รีวิว vivo X80 5G และ vivo X80 Pro 5G แฟลกชิปกล้องถ่ายสวยในที่แสงน้อย

vivo เปิดตัวสมาร์ทโฟนแฟลกชิปที่ดีที่สุดแห่งปีกับ vivo X80 Series 5G กับคอนเซปต์ Cinematics. Redefined. นิยามใหม่ถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ มาพร้อมกันถึง 2 รุ่น vivo X80 5G และ vivo X80 Pro 5G โดดเด่นด้วยกล้องถ่ายภาพที่ร่วมกันพัฒนากับ ZEISS ผสานกับชิปประมวลผลที่พัฒนาขึ้นเองเป็นครั้งแรกของ vivo ที่เรียกว่า vivo V1+ ทำให้ความสามารถในการถ่ายภาพนิ่งและวิดีโอออกมาสวยอย่างมืออาชีพ

vivo X80 Series 5G ยังชูจุดเด่นเรื่องชิปเซ็ตตัวท๊อปอย่าง Qualcomm Snapdragon 8 Gen 1 บน vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G ที่ขับเคลื่อนด้วยชิป MediaTek Dimensity 9000 ตอบสนองการใช้งานบนหน้าจอโค้งขนาดใหญ่ 6.78 นิ้ว รีเฟรชเรท 120Hz มาพร้อมแบตฯ ใหญ่ รองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

ดีไซน์สุดพรีเมียม

ตัวเครื่องของ vivo X80 Series 5G ทั้งคู่มาพร้อมดีไซน์พรีเมี่ยม จับถนัดมือด้วยขอบข้างโค้ง โดยที่ด้านหลังเป็นวางเลนส์กล้องวงกลมไว้บนกรอบสี่เหลี่ยมที่เรียกการดีไซน์แบบ Cloud Window พร้อมโลโก้ ZEISS T* ที่เด่นชัดเพื่อให้รู้ว่าเป็นอีกรุ่นที่ร่วมกันพัฒนากับแบรนด์กล้องชั้นนำ

ตัวเครื่องของทั้งคู่จะมีขนาดแตกต่างกัน โดย vivo X80 5G มีขนาดอยู่ที่ 164.95×75.23×8.3 มิลลิเมตร น้ำหนักเบากว่าที่ 206 กรัม และ vivo X80 Pro 5G ขนาดอยู่ที่ 164.57×75.30×9.1 มม. น้ำหนัก 219 กรัม ซึ่งโดยรวมทั้งคู่ไม่ได้ถือว่าหนักมาก ยังจับถือใช้งานได้สบาย เพราะหน้าจอที่โค้งทำให้จับกระชับมือ

ส่วนการวางพอร์ตต่างๆ รอบตัวเครื่องเรียกว่าเทียบเหมือนกันทุกตำแหน่ง โดยที่ตัวเครื่องด้านบนออกแบบเรียกว่า Choker ให้มีมุมตัดกับของเครื่องที่โค้ง มาพร้อมตัวหนังสือ “Professional Photography” ถัดไปทางขวาเป็นไมโครโฟนและ Infrared ที่ใช้เป็นรีโมทควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าได้

ตัวเครื่องด้านล่างมีถาดใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM 2 ช่อง ไม่รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD ถัดไปทางขวาเล็กน้อยจะเป็นไมโครโฟน พอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C และสุดท้ายเป็นช่องลำโพงเสียง

ด้านซ้ายของเครื่องไม่มีปุ่มใดๆ ออกแบบให้เรียบยาว จะมีเพียงเสาสัญญาณเท่านั้น ส่วนปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มพาวเวอร์จะอยู่ทางด้านขวาของเครื่อง

สีตัวเครื่องสำหรับ vivo X80 5G จะมีตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สี Urban Blue และสีดำ Cosmic Black ส่วน vivo X80 Pro 5G จะมีเพียงสีดำ Cosmic Black ที่มีความสวยงามน่าหลงใหล

หน้าจอ AMOLED คมชัด เล่นลื่น 120Hz

หน้าจอแสดงผลของทั้งคู่ใช้เป็นจอ AMOLED ที่ยังโดดเด่นเรื่องของสีสันที่คมชัดสวยงาม จอมีความโค้งดีไซน์ 3 มิติ ขนาดกว้าง 6.78 นิ้ว แต่ความละเอียดต่างกัน ซึ่ง vivo X80 Pro 5G ให้ความละเอียดมาที่ WQHD+ (3200 x 1440 พิกเซล) และ vivo X80 5G มีความละเอียด FHD+ (2400 x 1080 พิกเซล)

