รีวิว vivo X60 Pro 5G กล้องถ่ายภาพสวยพลัง ZEISS ดีไซน์พรีเมียม ชิปแรง Snapdragon 870 5G

vivo X60 Pro 5G สมาร์ตโฟนรุ่นท๊อปตัวแรกที่ร่วมมือกับ ZEISS พัฒนาระบบกล้องถ่ายรูปจนเป็นที่มาของสโลแกน “Photography. Redefined.” ได้กล้องถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นอีกรุ่นที่ถ่ายภาพสนุกและสวยงามทุกสถาณการณ์ โดยกล้องหลังให้มา 3 เลนส์ มีเลนส์หลัก 48MP มาพร้อมเลนส์ ถ่ายภาพบุคคล (Portrait) ความละเอียด 13MP ใช้งานสนุก ถ่ายคนสวย และสุดท้ายเป็นเลนส์มุมกว้าง Super Wide Angle ความละเอียด 13MP

นอกจากจุดเด่นเรื่องกล้องแล้ว vivo X60 Pro 5G ยังเป็นสมาร์ทโฟนรองรับ 5G ที่ออกแบบได้สวยงาม มีน้ำหนักเบา ทั้งยังขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 870 5G ใช้งานลื่น เล่นเกมไม่สะดุดด้วยหน้าจอแสดงผลรีเฟรชเรท 120Hz และแบตฯ 4200 mAh รองรับชาร์จเร็ว 33W FlashCharge

ดีไซน์ตัวเครื่อง

vivo X60 Pro 5G สมกับการเป็นสมาร์ตโฟนรุ่นท๊อปที่มาพร้อมดีไซน์ตัวเครื่องปราณีตสวยงาม น้ำหนักเบาเพียง 179 กรัม (สี Shimmer Blue) โดยที่มีหน้าจอโค้งรับกับขอบด้านข้างที่บางเพียง 7.69 มิลลิเมตร

มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Ultra O Screen เทคโนโลยี AMOLED กว้าง 6.56 นิ้ว ความละเอียด 2376 x 1080 พิกเซล สีสันสดใส สามารถเลือกปรับตั้งค่าสีหน้าจอได้ในโทนที่ต้องการ จากสว่างมากไปจนถึงโทรนอุ่น นอกจากนี้ ยังเป็นจอที่รองรับรีเฟรชเรท 120Hz ทำให้ใช้งานได้ลื่น และยังรองรับ HDR 10+ ให้ภาพสวยสมจริง

กล้องหน้าจะอยู่ตรงกลาง มีขนาดที่เล็กเพียง 3.96 มม. ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล, f/2.45 ขอบหน้าจอกับขอบตัวเครื่องเหลือเพียงเล็กน้อย เป็นพื้นที่ลำโพงเสียงสนทนา ซึ่งแทบจะมองไม่เห็น เพราะค่อนข้างกลืนไปกับตัวเครื่อง

ส่วนตัวเครื่องด้านล่างก็มีขอบดำเล็กน้อย ยิ่งถ้าใช้ปุ่มควบคุมการทำงานโดยท่าทางก็จะได้หน้าจอกว้างและเต็มมากขึ้น นอกจากนี้ ยังใส่เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอมาให้ รองรับการใช้งานสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ปลดล็อกได้เร็วและมีความแม่นยำสูง

ตัวเครื่องด้านบนมีการออกแบบที่เรียกว่า Choker ซึ่งจะเป็นแนวตัดกับด้านข้าง มีความมันเงาและมีตัวหนังสือระบุว่า “PROFESSIONAL PHOTOGRAPHY” บ่งบอกความเป็นมืออาชีพของกล้องถ่ายภาพที่ทำงานร่วมกับ ZEISS และไมโครโฟนตัวเสียงรบกวนหนึ่งตัว

ตัวเคื่องด้านล่างมีช่องใส่ซิมแบบ Nano SIM 2 ช่อง ไม่รองรับ MicroSD เพราะตัวเครื่องให้ความจุมาที่ 256GB ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควร ถัดไปทางขวามีไมโครโฟนอีกหนึ่งตัว พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C และสุดท้ายเป็นลำโพงเสียงตัวเครื่อง

