vivo เปิดตัวสมาร์ตโฟนรุ่นท๊อปอย่าง vivo X70 Series 5G ไปเมื่อไม่นานในต่างประเทศ ก็ถึงคิวของประเทศไทยที่จะได้สัมผัสความพรีเมียมของ vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ที่ร่วมกันพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์กับ ZEISS จนได้นิยามใหม่แห่งการถ่ายภาพบนสมาร์ตโฟนกับสโลแกน “Photograpgy. Redefined.” มาพร้อมเทคโนโลยี Gimbal Stabilization 3.0 ที่ได้อัปเกรดใหม่โดยเฉพาะ

vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ทั้งคู่ได้พัฒนาเรื่องกล้องถ่ายรูปต่อจากรุ่นที่แล้ว คราวนี้มาพร้อมการเคลือบชิ้นเลนส์ ZEISS T* ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพได้แบบมืออาชีพแม้ในที่แสงน้อยหรือแสงสว่างมากเกินไป ช่วยลดการกระทบของแสงกับพื้นผิวเลนส์กล้องทำให้ถ่ายภาพสวยขึ้นทุกสภาพแวดล้อม ซึ่งทั้งคู่จะมีสเปคและตัวเครื่องแตกต่างกันเล็กน้อย โดยจะเจาะลึกในรีวิวต่อไปนี้

vivo X70 Pro 5G รุ่นใหญ่สเปคเรือธง

ดีไซน์

เริ่มต้นกันที่ vivo X70 Pro 5G ซึ่งถือเป็นพี่ใหญ่ในซีรีย์นี้ที่นำเข้ามาวางจำหน่ายในไทย มาพร้อมการออกแบบที่พรีเมียมและสวยงามด้วยดีไซน์หน้าจอโค้ง ตัวเครื่องบางเพียง 7.9 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบา 183 กรัม (สำหรับสีดำ Cosmic Black)

โดยเฉพาะการออกแบบฝาหลังที่ใช้เทคโนโลยี fluorite AG ใหม่ที่สัมผัสหรือถือได้สบายมือแต่ไม่ลื่น ทั้งยังช่วยลดการเกิดรอยนิ้วมือได้ทั้ง 2 สี ที่วางจำหน่ายได้แก่ Cosmic Black และ Aurora Dawn

Cosmic Black เป็นตัวเครื่องสีดำที่มองเห็นครั้งแรกต้องบอกว่ามีความสง่างาม ดูเข้มครึม ซึ่งเป็นสีที่สื่อถึงความกว้างใหญ่ของจักรวาลดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน ส่องแสงระยิบระยับแบบมีพลังและชีวิต โดยที่ตัวเครื่องมีความเพรียวบางอยู่ที่ 158.30 × 73.21 × 7.99 มม. และน้ำหนัก 183 กรัม

Aurora Dawn เป็นอีกสีสำหรับคนที่ชอบความสดใส เปรียบดังแสงออโรร่าบนท้องฟ้าในช่วงรุ่งอรุณที่แม้จะเกิดขึ้นเพียงเวลาสั้นๆ แต่มีความหมายลึกซึ้ง ตัวเครื่องมีขนาดอยู่ที่ 158.30 × 73.21 × 8.08 มม. และน้ำหนัก 184 กรัม

หน้าจอคมชัดรีเฟรชเรท 120Hz รองรับ HDR 10+

vivo X70 Pro 5G มาพร้อมหน้าจอขอบโค้งเทคโนโลยี AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด 2376 x 1080 พิกเซล อัตราส่วนภาพ 19.8:9 ทำให้มีพื้นที่ใช้งานบนจอถึง 92.76% นอกจากนี้ ยังมีรีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz ทั้งยังรองรับเทคโนโลยี HDR10+ และรับรอง SGS Eye Care Display และ SGS Seamless โดยที่หน้าจอมีความโค้งมนรับกับตัวเครื่องด้านข้าง ทำให้ขอบหน้าจอบางลง ใช้งานกว้างขึ้น

หน้าจอรองรับรีเฟรชเรท120Hz ทำให้การตอบสนองเร็วขึ้นรวมถึงการเล่นเกมที่ลื่น เคลื่อนไหวได้เร็วทัน แต่จะต้องเข้าไปตั้งค่าเปิดใช้งาน 120Hz หรือจะเลือกแบบอัตโนมัติ เพราะบางแอปฯ ก็ยังไม่รองรับใช้งาน นอกจากนี้ ยังมีให้เลือกใช้งาน 60Hz ได้สำหรับใครที่ต้องการประหยัดพลังงาน แต่เชื่อได้ว่าถ้าใช้งานลื่นๆ แล้วจะไม่อยากกลับไปใช้งานแบบเดิมแน่นอน