หน้าจอแสดงผลของ vivo X80 Pro 5G เป็นจอ ES Ulrea Vision ที่ใช้วัสดุหน้าจอ E5 Luminescent แบบใหม่ล่าสุด สามารถแสดงผลสีได้แบบ 10bit หรือกว่า 1 พันล้านสี ทำให้คอนเทนต์ต่างๆ มีสีสันสวยงามเสมือนจริง ทั้งยังรองรับ HDR 10+ และยังได้มาตราฐานการันตีจอคุณภาพจาก DisplayMate ระดับ A+

นออกจากนี้ รุ่น Pro ยังใช้เทคโนโลยี LTPO 3.0 ที่สามารถปรับรีเฟรชเรทได้ตั้งแต่ 1Hz – 120Hz ขึ้นอยู่กับคอนเทนต์ ช่วยให้ประหยัดพลังงาน และให้ความสว่างสูงถึง 1500 nit ไม่ว่าจะใช้งานในที่สว่างจ้า หรือในที่มือก็ได้จอที่คมชัด

ส่วน vivo X80 5G ก็ยังใช้งานรีเฟรชเรทได้สูงสุดที่ 120Hz แต่จะเลือกปรับได้ตั้งแต่ 60Hz – 120Hz ซึ่งก็จะเปลืองพลังงานแบตฯ กว่า แต่เรื่องความไหลลื่นไม่ต้องกลัว ตอบสนองการใช้งานที่เร็วทั้งคู่

กล้องหน้าของ vivo X80 Series 5G มาในรูปแบบ In Display หรือที่เรียกว่าเจาะรูขนาดเล็กอยู่ตรงกลาง มีความละเอียด 32MP

ระบบความปลอดภัยครบทุกรูปแบบ

สำหรับระบบปลดล็อคความปลอดภัยทั้งคู่ก็มีทั้งรองรับการสแกนใบหน้า รหัสผ่าน และสแกนนิ้วใต้หน้าจอ แต่สำหรับ vivo X80 Pro 5G จะพิเศษตรงที่ใช้เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้จอแบบ 3D Ultrasonic ที่ให้ขอบเขตกว้างกว่า ทำให้สามารถใช้งานได้พร้อมกัoถึง 2 นิ้ว ยังตอบสนองเร็ว สแกนง่าย ส่วนของ vivo X80 5G ก็ยังใช้สแกนนิ้วใต้หน้าจอแบบ Optical ซึ่งความเร็วก็ไม่เป็นรองใคร ใช้งานได้สูงสุด 5 ลายนิ้วมือ แต่พื้นที่การใช้งานจะกว้างไม่เท่ารุ่นพี่

กล้อง ZEISS T* มาพร้อมชิปการถ่ายภาพ vivo V1+

กล้องถ่ายภาพด้านหลังของ vivo X80 Series 5G นับว่าเป็นรุ่นที่ 3 ที่ได้ร่วมกันพัฒนากับ ZEISS เพื่อการถ่ายภาพที่สวยงามอย่างมืออาชีพ ครั้งนี้ก็ได้ออกแบบเลนส์กล้องเคลือบ ZEISS T* ที่จะช่วยลดเสียง Ghosting และแสง Straylight หรือสะท้อนและแสงที่ผ่านเข้ามายังเลนส์กล้อง ไม่ว่าจะถ่ายภาพในที่แสงมากหรือแสงน้อยก็ช่วยให้ได้ภาพที่มีสีสันแม่นยำ สวยงาม และสมจริงมากที่สุด

ชิปการถ่ายภาพ vivo V1+

นอกจากนี้ vivo X80 Series 5G ยังเป็นรุ่นแรกที่ใส่ชิปการถ่ายภาพ vivo V1+ เข้ามาช่วยประมวลผลภาพทั้งการถ่ายภาพ หรือขณะเล่นเกม ช่วยแสดงผลภาพได้อย่างมีคุณภาพ ช่วยเพิ่มความสามารถในการถ่ายวิดีโอ หรือการแสดงผลในสภาพแสงน้อยให้ออกมาครบ มีรายละเอียดที่คมชัด