ส่วนตัวเครื่องด้านซ้ายไม่มีพอร์ตอะไรนอกจากเสาสัญญาณ และด้านขวามีปุ่มปรับระดับเสียงและปุ่มเปิดเครื่อง ซึ่งออกแบบให้มีขนาดที่เล็กมากๆ เป็นแนวเดียวกับตัวเครื่อง ทำให้ดูสวยงามไม่ใหญ่เทอะทะ

ฝาหลังออกแบบด้วยเทคโนโลยี AG Glass with Satin Finish ให้ผิวสัมผัสที่ลื่นสบายมือ เล่นเงาสะท้อนแสงได้ถึงสองโทน บางมุมจะเห็นเป็นสีฟ้าฟ้าและสีม่วงอ่อนในเครื่องเดียวกัน ของสี Shimmer Blue ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก “ดอกไม้ฤดูร้อน” ทำให้ตัวเครื่องเล่นเงาสะท้อนสวยงาม

ยังเป็นฝาหลังที่มีความเงาแต่วัสดุช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือได้ดี ไม่ว่าจะใส่เคสหรือไม่ใส่ก็ยังคงโชว์ความสวยงามให้เห็นได้ไม่ต้องมาเช็ดรอยนิ้วมือออกบ่อยๆ

ส่วนเลนส์กล้องด้านหลังถูกวางไว้บนกรอบสี่เหลี่ยมวางซ้อนกันเป็นเลเยอร์ ตัวเลนส์เป็นแนวเดียวกันกับกรอบสีดำด้านบนสุด ซึ่งแน่นอนว่ารุ่นนี้ร่วมกันพัฒนาระบบการถ่ายภาพกับ ZEISS จึงทำให้มีโลโก้นี้อยู่ที่มุมขวาบน นอกจากนี้ กรอบอีกชั้นที่ด้านล่างจะมีไฟแฟลชคู่ LED และข้อความ ZEISS Vario-Tessar และค่ารูรับแสง

กล้องหลังมีทั้งหมด 3 เลนส์ แบ่งออกเป็น

• เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล, f/1.48, PDAF, HDR
• เลนส์ Ultra Wide 13 ล้านพิกเซล, f/2.2, มุมกว้าง 120 องศา
• เลนส์ Portrait 13 ล้านพิกเซล, f/2.46

กล้องถ่ายรูป

กล้องถ่ายรูป vivo X60 Pro 5G ถือเป็นจุดแข็งในรุ่นนี้ เพราะเป็นการร่วมมือกันครั้งแรก vivo ZEISS Co-engineered Imaging System เพื่อพัฒนาระบบถ่ายภาพของ vivo และยังใช้คุณภาพของเลนส์ ZEISS มาใส่ไว้ในเครื่องนี้ ทำให้ได้กล้องบนสมาร์ตโฟนที่มีประสิทธิภาพอีกหนึ่งรุ่น ใส่โหมดถ่ายภาพมาให้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ภาพถ่าย, กลางคืน, บุคคล, พาโนรามา, ซุปเปอร์มูน, ดาว, ชัตเตอร์ช้า, จับภาพเคลื่อนไหว, วิดีโอ และอีกมามาย

กล้องหลัก 48MP

กล้องหลักเซ็นเซอร์ IMX598 ความละเอียด 48 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.48 ทั้งยังใส่กันสั่นแบบ Gimbal Stabilization 2.0 ป้องกันการสั่นไหวแบบสี่แกน สามารถได้ภาพกลางวันได้ดีเยี่ยม ทั้งกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหว ถ่ายภาพกีฬา ก็ทำได้ดี จับภาพได้เร็วไม่สั่นไหว และกลางคืนรับแสงได้มากขึ้น ทำให้ได้ภาพในที่แสงน้อยออกมาสมบูรณ์

