่มุมด้านซ้ายจะเป็นช่องใส่ซิมแบบ Nano SIM 2 ช่อง ไม่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้

ถัดไปทางขวามีไมโครโฟนอีก 1 ตัว พร้อมกับพอร์ต USB Type-C สำหรับชาร์จแบตเตอรี่ รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว Warpe Charge 30T ใช้เวลา 23 นาทีได้แบตฯ เพิ่มขึ้น 50% และสุดท้ายเป็นช่องลำโพงของตัวเครื่อง

ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีเพียงปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง ซึ่งก็ไม่ได้ต่างจากรุ่นเดิม

ส่วนตัวเครื่องด้านขวามีปุ่ม Power พร้อมกับปุ่ม Alert Slider ซึ่งมีขนาดเล็กลงกว่าเดิมมาก สามารถเลื่อนได้ 3 สเต็ป ค่าเริ่มต้นจากล่างสุดจะเป็นการใช้งานเปิดเสียง ตรงกลางตั้งสั่น และบนสุดปิดเสียง

สีตัวเครื่องด้านหลัง

ด้านหลังตัวเครื่องของ OnePlus 8 Pro ใช้วัสดุกระจกที่เรียกว่า Matte AG ออกแบบให้มีผิวสัมผัสแบบด้าน ซึ่งเป็นกระจกที่เกิดรอยนิ้วมือยากมาก โดยที่จะมีตัวเลือกของสี Glacial Green และสี Ultramarine Blue ที่ได้มารีวิวจะเป็นสีเฉดเดียว แต่มีการเล่นแสงอย่างสวยงาม ไม่เหมือนรุ่น 7 Pro ที่ไล่เฉดจากน้ำเงินไปเป็นสีออกดำ

สิ่งหนึ่งที่ OnePlus ยังทำได้ถูกใจคือการวางเลนส์กล้องหลังไว้ตรงกลางตัวเครื่อง ยังคงความสมมาตรและสวยงาม แต่คราวนี้กล้องจะนูนขึ้นมากจากฝาหลัง ใส่มาให้ถึง 4 เลนส์ ประกอบไปด้วย

  • เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล, f/1.8, OIS, EIS
  • เลนส์ Ultrawide 48 ล้านพิกเซล, f/2.2, มุมกว้าง 120 องศา
  • Telephoto 8 ล้านพิกเซล, f/2.4, 3x optical zoom, OIS
  • เลนส์ Color Filter 5 ล้านพิกเซล, f/2.4

โดยที่ด้านล่างกล้องตัวที่ 4 จะมีเซ็นเซอร์ ไมโครโฟนอีกหนึ่งตัว และด้านล่างเป็นไฟแฟลช นอกจากนี้ ยังมีโลโก้และตัวหนังสือ OnePlus 8 Pro เหมือนกับการปั้มลงไปที่ฝาหลัง ซึ่งจะไม่เรียบเนียนเหมือนรุ่นก่อน สัมผัสได้ถึงพื้นผิวที่แตกต่างกันและมีเฉพาะบนสี Ultramarine Blue เท่านั้น

กล้องถ่ายรูป

กล้องถ่ายรูปของ OnePlus 8 Pro มีการอัปเกรดเพิ่มขึ้น ใส่กล้องความละเอียด 48 ล้านพิกเซลมาให้ถึง 2 เลนส์ ทั้งยังเพิ่มเลนส์ Color Filter 5 ล้านพิกเซล เพื่อการถ่ายรูปด้วยเอฟเฟ็กต์ที่สนุกขึ้น ซึ่งอีกหนึ่งความต่างที่เห็นได้ชัดคือระบบโฟกัสเร็วขึ้น ชัตเตอร์ทำงานเร็วกว่าเดิม สามารถจับภาพสิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้น รวมถึงใส่เทคโนโลยี Smart Pet Capture ถ่ายรูปสัตว์ที่มีการเคลื่อนไหวเร็วๆ อย่างสุนัข หรือแมวได้ดียิ่งขึ้น