กล้องถ่ายภาพระดับโปร

ส่วนเรื่องของกล้องถ่ายภาพด้านหลังของทั้ง vivo X80 5G และ vivo X80 Pro 5G จะมีความต่างกันของจำนวนเลนส์ที่ใส่มาและความละเอียด โดยจะแยกออกมาทีละรุ่นดังนี้

vivo X80 Pro 5G มีกล้องหลัง 4 เลนส์ แบ่งออกเป็น

  • กล้องหลัก 50MP, รูรับแสง f/1.75
  • กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 48MP, รูรับแสง f/2.2
  • กล้อง Portrait ความละเอียด 12MP, รูรับแสง f/1.85
  • กล้อง Telephoto ความละเอียด 8MP, รูรับแสง f/3.4

vivo X80 5G มีกล้องหลัง เลนส์ แบ่งออกเป็น

  • กล้องหลัก 50MP, รูรับแสง f/1.75
  • กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12MP, รูรับแสง f/1.98
  • กล้อง Portrait ความละเอียด 12MP, รูรับแสง f/2.0

กล้องหลัก 50MP

vivo X80 Pro 5G และ vivo X80 5G ให้กล้องหลักมาเท่ากันที่ 50MP แต่ต่างกันที่รุ่น Pro ใช้เซนเซอร์ Ultra-Sensing GNV ตรวจจับแสงพิเศษ ที่มีขนาดใหญ่ถึง 1/1.3 นิ้ว ส่วน vivo X80 5G ใช้เซนเซอร์ IMX866 RGBW Ultra-Sensing Sensor ที่ช่วยเปิดรับแสงได้มากขึ้น ทำให้ทั้งคู่สามารถถ่ายภาพในที่แสงน้อยหรือตอนกลางคืนได้ดีเยี่ยม

มุมกว้างขึ้นและคมชัดมาขึ้น (vivo X80 Pro 5G)

vivo X80 Pro 5G มาพร้อมเลนส์ Wide Angle ความละเอียด 48MP ทำให้ได้ภาพถ่ายมุมกว้างที่มีความละเอียดสูง เก็บรายละเอียดได้ครบมากขึ้นทั้งภาพกลุ่มเพื่อน หรือจะเป้นภาพวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม

ฟีเจอร์กล้องถ่ายภาพที่น่าสนใจ

ZEISS Gimbal Portrait Camera

เทคโนโลยีกันสั่นแบบ Gimbal ทำงานร่วมกับอัลกอริธึม AI ในการปรับสีผิวและความละเอียดของภาพ ที่เข้ากับเลนส์ถ่ายภาพ Portrait หรือภาพบุคคลระยะ 50mm บน vivo X80 Pro 5G ช่วยให้การถ่ายภาพบุคคลง่ายขึ้น ซึ่งรวมถึงภาพนิ่งและวิดีโอ ให้ได้ภาพบุคคลที่มีความคมชัด ไม่ว่าแบบของคุณจะขยับหรือเคลื่อนไหวภาพที่ได้ยังมีคุณภาพสูงและรายละเอียดครบ

ZEISS Portrait style

สไตล์การถ่ายภาพบุคคลในแบบของ ZEISS ที่เป็นจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร ด้วยสไตล์ที่ให้มาหลากหลายแบบไม่ว่าจะเป็น

  • ZEISS Biotar โบเก้ตัดกับฉากหลังที่เบลอเป็นวงกลม
  • ZEISS Cinematic ซึ่งเป็นรูปแบบใหม่ล่าสุด ทำให้ได้ภาพในแนวยาว
  • ZEISS Distagon โบเก้ละลายฉากหลังแต่ยังคงเห็นรายละเอียดที่ชัดเจน เน้นที่ตัวบุคคลเด่น
  • ZEISS Planar โบเก้คลาสิกให้ฉากหลังเป็นวงกลม
  • ZEISS Sonnar โบเก้ละลายฉากหลังแบบเรียบเนียน

นอกจากนี้ ลูกเล่นของโหมดถ่ายภาพบุคคลยังมีสไตล์มาให้เลือกใช้งานอีกกว่า 5 แบบ ไม่ว่าจะเป็น Natural, Vintage, French impressions, Flash Portrait และ Party เพิ่มความน่าสนใจให้ภาพบุคคลออกมาสวยงาม

AI Scene Optimization

เปิดใช้งาน AI การปรับฉากให้เหมาะสมเพื่อให้ได้ภาพถ่ายที่สวยงาม โดยที่ AI จะจดจำฉากต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นท้องฟ้ากลางคืน อาหาร ท้องฟ้า หรือฉากที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน เมื่อเปิดใช้งานระบบก็จะประมวลผลของสีให้ออกมาสวยงาม