ทั้งนี้เลนส์ 48MP ไม่สามารถใช้งานซูมได้ ได้เพียงแต่เปิดไฟแฟลชเท่านั้น

กล้องเริ่มต้นจะมีความละเอียดอยู่ที่ 12 ล้านพิกเซล มีเทคโนโลยี AI ช่วยวิเคราะห์สิ่งที่กำลังถ่าย เพื่อช่วยให้ปรับสีสันและรายละเอียดให้สมบูรณ์ขึ้น นอกจากนี้ ยังรองรับการเปิดใช้งาน HDR, ไฟแฟลช ฟิตเตอร์ในรูปแบบต่างๆ

ภาพตัวอย่างกล้อง 12 ล้านพิกเซล

นอกจากนี้ บนหน้าหลักของกล้องเริ่มต้นจะสามารถเปิดใช้งานถ่ายภาพได้ 3 ระยะ ทั้งมุมกว้าง 0.6, 1x และ 2x แต่สามารถใช้งานซูมได้สูงสุด 20x

กล้องเลนส์ Ultra Wide 13 ล้านพิกเซล, f/2.2, มุมกว้าง 120 องศา สามารถเก็บภาพวิวได้กว้างขึ้น

โหมด Superb night camera 2.0

โหมดถ่ายภาพกลางคืนบน vivo X60 Pro 5G ถือเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่น่าสนใจ มีรูรับแสงกว้างสามารถรับแสงได้มากขึ้น ทั้งยังได้เทคโนโลยี Superb night camera 2.0 ช่วยเก็บภาพในที่มืดหรือที่แสงน้อยได้เฉดสีที่สว่าง เก็ยรายละเอียดของแสงได้ครบทุกองค์ประกอบ ทั้งยังรองรับการถ่ายได้ 3 ระยะ ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายกลางคืนที่มุมปกติจะได้ภาพที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด ทั้งสัดส่วน แสง สีสันและรายละเอียด

ระยะที่สองจะเป็นเลนส์มุมกว้างมาพร้อมกับ vivo Super Night ช่วยเก็บภาพวิวทิวทัศน์ได้กว้างขึ้น โดยใช้เอฟเฟกต์ HDR สามารถเก็บสีและแสงของฉากหลังได้ชัดเจน

สุดท้ายโหมดกลางคืนสามารถถ่ายภาพซูมที่ระยะ 2x ได้ในค่าเริ่มต้น สามารถซูมเข้าไปได้ใกล้อีกระยะ ทำให้สามารถเก็บภาพกลางคืนได้ใกล้ขึ้น

นอกจากนี้ โหมดถ่ายภาพกลางคืนยังมีลูกเล่นสไตล์มาเพิ่มสีสันของภาพถ่ายกลางคืนให้ต่างไปจากเดิม ซึ่งมีให้เลือกใช้งานกว่า 7 แบบ ทั้ง สีดำและทอง, น้ำแข็งสีฟ้า, ไซเบอร์พังค์, สีแดงเข้ม, สีส้มฟ้า และสีส้มเทา

Panorama Night

โหมดถ่ายภาพกลางคืนยังรองรับการถ่ายแบบ Panorama Night ด้วยการถ่ายในที่มีแสง backlight และ low-light ได้ดีเยี่ยม ซึ่งโหมดนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายไม่ต้องกลัวว่าภาพจะไม่ตรงแนว เพียงทำตามบนหน้าที่ให้จุดวงกลมตรงกัน และเรียงต่อกันเป็นแนวนอนจนกว่าจะหยุด ก็ได้ภาพถ่ายกลางคืนแบบพาโนรามาที่สวยงามและกว้างขึ้น

Extreme Night Vision 2.0

ฟังก์ชั่นในการถ่ายภาพกลางคืนที่ถูกอัปเกรดใหม่ และมีอัลกอริธึมการลดนอยส์โดย AI ทำให้สามารถเก็บภาพในที่ที่มีแสงน้อยหรือมืดสนิทในยามคำคืนได้