ส่วนของหน้าจอยังไม่เท่านั้น ยังเป็นจอที่มีค่าสี DCI-P3 ตรงกับมาตราฐาน และรองรับ HDR 10+ ทำให้การรับชมคอนเทนต์ ไม่ว่าจะดูหนังหรือซีรีย์ก็ได้หน้าจอที่มีสีสันสดใสให้การมองเห็นเสมือนจริงมากขึ้น เช่น หากกำลังมองน้ำตกบนหน้าจอจะรู้สึกได้ว่าสายน้ำมีความเป็นธรรมชาติ ให้อารมณ์เหมือนเรากำลังมองของจริงอยู่นั่นเอง

ส่วนของความบันเทิงบนหน้าจอยังสอดคล้องกับระบบเสียง Hi-Res Certification ที่จะทำให้การรับชมภาพยนตร์ได้อรรถรสยิ่งขึ้น เพราะจะได้เสียงที่มีความสมจริง มีมิติ ไม่ว่าจะเป็นเสียงเดิน เสียงธรรมชาติก็ได้จะได้เสียงที่เสมือนจริง จนเพลิดเพลินไปกับการรับชมเหล่านั้นได้เต็มที่

กล้องหน้ามาในรูปแบบเจาะรูอยู่ตรงกลางหน้าจอแต่มีขนาดเล็ก ใช้งานได้ไม่รู้สึกว่าเกะกะ มีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายเซลฟี่ได้สวยแบบมืออาชีพพร้อมกับโหมดต่างๆ ให้ใช้งาน และยังรองรับการปลดล็อคด้วยใบหน้าอีกด้วย

ถัดลงมาที่ด้านล่างของหน้าจอจะมีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือใต้จอที่ตอบสนองการทำงานอย่างรวดเร็ว รองงรับสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ซึ่งเมื่อทดลองใช้งานแล้วตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและมีความแม่นยำสูง แค่สัมผัสก็ปลดล็อคเข้าสู่หน้าจอหลักได้ทันที

นอกจากนี้ บริเวณเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือยังมีเอฟเฟกต์ภาพเคลื่อนไหวไอคอนจำลายนิ้วมือให้เลือกเปลี่ยนได้หลายแบบ

ตัวเครื่องด้านบนออกแบบเรียกว่า Choker โดยที่มีมุมตัดลงกับขอบข้างที่โค้ง มาพร้อมตัวหนังสือที่เขียนไว้ว่า “PROFESSIONAL PHOTOGRAPHY” และไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และรองรอบนี้พิเศษได้เพิ่ม Infrared เข้ามาให้ใช้งานเป็นรีโมทควบคุมกเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

ตัว Infrared Remote Control จะใช้งานกับแอปฯ Smart Remote ที่มีมาให้บนเครื่อง โดยการใช้งานครั้งแรกจะต้องเพิ่มอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องการใช้งาน ซึ่งจะมีให้เลือกหลากหลายทั้ง แอร์ ทีวี พัดลม โปรเจคเตอร์ เครื่องเสียง กล้อง เป็นต้น

เมื่อเลือกอุปกรณ์ได้แล้วก็จะยี่ห้อของเครื่องใช้ไฟฟ้าให้เลือกมากมายและแน่นอนว่าครอบคลุม จากนั้นก็เล็กสมาร์ตโฟนที่มี Infrared ไปที่ตัวอุปกรณ์ และกดปุ่มพาวเวอร์ ระบบจะมีการถามว่าตอบสนองหรือไม่ พร้อมกับให้บันทึกชื่ออุปกรณ์นั้นๆ เท่านี้ก็สามารถใช้เปิด-ปิด ควบคุมการทำงาน ปรับอุณหภูมิของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีในบ้านคุณได้แล้ว

ตัวเครื่อง vivo X70 Pro 5G ด้านล่างจะมีช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano 2 ช่อง ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD เพราะตัวเครื่องให้ความจุมาเยอะพอสมควรถึง 256GB ถัดไปอีกเล็กน้อยก็จะมีไมโครโฟนอีกหนึ่งตัว พร้อมพอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C และสุดท้ายเป็นลำโพงเสียงตัวเครื่องที่มีมาให้แบบเดี่ยว แต่ต้องบอกว่าเสียงที่ได้ดังมากจนบางครั้งต้องลดเสียงลง

ด้านซ้ายของเครื่องไม่มีปุ่มหรือพอร์ตอะไร นอกจากด้านขวาที่มีปุ่มเพิ่ม-ลดเสียง และปุ่มเปิด-ปิดเครื่อง ซึ่งมีขนาดเล็กทำให้เข้ากับขอบข้างอย่างสวยงาม