จุดเด่นของกล้องบน OnePlus 8 Pro

กล้องหลัก 48 ล้าน

กล้องหลักใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX689 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.8 มาพร้อมกันสั่น OIS ทำให้ได้รูปถ่ายที่มีความคมชัด สีสันสวยงาม ไฟล์ภาพอยู่ที่ 8000 x 6000 พิกเซล เมื่อซูมดูรายละเอียดต่างๆ ยังคงคมชัด

ทั้งนี้ ค่าเริ่มต้นเมื่อเปิดใช้งานกล้องถ่ายรูปจะอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล (3000 x 4000) ซึ่งหากต้องการใช้งาน 48 ล้านพิกเซล ต้องกดเปิดที่เมนูด้านบนที่เป็นตัวเลข สามารถใช้งานได้แค่มุมปกติและมุมกว้าง ไม่รองรับการซูม

รูปตัวอย่างกล้องหลัก 48MP

รูปตัวอย่างกล้องหลัก 12MP

กล้อง Wide Angle

กล้องถ่ายรูปมุมกว้าง ใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX586 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล มุมกว้าง 120 องศา สามารถเก็บรูปถ่ายวิวทิวทัศน์ หรือกลุ่มเพื่อได้ครบ รูปที่ได้ยังคงมีความสมดุลไม่บิดเบี้ยว และที่สำคัญคือรายละเอียดยังคมชัดเหมือนกล้องหลัก

กล้องซูม 8 ล้านพิกเซล

กล้อง Hybrid Zoom ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (มี OIS) ของ OnePlus 8 Pro สามารถใช้งาน Optical Zoom ได้ 3 เท่า ซึ่งอยู่ในระยะซูมกำลังดีใช้งานได้จริง รูปที่ได้ยังคงมีรายละเอียดเห็นได้ชัด แต่ยังทำมาให้สามารถใช้งานซูมแบบ Digital Zoom ได้ถึง 30x ซึ่งแน่นอนว่าระยะนี้รูปที่ได้จะมีความคมชัดลดลง

รูปปกติ 1x
มุมกว้าง
Zoom 3x

กล้อง Color Filter

กล้อง Color Filter มาพร้อมความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ใส่มาเฉพาในรุ่น OnePlus 8 Pro โดยเป็นเอฟเฟ็กต์สีให้เลือกใช้งานอยู่ที่เมนูมุมขวาด้านบน มีเอฟเฟ็กต์ให้เลือกใช้งาน 5 สี ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่งและวิดีโอ ให้อารมณ์ที่แตกต่างจากรูปถ่ายปกติ โดยเฉพาะเอฟเฟกต์ Photochrome ที่จะเปลี่ยนมุมมองสีให้เป็นโทนส้ม-ขาว เหมาะกับการถ่ายต้นไม้ ใบหญ้า หรือสิ่งที่มีสีสดใส

Macro Mode

มาโครโหมดสามารถเปิดใช้งานได้ที่รูปต้นไม้บนเมนูกล้องถ่ายรูป สามารถโฟกัสได้ใกล้ในระยะ 3 ซม. ซึ่งจะได้ไฟล์ภาพที่ความละเอียด 4000 x 3000 พิกเซล เห็นวัตถุเล็กๆ ได้ใกล้และชัดขึ้น รายละเอียดต่างๆ ยังครบถ้วนและสมบูรณ์

Smart Pet Capture

เป็นซอฟต์แวร์ที่ใส่มาให้บน OnePlus 8 Pro สำหรับถ่ายรูปสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของคุณ เฉพาะกับสุนัขและแมว โดยที่กล้องสามารถระบุว่าเป็นรูปสัตว์และจับภาพสิ่งเคลื่อนไหวเหล่านั้นให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด

Nightscape 3.0

โหมดถ่ายรูปกลางคืนเป้นอีกโหมดที่น่าสนใจ ด้วยความสามารถของรูรับแสง f/1.8 และเทคโนโลยี Nightscape 3.0 สามารถถ่ายรูปที่ที่มีแสงน้อยหรือตอนกลางคืนได้ดีเยี่ยม ด้วยการรวมรูปถ่ายหลายเฟรมเข้าด้วยกัน และแสดงผลออกมาเป็นรูปที่ดีที่สุด องค์ประกอบของสีและภาพยังชัดเจนไม่เบลอเป็นวุ้น สีของไฟออกมาสมจริง