Portrait สวยทั้งกลางวันและกลางคืน

โหมดถ่ายรูป Portrait หรือรูปบุคคล รองรับการใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยโหมดนี้จะถ่ายคนได้ที่ระยะปกติ 1x และซูม 2x แบบที่ไม่ต้องเดินเข้าไปใกล้ เป็นระยะที่ถ่ายรูปบุคคลกำลังสวย ฉากหลังเบลอคนชัด ทั้งยังกำหนดค่าโบเก้ หรือความเบลอของฉากหลังได้เองตั้งแต่ f/0.95 – f/16 ยิ่งตัวเลขน้อยยิ่งเบลอมาก และสามารถเปิดตั้งค่าความงามไปได้พร้อมกัน ไม่ว่าจะปรับผิวนวล โทนสีผิว หน้าเร็ว ตาโต และอื่นๆ

โดยภาพถ่ายโหมดบุคคลของ vivo X60 Pro 5G ถือว่าทำได้ดีมาก ตัดขอบระหว่างคนและฉากหลังสวยงาม ทั้งยังมี HDR ให้เปิดใช้งานในที่แสงจ้าหรือแสงน้อย ช่วยให้คนเด่นและยังคงเก็บรายละเอียดของฉากหลังไว้ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ Vivo X60 Pro 5G ยังมีฟังก์ชั่น Eye Autofocus ที่สามารถเปิดใช้งานได้อัตโนมัติ ให้จับที่ตาซ้ายหรือตาขวา เพื่อช่วยให้การถ่ายภาพง่ายและเร็วขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเซลฟี่หรือภาพถ่ายบุคคล เมื่อโฟกัสจับที่ดวงตาแล้วกดชัตเตอร์ จะได้ภาพถ่ายที่คมชัด

• 

• 

โหมด Portrait หลายสไตล์

นอกจากการถ่ายภาพบุคคลที่ปรับหน้าสวยได้แล้ว ยังมีสไตล์มาให้ใช้งานหลายแบบ ทั้้งสไตล์ที่มีเฉพาะบน vivo X60 Pro 5G รวมถึงลูกเล่นฟิลเตอร์ และเอฟเฟ็กต์แสง โดยที่โดดเด่นเฉพาในรุ่นก็จะเป็น ZEISS Biotar Portrait Style ที่เป็นการสร้างภาพ bokeh และ facula ในระดับที่ลึกบน X60 Pro ได้ทำการคิดค้นเลนส์ Biotar ขึ้นมาทำให้คนชัดเจนขึ้น ตัดกับฉากหลังที่เบลอเป็นวงกลม ทำให้คนมีความโดดเด่นและฉากหลังก็น่าสนใจไปด้วยในตัว

นอกจากนี้ ก็จะเป็นฟิลเตอร์สีสันสันต่างๆ ที่มีให้เลือกใช้งานกว่า 19 แบบ เช่น ปิกนิก, ลมยามเย็น, ฟองสบู่, มาการมอง เป็นต้น ทั้งยังมีสไลต์โทนสีที่ทำมาเฉพาะของสมาร์ตโฟน vivo อย่าง โทนธรรมชาติ, ภาพยนตร์, ภาพคนโดยใช้แฟลช และเอฟเฟ็กต์แสงก็ยังมีให้ใช้งานด้วยเช่นกัน

โหมด Portrait กลางคืน

โหมดถ่ายภาพบุุคคลตอนกลางคืนก็มาให้ใช้งาน โดยใช้เลนส์ Portrait ระดับมืออาชีพด้วยทางยาวโฟกัส 50 มม. และอัลกอริธึมการลดสัญญาณรบกวนแบบหลายเฟรม เพื่อให้ได้ภาพบุคคลตอนกลางคืนที่มีฉากหลังสว่างสวยงามและชัดเจน ทั้งยังมีโบเก้รูปแบบต่างๆ ปรับใช้งานได้ เช่น รูปหัวใจ, ผีเสื้อ, ซากุระ, ดาว เป็นต้น

Pro Sport Mode

เป็นโหมดที่ใช้อัลกอริธึมการตรวจจับการเคลื่อนไหวทำงานร่วมกับ Object Autofocus และ EFB Autofocus ซึ่งจะทำให้โฟกัสเร็วขึ้น เหมาะกับการใช้ถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหว เช่น ยานพาหนะ กีฬา พร้อมมีฟีเจอร์ Kids Snapshot ช่วยในการจับภาพเด็กที่ค่อนข้างมีการเคลื่อนไหว ไม่อยู่นิ่ง ให้ได้ภาพที่ชัดเพียงแชะเดียว