ฝาหลังของ vivo X70 Pro 5G ถูกออกแบบได้อย่างงดงามผสมผสานความปราณีตและพรีเมียม ใช้เทคนิคการออกแบบด้วยเทคโนโลยี fluorite AG ทำให้ฝาหลังมีสัมผัสเรียบด้านไม่ลื่นมือ แต่ยังคงส่องแสงเงาระยิบระยับเป็นประกาย โดยเฉพาะตัวเครื่องสีดำ Cosmic Black ซึ่งเทคนิคนี้จะช่วยให้ตัวเครื่องไม่มีรอยนิ้วมือ กันรอยขีดข่วนได้ดี ทั้งยังสัมผัสลื่นสบายมือแบบอยากจะถือโชว์ความสวยของฝาหลังตลอดเวลา

กล้องถ่ายภาพระดับ Professional

ส่วนเลนส์กล้องถ่ายภาพด้านหลังจะจัดเรียงไว้บนกรอบสี่เหลี่ยมอีกหนึ่งเลเยอร์ที่นูนขึ้นจากฝาหลัง มาพร้อมกล้อง 4 เลนส์ โดยที่เลนส์หลักใช้เซ็นเซอร์ Sony IMX766V ที่มีความไวแสง ทำงานร่วมกับมีเทคโนโลยี Gimbal Stabilization 3.0 ที่พัฒนาขึ้นเองจาก vivo ช่วยลดการสั่นไหวได้ดีขึ้น ทำให้ภาพถ่ายและวิดีโอคมชัดและเสถียร

กล้องหลังแบ่งออกเป็น

  • เลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล, f/1.78, PDAF, HDR, Laser AF, OIS
  • Telephoto 12 ล้านพิกเซล, f/1.98, PDAF, OIS, Optical Zoom 2x
  • Ultra Wide 12 ล้านพิกเซล, f/2.2, มุมกว้าง 116 องศา
  • Periscope 8, f/3.4, PDAF, OIS, f/3.4, Optical Zoom 5x

สำหรับ vivo X70 Pro 5G นับว่าเป็นรุ่นที่สองจากก่อนหน้านี้เป็น vivo X60 Series ที่ได้ร่วมกันพัฒนากับ ZEISS ทั้งเรื่องของอาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์ เพื่อมอบประสบการณ์ใช้งานกล้องถ่ายภาพได้แบบมืออาชีพ โดยที่กล้องหลักยังให้ความละเอียดมากถึง 50MP แต่ในโหมดนี้จะต้องเข้าไปเปิดใช้งานในเพิ่มเติม โดยรองรับการถ่ายภาพที่ความละเอียด 8192 x 6144 พิกเซล ถ่ายภาพคมชัด เก็บสีและแสงได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ไม่รองรับการซูมหรือปรับแต่งใด

ส่วนกล้องเริ่มต้นจะให้มาที่ความละเอียด 12MP – 4096 x 3072 พิกเซล เพียงพอต่อการใช้งานถ่ายภาพทั่วไป ส่งให้เพื่อน หรือลงโซเชียลได้ยังคงรายละเอียดที่ชัดเจน นอกจากนี้ ในโหมดปกติจะรองรับการถ่ายภาพได้ถึง 4 ระยะ ทั้งมุมกว้าง Ultra Wide Angle 0.6 (4096 x 3072 พิกเซล), 2x (4096 x 3072 พิกเซล), 5x (4096 x 3072 พิกเซล) และรองรับดิจิตอลซูมไดสูงสุด 60x (3264 x 2448 พิกเซล)

กล้องถ่ายภาพยังมาพร้อม AI ในการช่วยระบุฉากที่กำลังจะได้ เพื่อให้ได้ภาพออกมาตรงกับฉากนั้นๆ รวมถึง HDR ที่เข้ามาช่วยให้การถ่ายภาพย้อนแสงหรือในที่แสงจ้าให้เก็บรายละเอียดของฉากหลังได้ชัดแจนไม่สว่างขาวจนมองไม่เห็นอะไร

นอกจากนี้ ในโหมดถ่ายภาพปกติและวิดีโอบนกล้อง vivo X70 Pro 5G ยังมีฟิลเตอร์มาให้เลือกใช้ 11 แบบ เช่น เกรปฟรุต ลมยามเย็น มาการอง เงียบ โยเกิร์ต เกาะ ภาพยนตร์ เป็นต้น ให้เลือกใช้ก่อนกดชัตเตอร์ ทำให้ได้ภาพในโทนที่แปลกใหม่ สร้างสีสันให้เข้ากับบรรยากาศมากขึ้น