กล้องหน้า

กล้องหน้าความละเอียด 16 ล้านพิกเซล ถ้าใครที่คาดหวังว่าจะมีโหมดให้ใช้ปรับแต่งหน้าสวยก็ผิดหวังเหมือนเดิม สามารถปรับได้แค่ 3 ระดับ โดยที่จะเป้นระดับ 3 แล้วก็ยังไม่หน้าเล็ก เนียนใสวิ๊งๆ แต่จุดเด่นจะอยู่ที่ความเป็นธรรมชาติมากกว่า ซึ่งก็มีเพียงเอฟเฟ็กต์ให้เลือกใช้งาน หรือจะเป็นโหมด Portrait หน้าชัด-หลังเบลอก็มีมาให้

ระบบปฎิบัติการ/หน่วยความจำภายใน

OnePlus 8 Pro รันบนระบบปฎิบัติการ OxygenOS 10 based on Android 10 ขึ้นชื่อเรื่องความคลีน ลื่นและใช้งานได้เร็วบนเครื่องด้วยการปรับแต่งซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพกว่า 280 รายการ ปรับแต่ง UI ให้มีความง่าย สะอาดสะอ้าน และยังเพิ่มความทันสมัยให้กับสมาร์ทโฟน มีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้หลากหลาย เช่น

หน้าตา UI

ปุ่มควบคุมการใช้งานปรับได้

หากต้องการใช้งานบนหน้าจอแบบเต็มๆ ก็สามารถปรับปุ่มนำทางได้ ใช้งานด้วยการปัดซ้าย-ขวา แทนปุ่มควบคุมการทำงานแบบสัมผัส หรือหากใครไม่ถนัดปุ่มแบบยังมีให้ใช้งานอยู่

Live Wallpaper

เป็นวอลเปเปอร์เคลื่อนไหวเรียวไทม์ สามารถเปลี่ยนเฉดสีตามสภาพอากาศ ทั้งยังให้สีที่สดอีกด้วย

Dark Theme

Dark Theme หรือโหมดมืดก็มีให้ใช้งานบน OxygenOS 10 เพื่อความสบายของดวงตา และใช้พลังงานแบตเตอรี่น้อยลง เข้าไปปรับที่ ตั้งค่า > การกำหนดเอง > เลือกโทน > มีทั้งแบบสีสัน และมืด ทั้งยัง ปรับแต่งสีของไอคอนที่แสดงได้ด้วยตัวเองอีกด้วย

Zen Mode

Zen Mode ถูกออกแบบมาให้เฉพาะบนสมาร์ทโฟนของ OnePlus เพื่อช่วยลดการใช้งานบนสมาร์ทโฟน เมื่อเปิดใช้งาน Zen Mode จะไม่สามารถใช้งานได้บนสมาร์ทโฟน แอปพิเคชั่นถูกล็อค การแจ้งเตือนต่างถูกปิด เว้นไว้แต่สายเรียกเข้าและกล้องถ่ายรูปที่ใช้งานได้ ซึ่งเป็นที่ทำให้คุณได้ห่างโทรศัพท์สักพักเป็นเวลาเริ่มต้นที่ 20 นาที หรือตั้งเวลาสูงกว่านั้นได้ถึง 60 นาที นอกจากนี้ ยังมีแรงบันดาลใจให้ใช้งาน Zen Mode เป็นประจำจะมีสถิติเก็บไว้ได้รับเหรียญรางวัลด้วย

ส่วนหน่วยความจำภายในของ OnePlus 8 Pro จะวางขายในไทยรุ่นเดียวคือ RAM 12 + ROM 256GB ไม่ช่องใส่ MicsoSD มาให้ แต่มีพื้นที่ Google One พื้นที่สำหรับเก็บข้อมูล 100GB ให้ใช้ฟรี 3 เดือน แต่ทั้งนี้สำหรับความจุ 256GB ถือว่าใหญ่และเยอะพอสมควร เก็บรูปและวิดีโอได้เป็นหมื่นยังเหลืออีกกว่า 100 GB