Long-Exposure mode

Long-Exposure mode หรือโหมดชัตเตอร์ช้า เป็นโหมดที่ใช้ในการถ่ายภาพเส้นสายต่างๆ โดยมีรูปแบบสำเร็จให้เลือกใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น เส้นทางการจราจร, กราฟิตี้กลางคืน, น้ำตก, หมอกพิศวง, ดอกไม้ไฟ และ เส้นแสงดาว เพื่อให้ภาพถ่ายที่มีเส้นสายออกมาสมบูรณืและสวยงาม ซึ่งใช้งานง่ายเพียงเลือกให้เหมาะกับสิ่งที่ต้องการจะถ่ายแล้วกดชัตเตอร์ได้ทันที

Cinematic Master Mode

โหมดสำหรับการบันทึกวิดีโอภาพเคลื่อนไหวในอัตราส่วนที่กว้างแบบ 2.35: 1 โดยมีไมโครติดตั้งมาถึง 3 ตัว ช่วยซูมเสียงและปรับทิศทางของเสียงให้ชัดขึ้น ทั้งยังมีซอร์ฟแวร์ในการช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก สามารถถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดสูงสุด 4K เลยทีเดียว

กล้องหน้า 32MP

กล้องหน้าของ vivo X60 Pro 5G มาพร้อมความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 มีฟังก์ชั่นโฟกัสดวงตา ทั้งยังปรับแต่งหน้าสวยหรือเลือกใช้งานเอฟเฟ็กต์ได้ นอกจากนี้ ยังมีโหมดถ่าบภาพบุคคลให้ใช้งานกับกล้องหน้าได้อีกด้วย

จุดเด่น vivo X60 Pro 5G

ดีไซน์

เรียกว่าเป็นสมาร์ตโฟนเรือธงอย่างแท้จริง ด้วยดีไซน์ที่ถูกออกแบบมาอย่างสวยงามและพรีเมียมของ vivo X60 Pro 5G ตั้งแต่สัมผัสแรกที่แกะกล่อง ไปถึงตัวเครื่อง ซึ่งถือว่าเป็นสมาร์ตโฟนที่รองรับ 5G มีตัวเครื่องบางมากเพียง 7.69 มิลลิเมตร ยังออกแบบด้วย “New Dual-Tone Step” มีสองเฉดสีในเครื่องเดียว ให้ความรู้สึกที่แตกต่างเมื่อมองในมุมที่มีแสงสะท้อนต่างกัน

หน้าจอลื่น ตอบสนองไร้ที่ติ

หน้าจอแสดงผลเป็นแบบ Ultra O Screen ที่มีกล้องหน้าเจาะรูอยู่ตรงกลาง ช่วยให้การถ่ายเซลฟี่สวยเพราะแสงจะเข้าเท่ากันทั้งสองฝั่ง ส่วนหน้าจอยังมีความโดดเด่นด้วยสีสันสดของเทคโนโลยี AMOLED ใช้งานลื่นบนจอกว้างถึง 6.56 นิ้ว ความละเอียด 2376 x 1080 พิกเซล โดยจอให้สีที่สด และยังมาคู่กับอัตราการรีเฟรชหน้าจอ 120Hz ทั้งยังมีอัตราตอบสนองความถี่ที่ 240Hz เรียกว่าได้ทั้งจอที่มีสีสวย ยังใช้งานลื่น และเล่นเกมสนุก ได้อรรถรสไม่สะดุด

ทั้งยังเป็นหน้าจอที่รองรับ HDR 10+ ทำให้ขณะที่ใช้ดูหนังจะได้ภาพที่ลื่น มีความสมจริง อย่างเช่นฉากน้ำตกก็จะให้ความรูปสึกเหมือนกับดูด้วยตาของเราเอง และยังเป็นจอที่ได้รับมาตรฐาน SGS Eye Care Display และ SGS Seamless ช่วยลดอาการเมื้อยล้าของดวงตา ใช้งานได้สีสันชัดเจนแต่ยังคงสบายตา