Pure Night View

เลนส์กล้องหลังทั้งหมดของ vivo X70 Pro 5G ถูกเคลือบด้วย ZEISS T* Coating ช่วยลดแสง Flares และแสง Ghosting ที่มากระทบเลนส์ ทำให้ถ่ายภาพได้ดีขึ้นทุกสภาพแสง ได้ค่าสีที่มีความแม่นยำและสดใส

อย่างเช่นตอนกลางคืนที่มีแสงจากหลอดไฟส่องมายังวัตถุหรือกระทบกับเลนส์กล้อง หากเป็นกล้องสมาร์ตโฟนทั่วไปก็จะได้ภาพที่ออกมาเบลอ มีแสงฟรุ้งไปทั่ว ยิ่งเป็นภาพถ่ายตอนกลางจะยากในการคอนโทรลแสงเหล่านั้น แต่กับกล้อง vivo X70 Pro 5G สามารถถ่ายออกมาได้สมบูรณ์ทั้งความคมชัด แสงและสีตรงกับสถาณการณ์จริง

กันสั่นอัปเกรดใหม่ดีกว่าเดิม (Gimbal Stabilization 3.0)

Ultra-Sensing Gimbal Camera

กล้องหลักที่มาพร้อมเซ็นเซอร์ Sony IMX766V ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับความไวแสงโดยเฉพาะ ยิ่งทำงานร่วมกับ Gimbal Stabilization 3.0 ของ vivo จะช่วยให้การโฟกัสที่วัตถุทำได้เร็วขึ้นและมีความแม่นยำ ยิ่งทำให้ภาพถ่ายตอนกลางคมชัด สามารถเก็บสีและรายละเอียดของภาพได้อย่างถ้วนอย่างที่ตาเรามองเห็น และลดการเกิดนอยซ์หรือจุดรบกวนบนภาพได้ดีเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ยังได้ VIS 5-Axis Ultra Stable Video ที่เข้ามาช่วยกันสั่นในโหมดวิดีโอในมุมมองที่กว้างขึ้น ไม่ว่าจะวิ่ง กระโดด ปั่นจักรยาน ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการถ่ายวิดีโออีกต่อไป และยังรองรับการใช้ฟิลเตอร์เพื่อช่วยให้วิดีโอมีสีสันที่แตกต่างออกไปจากปกติโดยที่กดถ่ายได้ทันทีไม่ต้องเข้าไปแปลงในแอปฯ อื่นอีก เป็นอีกจุดเด่นที่ต้องยกให้ในการสร้างงานวิดีโอพร้อมใส่ฟิลเตอร์เพื่อสร้างงานออกมาได้แตกต่าง

Real-Time Extreme Night Vision

โหมดถ่ายภาพกลางคืนที่มาพร้อมรูรับแสง f/1.78 ช่วยให้การถ่ายภาพวิวหรือบุคคลทำได้ดีขึ้น ส่งเสริมให้องค์ประกอบในภาพดูสว่างและมีมิติมากขึ้น และสามารถแสดงภาพตัวอย่างได้เรียลไทม์

นอกจากนี้ โหมดถ่ายภาพกลางคืนยังรองรับการใช้งานในมุมกว้าง หรือซูมได้ ทั้งยังมีลูกเล่นของสไตล์เข้ามาทำให้ภาพถ่ายตอนกลางคืนธรรมดามีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งได้เพิ่มสไตล์เข้ามามากกว่าเดิมถึง 9 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ดำและทอง สปอร์ตไลท์ น้ำแข็งสีฟ้า ไซหเบอร์พังค์ พื้นผิวขาว ส้มเขียว สีแดงเข้ม สีส้มฟ้า และสีส้มเทา

Super Night Video

โหมดถ่ายวิดีโอกลางมีให้เลือกเปิดใช้งานแยกออกมาต่างหาก ซึ่งได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับ Gimbal แบบ Ultra-Sensing และอัลกอริธึมขั้นสูง เพื่อให้การถ่ายวิดีโอกลางคืนในที่มืด หรือแสงน้อยทำออกมาได้สว่างและคมชัด

Portrait เด่นกว่าที่เคย

Superb Portrait

โหมถ่ายภาพบุคคลได้โดดเด่นด้วยกล้อง 12 ล้านพิกเซล ระยะความยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม. สามารถถ่ายภาพบุคคลได้ 3 ระยะ ตั้งแต่ค่าเริ่มต้น 2x ซึ่งเป็นระยะที่สวยและคมชัดมากที่สุด โดยระยะที่ 1x จะเน้นไปที่มุมกว้าง เห็นภาพบุคคลได้เต็มตัว และระยะที่ 5x เป็นการซูมเข้าใกล้บุคคลคนที่สุด ซึ่งภาพที่ได้อาจจะชัดเท่าไหร่