ทดสอบประสิทธิภาพ

  • ทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v7.0.5 ได้ 571,327 คะแนน
  • การทดสอบประสิทธิภาพกราฟิกด้วย 3DMark Overall Sling Shot Extreme – 7,020 คะแนน

ทดสอบเซ็นเซอร์ด้วยโปรแกรม Android Sensor Box

  • Accelerometer Sensor ตรวจวัดความเร่งจากการโน้มเอียง
  • Light Sensor ตรวจจับแสงสว่าง
  • Orientation Sensor เซ็นเซอร์ปรับมุมมองหน้าจอ
  • Proximity Sensor ปิดหน้าจออัตโนมัติขณะสนทนาแนบหู
  • Gyroscope Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับลักษณะการหมุนของสมาร์ทโฟน
  • Sound Sensor ตรวจวัดระดับเสียง
  • Magnetic Sensors เซ็นเซอร์ตรวจจับแม่เหล็ก

จุดเด่นอื่นๆ

หน้าจอดีที่สุด

OnePlus 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นในขณะนี้ที่มีหน้าจอดีที่สุด ได้รับรางวัลการันตีระดับ A+ จาก DisplayMate โดยใช้เป็นจอเทคโนโลยี Fluid AMOLED ขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว มาพร้อมความละเอียด QHD+ แสดงผลราบรื่นจากเฟรมหนึ่งไปอีกเฟรมหนึ่งด้วยสีที่สดใสคมชัดแบบ 10-bit หรือเรียกว่าเห็นสีสดได้มากกว่า 1 พันล้านสี ทำงานร่วมกับเทคโนโลยี MEMC ที่เข้ามาช่วยในการปรับกราฟิกภาพเคลื่อนไหวราบรื่นยิ่งขึ้น ลดการเบลอ ให้ความคมชัดมากขึ้น สามารถเข้าไปตั้งค่าปิด หรือเปิด ได้ที่ ตั้งค่า > การแสดงผล > การปรับกราฟิกภาพเคลื่อนไหวให้ราบรื่น (MEMC)

เรื่องของหน้าจอยังไม่หมด OnePlus 8 Pro ยังรองรับการใช้งานรีเฟรชเรท 120Hz ซึ่งจากรุ่นเดิมที่เป็น 90Hz ก็ถือว่าลื่นแล้ว เมื่อให้มา 120Hz สำหรับคนที่ใช้ 90Hz มาก่อนอาจจะเห็นความแตกต่างไม่มาก แต่ถ้าเป็นสมาร์ทโฟนทั่วไปอยู่ที่ 60Hz เรียกว่าถ้ามาใช้งานบนจอนี้เห้นความต่างได้อย่างชัดเจน หากใครคิดว่าลื่นไปก้ยังปรับลดลงมาให้เป็น 60Hz ได้ เข้าไปที่ ตั้งค่า > การแสดงผล > ขั้นสูง > อัตราการรีเฟรช

นอกจากนี้ ด้วยหน้าจอที่มีกล้องหน้าแบบ Push Hole ทำให้ได้หน้าจอที่กว้างเต็มจอมากขึ้น รับชมคอนเทนต์ได้เพลิดเพลินจากจอที่มีสีสันสดใสคมชัด ใช้งานลื่นแล้ว ยังรองรับการรับชมคอนเทนต์แบบ HDR10+ ให้ภาพมีความเคลื่อนไหวสมจริงมากขึ้น เรียกว่าความบันเทิงบนหน้าจอจัดเต็มมาให้แบบไม่กั๊กแล้ว

ชิปเซ็ตตัวท๊อป

ส่วนเรื่องของชิปเซ็ตก็ใส่เป็นตัวท๊อป Snapdragon 865 มาพร้อมกับ LPDDR5 RAM 12GB, UFS 3.0 + Turbo Write เพิ่มความสามารถในการอ่านเขียนข้อมูลได้เร็วขึ้น 125% ทั้งยังเป็นชิปเซ็ตที่รองรับ 5G และรองรับ Wi-Fi 6 โอนถ่ายข้อมูลเร็วขึ้น ทำให้ OnePlus 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนตัวท๊อปของค่าย