เรื่องของความบันเทิงนอกจากที่ได้หน้าจอดีแล้ว ระบบเสียงยังรองรับ Hi-Res ให้เสียงครบทุกมิติทั้งการดูหนัง ฟังเพลง หรือเล่นเกม ทำให้ได้เพลิดเพลินควบคู่กันทั้งภาพและเสียง ซึ่งแม้ว่าจะเป็นลำโพงเดี่ยว แต่เสียงที่ได้ค่อนข้างดังและครบมิติ

ชิปเซ็ตระดับระดับเรือธง

vivo X60 Pro 5G ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 870 5G ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่า Snapdragon 865 โดยที่ CPU และ GPU ทำงานได้เร็วด้านล่ะ 10% คู่กับ RAM 12GB ที่ใส่มาให้แบบจัดเต็ม ทำให้การใช้งานทั้วไป หรือแม้แต่การใช้งานหนัก เล่นเกม ก็ทำได้เต็มประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเปิดแอปพลิเคชั่นพร้อมกันหลายๆ แอปฯ เครื่องก็ไม่มีอาการหน่วง หรือจะเล่นเกมหนักๆ ก็เอาอยู่ ไม่มีอากากระตุกหรือสะดุดให้เห็นเลย

นอกจากนี้ ระบบยังมี Extended RAM เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่ม RAM ให้มีพื้นที่มากขึ้น กลายเป็นเครื่องนี้มี RAM 12+3GB ซึ่งใช้งานได้ลื่นๆ สบาย ดึงประสิทธิออกมาทำงานได้เต็มที่ และโอนถ่ายข้อมูลได้เร็วแบบ UFS 3.1 ช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดข้อมูลบนเครื่อง ใช้เวลาไม่นานและเสถียร

รุ่นท๊อป รองรับ 5G

แน่นอนว่าสมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ๆ จะมาพร้อมเทคโนโลยี 5G และ vivo X60 Pro 5G ก็เป็นอีกรุ่นที่รองรับการเชื่อมต่อ 5G ในซิม 1 ซึ่งซิม 2 จะรองรับได้แค่ 4G ทั้งการเชื่อมต่อและความเร็วจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ให้บริการ และความครอบคลุม ซึ่งตามหัวเมืองหลักก็รองรับการใช้งาน 5G แล้วหลายพื้นที่ ช่วยให้การดาวน์โหลดหรืออัปโหลดเร็วขึ้น

ชาร์จเร็ว 33W FlashCharge

vivo X60 Pro 5G มีแบตเตอรี่ความจุ 4200 mAh ซึ่งถือว่าไม่เยอะมาก เพราะตัวเครื่องหากเปิดใช้งาน 5G ตลอดเวลาก็กินแบตฯ พอสมควร แต่ได้ชาร์จเร็ว 33W FlashCharge พร้อมอแดปเตอร์มาให้ในกล่อง ถือว่าสะดวกไม่ต้องใช้เวลานานก็ได้แบตฯ เพิ่ม

ทดสอบประสิทธิภาพ

ทดสอบประสิทธิภาพความเร็วด้วย AnTuTu Benchmark v7.0.5 ได้คะแนนสูงถึง 721,767 คะแนน

ระบบปฎิบัติการ

vivo X60 Pro 5G แกะกล่องรันบนระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 11 based on Android 11 ออกแบบ UI ให้ดูทันสมัย ใช้งานง่าย แต่ก็จะมีแอปฯ ซื้อของออนไลน์ ติดเครื่องมาให้เยอะพอสมควร หากไม่ต้องการใช้งานก็สามารถลบออกได้ นอกจากนี้ ยังมีฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกและลูกเล่นใส่มาให้ปรับแต่งใช้งานได้หลากหลาย เช่น