นอกจากนี้ ยังรองรับ Eye Autofocus ที่สามารถกำหนดให้ทำงานอัตโนมัติ หรือใช้กับตาด้านซ้ายหรือขวา ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลง่ายขึ้น เพราะสามารถโฟกัสที่ดวงตาได้เร็ว ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาใบหน้าคมชัดไม่เบลอ

ในโหมดนี้ยังสามารถเปิดฟังก์ชั่นหน้าสวยพร้อมกับกำหนดระยะโบเก้ให้เบลอมากหรือน้อย และยังปรับรูปแบบให้โบเก้แสดงเป็นรูปอื่นนอกจากวงกลม เช่น หัวใจ ดาว ผี่เสื้อ และซากุระ

ภาพบุคคลสไตล์ ZEISS

จุดที่เด่นที่สุดในโหมดถ่ายภาพบุคคลจะเป็นลูกเล่นสไตล์ ZEISS ที่ใส่มาให้บนกล้องนี้ ซึ่งมีการอัปเกรดเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อน ไม่ว่าจะเป็น Distagon โบเก้ละลายฉากหลังแต่ยังคงเห็นรายละเอียดที่ชัดเจน เน้นที่ตัวบุคคลเด่นชัด, Planar โบเก้คลาสิกให้ฉากหลังเป็นวงกลม, Sonnar โบเก้ละลายฉากหลังแบบเรียบเนียน และ Biotar โบเก้ตัดกับฉากหลังที่เบลอเป็นวงกลม มองแล้วเหมือนภาพคนมีมิติที่โดดเด่นขึ้นจากพื้นหลัง

นอกจากลูกเล่นสไตล์ ZEISS ในโหมดถ่ายบุคคลก็ยังมีสไตล์อื่นๆ เช่น ธรรมชาติ ภาพยนตร์ ภาพคนใช้แฟลช อื่นๆ และฟิลเตอร์มาให้เลือกใช้อีกด้วย

Pro Cinematic Mode สร้างสรรค์ภาพยนตร์บนสมาร์ตโฟนให้กลายเป็นมืออาชีพมากขึ้น ด้วยฟังก์ชั่นที่ใส่มาให้บน vivo X70 Pro 5G เปรียบเหมือนการเป็นผู้กำกับแบบมืออาชีพ

Pro Sport

โหมด Pro Sport หรือจับภาพเคลื่อนไหว เป็นการทำงานร่วมกับ Object Autofocus และ EFB Autofocus ให้กล้องสามารถโฟกัสวัตถุที่กำลังเคลื่อนไหวได้เร็วขึ้น เพื่อให้ภาพถ่ายออกมาชัดและสมบูรณ์มากที่สุด สามารถถ่ายได้ถึง 3 ระยะ เหมาะกับการใช้ถ่ายกีฬา ยานพาหนะ เด็ก เป็นต้น

กล้องหน้า 32MP

กล้องหน้ามีความละเอียด 32 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.45 รองรับ HDR ทั้งยังมีโหมดให้เลือกใช้ทั้งภาพปกติ ภาพคน กลางคืน วิดีโอ โดยในโหมดภาพบุคคลสามารภปรับหน้าสวยไปพร้อมกับกำหนดฉากหลังเบลอ และใส่สไตล์สีสันหรือฟิลเตอร์ให้เซลฟี่ออกมาสวยเด่นขึ้น

ชิปเซ็ตระดับเรือธง

vivo X70 Pro 5G ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1200 – vivo 5G Platform บนสถาปัตยกรรมขนาด 6 นาโนเมตร ที่ได้รับการทดสอบในห้องปฎิบัติการของ vivo และทำคะแนนได้มากกว่า 720,000+ คะแนน ควบคู่กับ RAM 12GB + ROM 256GB ที่ยังมีเทคโนโลยี Extended RAM หรือดึงพื้นที่ของหน่วยความจำภายในไปเพิ่มเป็นพื้นที่ RAM ได้อีก 4GB ยิ่งตอบสนองการทำงานได้เร็วและราบรื่นขึ้น

ROM หน่วยความภายในตัวเครื่องให้มาที่ความจุ 256GB สามารถเก็บรูปได้เป็นหมื่น รวมถึงข้อมูลต่างๆ และรองรับ UFS 3.1 ช่วยดาวน์โหลดข้อมูลหรือคัดลอกไฟล์ได้เร็วขึ้น ทั้งนี้จะไม่สามารถเพิ่ม MicroSD การ์ดได้ หากข้อมูลเต็มต้องโหลดลงคอมหรือเก็บไว้ในคลาวด์