สัญญาณ 5G : OnePlus 8 Series รองรับคลื่นความถี่ 5G ในย่าน 700 MHz และ 3,500 MHz (ไม่รองรับคลื่นความถี่ 2,600 MHz) โดยคาดว่าจะรองรับการใช้งานคลื่นความถี่ 5G ได้แล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2563 หรือ ต้นปี 2564 ทั้งนี้การใช้งานขึ้นอยู่กับเงื่อนไขผู้ให้บริการแต่ละเครือค่าย และผลการทดสอบการรองรับในย่านคลื่นความถี่ของแต่ละเครือข่าย ภายในประเทศไทย

ส่วนการเล่นเกมเรียกว่าเป็นอีกคุณสมบัติหลักเลย รองรับการเล่นเกมได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะแรงหรือกราฟิกเยอะแค่ไหนก็ไม่หวั่น ด้วยความสามารถของชิปเซ็ตทำงานร่วมกับ Fnatic Mode ที่ช่วยดึงประสิทธิภาพของตัวเครื่องมาใช้อย่างเต็มที่ จัดการ RAM, GPU เครือข่าย และอื่นๆ แบบเต็มประสิทธิภาพ ทำให้สามารถเล่นเกมลื่นไม่กระตุก และสนุกกับระบบ Haptic Vibration ตอบสนองการสั่นในขณะเล่นเกมให้ได้อารมณ์ร่วมมากขึ้น

เมื่อทดสอบเล่นเกม Asphalt 9 หรือเกมแข่งรถที่แรงและกราฟิกเยอะ สิ่งที่ได้คือภาพลื่นและสวยงามมาก รวมถึงความเร็วในการเล่นเกมกับเอฟเฟ็กต์เป็นไปในทิสทางเดียวกัน ไม่มีสะดุดหรือภาพกระตุกให้เห็นแม้แต่น้อย

นอกจากนี้ ยังได้ทดสอบเล่น ROV สามารถปรับกราฟิกและเฟรมเรทได้ในระดับสูงสุด เกมเล่นลื่น เฟรมเรทอยู่ที่ 59-60 fps ไม่ตกไปกว่านี้แม้แต่กระทั่งตอนต่อสู้ แถมภาพยังมีความลื่นและสมูทอีกด้วย

ลำโพงคู่เตอริโอ

ลำโพงคู่สเตอริโอที่มีมาตั้งแต่ OnePlus 7 Pro ต้องบอกว่าเสียงดีขึ้น ได้อรรถรสในการฟังรอบทิศทาง แต่ถ้าพูดถึงความดังสู้รุ่นอื่นๆ ยังไม่ได้ ต้องเพิ่มเสียงดังเกินครึ่งไปเยอะมากถึงจะรู้สึกว่าได้ยินเสียงที่ดังและชัดเจน

แบตเตอรี่

แบตเตอรี่ให้มาที่ความจุ 4,510 mAh รองรับชาร์จเร็ว Warpe Charge 30T ใช้เวลาชาร์จ 23 นาที ได้แบตฯ 50% และยังเป็นรุ่นแรกของค่ายที่รองรับชาร์จไร้สาย Wireless Charging 30W เพียง 30 นาที ได้แบตฯ เพิ่มขึ้น 50% ซึ่งเป็นชาร์จไร้สายแบบเร็วอีกด้วย และยังรองรับการชาร์จไร้สายให้กับอุปกรณ์อื่นได้อีกด้วย สะดวกในการชาร์จไม่ต้องเสียเวลานาน นอกจากนี้ รุ่นนี้ยังจัดการพลังงานแบตเตอรี่ได้ดีกว่าเดิม แบตฯ อยู่ได้นานขึ้นแทบจะทั้งวันไม่ต้องชาร์จ