• โหมดมืด หรือ Dark Mode สามารถเปิดใช้งานหรือตั้งเวลา เพื่อใช้งานบนหน้าจอสีดำ ใช้งานสบายและประหยัดพลังงาน
• Jovi Home ผู้ช่วยประจำเครื่อง แสดงหน้าจอทางลัดที่ช่วยให้การใช้งานสะดวก ทั้งยังมีการแจ้งเตือนต่างๆ เช่น สภาพอากาศ รายงานผลกีฬา ตารางนัดหมาย เป็นต้น
• เอฟเฟ็กต์ภาพเคลื่อนไหว ซึ่งมีให้เลือกใช้งานกับภาพเคลื่อนไหวลายนิ้วมือ ชาร์จแบตฯ หรือขณะที่เล่นเพลงก็สามารถเลือกให้เอฟเฟ็กต์แสดงด้านข้างของหน้าจอได้อีกด้วย
• Ultra Game Mode ผู้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่นเกม ช่วยดึงการทำงานของเครื่อง ปิดกั้นการแจ้งเตือหรือการเข้าถึงที่ไม่จำเป็น ทำให้เกมที่เล่นไม่สะดุด

จุดเด่น

• สมาร์ตโฟน 5G ดีไซน์บาง
• หน้าจอลื่น 120Hz
• กล้องถ่ายภาพสวยแบบมืออาชีพร่วมกับ ZEISS
• รองรับชาร์จไว 33W

ข้อควรพิจารณา

• ไม่มีช่องเสียบหูฟัง 3.5 มม.

สเปค vivo X60 Pro 5G

• หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด 2376 x 1080 พิกเซล
• เทคโนโลยีหน้าจอ 120Hz, HDR10+
• ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 870 5G Octa-core ความเร็ว 3.2 GHz
• RAM 12GB, ROM 256GB
• รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด Nano SIM
• กล้องหลัง 3 เลนส์
• เลนส์หลัก 48 ล้านพิกเซล, f/1.48, PDAF, HDR
• เลนส์ Ultra Wide 13 ล้านพิกเซล, f/2.2, มุมกว้าง 120 องศา
• เลนส์ Portrait 13 ล้านพิกเซล, f/2.46
• กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, f/2.45, HDR
• รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz, Bluetooth 5.1, USB Type-C, On-The-Go, NFC
• ระบบความปลอดภัย สแกนนิ้วใต้หน้าจอ, สแกนใบหน้า, รหัสผ่าน
• ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 11 based on Android 11
• แบตเตอรี่ 4200 mAh ชาร์จเร็ว 33W FlashCharge
• ขนาดตัวเครื่อง 158.7 × 73.24 × 7.69 มิลลิเมตร (Shimmer Blue)
• 158.7 × 73.24 × 7.59 มิลลิเมตร (Midnight Black)
• น้ำหนัก 177 กรัม (Midnight Black), 179 กรัม (Shimmer Blue)
• สี Sunset Dazzle, Dusk Blue, Arctic White

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• vivo X60 Pro 5G
• อแดปเตอร์ 33W FlashCharge
• สาย USB Type-C
• หูฟังสมอลทอร์คแจ็ค 3.5 มม.
• จุกยางสำหรับหูฟัง 3 ขนาด
• สายแปลงจาก 3.5 มม. เป็น Type-C
• เคสพลาสติกแข็งสีใส
• เข็มจิ้มซิม
• คู่มือและใบรับประกัน

สีและราคา

vivo X60 Pro 5G วางจำหน่ายสี Shimmer Blue ความจุ RAM 12GB, ROM 256GB ในราคา 24,999 บาท

สรุปท้ายรีวิว

vivo X60 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนอีกรุ่นที่โดดเด่นเรื่องกล้องถ่ายรูป ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ร่วมทำงานกับทาง ZEISS จึงเป็นอีกรุ่นที่มีกล้องถ่ายรูปดีทั้งกลางวันและกลางคืน ส่วนประสิทธิภาพอื่นๆ ก็ไม่เป็นรอง ทั้งชิปเซ็ตที่ทำงานได้เร็ว คู่กับหน้าจอที่มีประสิทธิภาพ ใช้งานลื่น 120Hz ทำให้การทำงานบน Vivo X60 Pro 5G ใช้งานได้ทั้งทั่วไป เล่นเกม เพื่อความบันเทิงครบทุกรูปแบบ

แสดงความคิดเห็น