ส่วนการเล่นเกมบน vivo X70 Pro 5G ได้ทดสอบตั้งแต่เกมเล็กไปจนถึงเกมใหญ่ที่มีกราฟิกเยอะก็เล่นได้ลื่นไม่สะดุด ซึ่งนอกจากที่ได้ RAM 12GB แล้ว หน้าจอที่เป็น 120Hz ก็มีส่วนช่วยให้การเล่นเกมลื่น ตอบสนองเร็ว และยังมีฟังก์ชั่น Linear Motor ที่เป็นมอเตอร์ตอบสนองการสั่นในขณะเล่นเกม ช่วยจำลองให้เหมือนเราลงไปเล่นในสนาม ทำให้การเล่นเกมสนุกกว่าที่เคย

เรื่องของเล่นเกมยังได้โหมดอัตราเกมเข้าช่วยจัดการพลังงาน ดึงประสิทธิภาพของเครื่องออกมาใช้และปิดกั้นการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น เช่น การโทรเบื้องหลัง บล็อคการแจ้งเตือน ล็อคคววามสว่าง เพื่อไม่ให้มาขัดจังหวะขณะเล่น ทำให้ไม่พลาดช็อตสำคัญ

เชื่อมต่อไม่สะดุดด้วย 5G

vivo X70 Pro 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่รองรับการเชื่อมต่อ 5G ได้ทั้งซิม 1 และซิม 2 ทั้งแบบ NSA และ SA โดยในพื้นที่ที่รองรับก็จะเชื่อมต่อได้เร็ว ไม่ว่าจะใช้งาน ดาวน์โหลดไฟล์ ส่งไฟล์ ประชุมออนไลน์ เหล่านี้ล้วนใช้งานได้ดีและเร็วหากเชื่อมต่อด้วยเครือข่าย 5G ซึ่งในไทยก็เริ่มเปิดให้บริการแล้วในหลายพื้นที่ทั้งกรุงเทพและต่างจังหวัด

แบตเตอรี่ใหญ่ รองรับชาร์จเร็ว

vivo X70 Pro 5G ให้แบตฯ เยอะกว่ารุ่นเดิมเพิ่มเป็น 4450mAh ทั้งยังรองรับชาร์จเร็ว 44W FlashCharge ที่สามารถใช้งานได้ต่อเนื่องแต่อาจจะไม่ถึงวันหากมีการใช้งานเยอะ ถ่ายรูปเยอะ หรือเล่นเกม แต่ด้วยความสามารถในการชาร์จเร็วก็จะช่วยลดเวลาในการชาร์จแต่ละครั้งได้และไม่ต้องรอนาน

vivo X70 5G

สำหรับ vivo X70 5G จะเป็นน้องเล็กสุดในซีรีย์ แต่สเปคยังคงให้มาแน่น แตกต่างจากรุ่น Pro เล็กน้อย เช่นเรื่องของหน้าจอจะมีขนาดเท่ากันที่ 6.56 นิ้ว ความละเอียด 2376 × 1080 (FHD+) แต่จะเป็นหน้าจอกระจกแบนไม่โค้ง ส่วนคุณสมบัติหน้าจอยังเหมือนรุ่นพี่ที่รองรับรีเฟรชเรท 120Hz ดูหนังได้สมจริงกับเทคโนโลยี HDR 10+ พร้อมระบบเสียง Hi-Res

ตัวเครื่องของ vivo X70 5G จะมาพร้อมขอบมนจับถือกระชับมือ โดยมีขนาดอยู่ที่ 160.10 × 75.39 × 7.55 มม. น้ำหนัก 181 กรัม (Cosmic Black), 182 กรัม (Aurora Dawn)

การจัดวางตำแหน่งหรือพอร์ตต่างๆ เหมือนกัน รวมถึงวัสถุที่ใช้บนฝาหลังผลิตโดยใช้เทคโนโลยี fluorite AG กันรอยนิ้วมือได้ดีเยี่ยม แต่จะต่างกันที่เลนส์กล้องให้มาเหลือ 3 เลนส์ แบ่งออกเป็น

  • เลนส์หลัก 40 ล้านพิกเซล, f/1.89, PDAF
  • Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, f/2.2, มุมกว้าง 116 องศา
  • เลนส์ Portrait 12 ล้านพิกเซล, f/2.0, PDAF, Optical Zoom 2x