กันน้ำ IP68

OnePlus 8 Pro สามารถกันน้ำ-กันฝุ่นได้ที่มาตรฐาน IP68 คือกันฝุ่น ทราย ได้ทั่วไป รวมถึงกันน้ำได้ลึก 1.5 เมตร เป็นเวลา 30 นาที แต่ทางที่ดีก็ไม่ควรเอาลงไปใช้ใต้น้ำแน่ๆ เพราะเป็นมาตรฐานที่ใส่มาเพื่อช่วยปกป้องสมาร์ทโฟนจากน้ำโดยที่ไม่ได้ทันระวัง

สรุป

OnePlus 8 Pro เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นท๊อปตัวหนึ่งที่ใส่สเปคให้มาค่อนข้างครบ ทั้งหน้าจอแสดงผล ชิปเซ็ต กล้องถ่ายรูป ระบบต่างๆ รวมถึงการรองรับ 5G ที่มีข้อแม้อยู่ว่าไม่รองรับบางเครือข่าย แต่ด้วยสเปคขนาดนี้ทำให้เป็นอีกรุ่นที่น่าจับตามอง ซึ่งทางค่ายจะมีจุดเด่นอีกอย่างที่คนใช้จะรู้คือการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่มีให้ต่อเนื่อง อย่างน้อยการันตี 2 ปี สามารถใช้งานยาวๆ กับความคุ้มค่าและเงินที่จ่ายไปถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ

จุดเด่น

  • หน้าจอแสดงผลสี 10-bit, รองรับ HDR 10+, รีเฟรชเรท 120Hz
  • ชิปเซ็ตตัวแรง Snapdragon 865 SoC รองรับ 5G
  • กล้องหลัง 48 ล้านพิกเซล (2 เลนส์)
  • รองรับชาร์จเร็ว Warpe Charge 30T, รองรับ Wireless Charging 30W
  • ลำโพงคู่ Stereo Speakers ระบบเสียง Dolby Atmos

ข้อควรพิจารณา

  • ไม่มีหูฟังแถมมาให้ในกล่อง

สเปค OnePlus 8 Pro

  • จอ Fluid AMOLED 6.78” (3168×1440) รีเฟรชเรท 120Hz, อัตราส่วน 19.8:9, HDR10+, Adaptive Display และ MEMC
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 865 SoC รองรับ 5G
  • RAM 12GB LPDDR5
  • ROM 256GB, UFS 3.0
  • ระบบปฎิบัติการ OxygenOS based on Android 10
  • กล้องหลัง 4 เลนส์
  • เลนส์หลัก Sony IMX689 48MP (f/1.78), OIS, EIS
  • เลนส์ Ultrawide Sony IMX586 48MP (f/2.2) มุมกว้าง 120 องศา
  • เลนส์ Telephoto 8MP (f/2.4) Optical 3x, OIS
  • เลนส์ Color Filter 5MP (f/2.4)
  • กล้องหน้า Sony IMX471 16MP (f/2.0) fixed focus, EIS
  • รองรับการเชื่อมต่อ 5G, Bluetooth 5.1, NFC, Wi-Fi 6 (2.4GHz และ 5GHz), USB-C 3.1
  • แบตเตอรี่ 4,510 mAh รองรับ Warpe Charge 30T, รองรับ Wireless Charging 30W และ Reverse Wireless Charging 3W
  • อื่นๆ : สแกนนิ้วใต้หน้าจอ, ลำโพงคู่ Stereo Speakers ระบบเสียง Dolby Atmos, กันน้ำ IP68
  • ขนาด 165.3 x 74.4 x 8.5 มิลลิเมตร
  • น้ำหนัก 199 กรัม
  • ราคา 34,990 บาท

อุปกรณ์ในกล่อง

  • Onelus 8 Pro
  • สายชาร์จ USB Type-C
  • อแดปเตอร์ชาร์จเร็ว 30W
  • เคสพลาสติกใสลาย Naver Settle
  • เข็มจิ้มซิม
  • จดหมายจาก CEO
  • สติ๊กเกอร์
  • คู่มือการใช้งาน

แสดงความคิดเห็น