เลนส์กล้องทั้งหมดของ vivo X70 5G ยังเคลือบ ZEISS T* ช่วยลดแสงกระทบกับเลนส์ ทำให้ถ่ายภาพได้สวยงามขึ้น ซึ่งกล้องหลักจะมีความละเอียด 40 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้คมชัดและเมื่อนำมาขยายดูภาพไม่แตก และโหมดบนกล้องถ่ายภาพก็ให้มาครบเหมือนรุ่นพี่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นโหมดถ่ายภาพบุคคล กลางคืน หรือวิดีโอ

ส่วนกล้องหน้ายังคงให้มาเท่ากันที่ความละเอียด 32 ล้านพิกเซล มีโหมปรับแต่งหน้าสวยพร้อมฟิลเตอร์ และหมดกังวลกับการถ่ายในที่ที่มีแสงสว่างมากเกินไปด้วย HDR

ชิปเซ็ตที่ใช้บน vivo X70 5G ก็เป็นตัวเดียวกัน MediaTek Dimensity 1200 – vivo 5G Platform ต่างกันที่รุ่นนี้จะให้ RAM 8GB + ROM 128GB และไม่สามารถเพิ่ม MicroSD ได้เช่นกัน แต่เรื่องของประสิทธิภาพการทำงานไม่ได้ลดหย่อนเลย ยังคงใช้งานได้ลื่น เล่นเกมลื่นไม่สะดุดหรือมีอาการกระตุกให้เห็น

ส่วนอีกสิ่งที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยคือแบตฯ ที่ใหม่มา 4400mAh รองรับชาร์จเร็วได้เหมือนเดิมด้วยเทคโนโลยี 44W FlashCharge ประหยัดเวลาในการชาร์จให้สั้นลง

รูปตัวอย่างจากกล้อง vivo X70 5G

ระบบปฎิบัติการ Funtouch OS 12 (based on Android 11)

ทั้ง vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G รันบนระบบปฎิบัติการ Funtouch OS 12 (based on Android 11) ที่ได้รับการออกแบบ UI ที่มีความทันสมัย ใช้งานง่าย เข้าถึงฟีเจอร์เพื่อความสะดวกได้เร็ว และปรับแต่งการใช้งานให้เหมาะกับแต่ละบุคคลได้ เช่น

  • Jovi Home : ผู้ช่วยอัฉริยะประจำเครื่องที่ช่วยเพิ่มทางลัดในการเข้าถึงแอปฯ ที่ใช้งานเป็นประจำได้เร็วขึ้น เช่น เครื่องคิดเลข ไฟฉาย บันทึกเสียง ตั้งปลุก หรือจะคอยรายงานผลการแข่งขันกีฬา รายงานสุขภาวะดิจิทัล ก้าวเดิน เตือนให้ดื่มน้ำ และผ่อนคลาย เป็นต้น
  • โหมดมืด : สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว ใช้งานสบาย รวมถึงสามารถประหยัดพลังงานได้อีกด้วย
  • ปรับสีหน้าจอ : สามารถปรับแต่งสีของหน้าจอให้เหมาะกับการใช้งาน หรือความชอบได้เอง ทั้งโทนสีมาตรฐาน มืออาชีพ หรือสว่าง และยังปรับอุณหภูมิสีให้ใช้งานสบายตาขึ้นอีกด้วย
  • เอฟเฟ็กต์แบบไดนามิก : ลูกเล่นสำหรับปรับเอฟเฟ็กต์แสงต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแสงโดยรอบเมื่อมรแจ้งเตือน ภาพไอคอนเมื่อสแกนนิ้ว ภาพเคลื่อนไหวเมื่อชาร์จ และอื่นๆ อีกมากมาย

สรุปสิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G

  • หน้าจอแบบขอบโค้ง (vivo X70 Pro 5G) และขอบจอแบน (vivo X70 5G)
  • ความจุแบตฯ 4450 mAh (vivo X70 Pro 5G) และ 4400 mAh (vivo X70 5G)
  • RAM 12+256GB (vivo X70 Pro 5G) และ RAM 8+128GB (vivo X70 5G)
  • ขนาดและน้ำหนัก
  • กล้องหลัก 50MP (vivo X70 Pro 5G) และ 40MP (vivo X70 5G)
  • vivo X70 5G ตัดกล้อง Periscope ออก

สรุปจุดเด่นของ vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G

  • หน้าจอรองรับรีเฟรชเรท 120Hz, HDR 10+
  • กล้องเคลือบ ZEISS T*
  • กันสั่นเทพขึ้น Gimbal Stabilization 3.0
  • ภาพบุคคลสไตล์ ZEISS
  • แบตฯ รองรับชาร์จเร็ว 44W

จุดที่ควรพิจารณา

  • ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.
  • ไม่กันน้ำ

สเปค vivo X70 5G

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด 2376 x 1080 พิกเซล
  • เทคโนโลยีหน้าจอ 120Hz, HDR10+
  • ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1200 – vivo 5G Platform Octa-core ความเร็ว 3.0 GHz
  • RAM 8GB, ROM 128GB
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด Nano SIM
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
  • เลนส์หลัก 40 ล้านพิกเซล, f/1.89, PDAF
  • Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, f/2.2, มุมกว้าง 116 องศา
  • เลนส์ Portrait 12 ล้านพิกเซล, f/2.0, PDAF, Optical Zoom 2x
  • กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, f/2.45, HDR
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz, Bluetooth 5.1, USB Type-C, On-The-Go, NFC
  • ระบบความปลอดภัย สแกนนิ้วใต้หน้าจอ, สแกนใบหน้า, รหัสผ่าน
  • ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 based on Android 11
  • แบตเตอรี่ 4400 mAh ชาร์จเร็ว 44W FlashCharge
  • ขนาดตัวเครื่อง 160.10 × 75.39 × 7.55 มิลลิเมตร
  • 158.7 × 73.24 × 7.59 มิลลิเมตร (Midnight Black)
  • น้ำหนัก 181 กรัม (Cosmic Black), 182 กรัม (Aurora Dawn)

สเปค vivo X70 Pro 5G

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.56 นิ้ว ความละเอียด 2376 x 1080 พิกเซล
  • เทคโนโลยีหน้าจอ 120Hz, HDR10+
  • ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 1200 – vivo 5G Platform Octa-core ความเร็ว 3.0 GHz
  • RAM 12GB, ROM 256GB
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด Nano SIM
  • กล้องหลัง 4 เลนส์
  • เลนส์หลัก 50 ล้านพิกเซล, f/1.78, PDAF, HDR, Laser AF, OIS
  • Telephoto 12 ล้านพิกเซล, f/2.0, PDAF, OIS, Optical Zoom 2x
  • Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล, f/2.2, มุมกว้าง 116 องศา
  • Periscope 8 ล้านพิกเซล, PDAF, OIS, f/3.4, Optical Zoom 5x
  • กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, f/2.45, HDR
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 2.4GHz / 5GHz, Bluetooth 5.1, USB Type-C, On-The-Go, NFC
  • ระบบความปลอดภัย สแกนนิ้วใต้หน้าจอ, สแกนใบหน้า, รหัสผ่าน
  • ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 based on Android 11
  • แบตเตอรี่ 4400 mAh ชาร์จเร็ว 44W FlashCharge
  • ขนาดตัวเครื่อง 160.10 × 75.39 × 7.55 มิลลิเมตร
  • 158.30 × 73.21 × 7.99 มม. (Cosmic Black)
  • 158.30 × 73.21 × 8.08 มม. (Aurora Dawn)
  • น้ำหนัก 183 กรัม (Cosmic Black), 184 กรัม (Aurora Dawn)

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • สมาร์ตโฟน
  • อแดปเตอร์ 44W FlashCharge
  • สาย USB Type-C
  • หูฟังสมอลทอร์คแจ็ค 3.5 มม.
  • จุกยางสำหรับหูฟัง 3 ขนาด
  • สายแปลงจาก 3.5 มม. เป็น Type-C
  • เคสพลาสติกแข็งสีใส
  • เข็มจิ้มซิม
  • คู่มือและใบรับประกัน

สีและราคา

vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G วางจำหน่ายเหมือนกัน 2 สี ได้แก่ สีดำ Cosmic Black และ สี Aurora Dawn ในราคา 21,999 บาท สำหรับ vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G ราคา 27,999 บาท

สรุปท้ายรีวิว

vivo X70 5G และ vivo X70 Pro 5G สมาร์ตโฟนรุ่นท๊อปที่เน้นไปที่กล้องถ่ายภาพกับการพัฒนาร่วมกันกับ ZEISS มอบประสบการณ์จัดเต็มเรื่องของกล้องที่ใส่ฟีเจอร์มาให้เยอะ ทั้งลูกเล่นต่างๆ ที่ทำให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องที่สนุกขึ้น ส่วนสเปคก็ไม่ได้ลดหย่อน ยังคงตอบสนองการทำงานที่รวดเร็ว รองรับการเชื่อมต่อ 5G มาพร้อมพร้อมแบตฯ ชาร์จไว ซึ่งต้องบอกว่าเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนเครื่องใหม่ใช้งานได้นานขึ้น

แสดงความคิดเห็น