ZEISS Natural Tone

เป็นฟีเจอร์ ZEISS Natural Tone บนเมนูกล้องที่มีมาให้เลือกเปิด หรือปิดการใช้งานได้ โดยเมื่อเปิดใช้งานกับการถ่ายภาพนิ่งจะได้ภาพที่มีโทนสีเป็นธรรมชาติ หรือเรียกว่าเหมือนที่ตามองเห็น

ฟิลเตอร์กว่า 11 แบบให้เลือกใช้

ในโหมดถ่ายภาพปกติที่นอกจากจะสามารถปรับแต่ง ZEISS Natural Tone หรือเลือกเปิดใช้งาน AI Scene ยังมีลูกเล่นของฟิลเตอร์ที่มีมากกว่า 11 แบบให้เลือกใช้ สามารถสื่อภาพได้หลากหลายอารณ์ ที่สำคัญคือภาพที่ออกมาสวยจบที่นี่ไม่ต้องแต่งเพิ่ม เอาไปโพสต์ลงโซเชียลได้เลย

Pure Night View

โหมดถ่ายภาพกลางคืนจะช่วยให้การเก็บภาพถ่ายตอนกลางคืนได้คมชัดทุกรายละเอียด ทำงานร่วมกับฟีเจอร์ XDR Photo ช่วยเพิ่มแสงสว่างให้กับภาพ และแสดงผลแบบ HDR ทำให้ได้ภาพที่สวยงาม สีสันครบถ้วนทั้งด้านหน้าและเบื้องหลัง

นอกจากนี้ โหมดถ่ายภาพกลางคืนยังสามารถเพิ่มลูกเล่นสไตล์ได้อีกถึง 9 แบบ ไม่ว่าจะเป็น ดำและทอง สปอร์ตไลท์ น้ำแข็งสีฟ้า ไซเบอร์พังค์ พื้นผิวขาว ส้มเขียว สีแดงเข้ม สีส้มฟ้า และสีส้มเทา ทำให้ภาพออกมาแปลกตาสวยงามไม่ซ้ำใคร

นิยามใหม่ถ่ายวิดีโอระดับมืออาชีพ

ZEISS Cinematic Video

โหมดถ่ายวิดีโอด้วยฟีเจอร์ ZEISS Cinematic ที่รองรับการใช้งานกับ vivo X80 Series 5G ทั้ง 2 รุ่น ซึ่งจะได้มุมกว้างแบบภาพยนตร์ในอัตราส่วน 2.39:1 ที่ความละเอียด 1080p @24fps พร้อมลูกเล่นของเอฟเฟกต์ละลายฉากหลังสไตล์ ZEISS และสร้างแฟร์ที่ไม่เหมือนใคร เน้นที่ตัวบุคคลโดดเด่น ซึ่งก็เป็นอีกมุมมองที่แปลกใหม่บนกล้องสมาร์ทโฟน

AI Video Enhancement

ความสามารถของSuper Night Video ที่ทำงานร่วมกับชิป vivo V1+ ที่ช่วยให้การประมวลผลการถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยได้ดีเยี่ยม และยังสามารถตรวจจับฉากของวิดีโอได้อีกด้วย ทำให้คุณไม่พลาดช็อตสำคัญแม้สภาพแสงไม่เป็นใจ

Active Centering OIS System + 360° Horizon Leveling Stabilization

ถ่ายวิดีโอสมูทขึ้นทุกการเคลื่อนไหวด้วย Active Centering OIS System ที่เข้าเพิ่มความเสถียรของแต่ละเฟรมให้สูงขึ้น ทำให้ภาพเคลื่อนไหวออกมาราบรื่นไม่ว่าจะเคลื่อนไหวหนักแค่ไหน และยังมี 360° Horizon Leveling Stabilization ช่วยจับภาพนิ่งในขณะที่ทำกิจกรรมที่มีการเคลื่อนไหวให้ออกมานิ่งมากที่สุด ทำให้ได้ภาพถ่ายที่ยังคมชัด

กล้องหน้า 32MP

vivo X80 5G และ vivo X80 5G มาพร้อมกล้องหน้า 32MP รูรับแสง f/2.45 รองรับการเปิดใช้งาน HDR ช่วยเก็บภาพใบหน้าและฉากหลังได้ครบถ้วน ทั้งยังมีลูกเล่นสไตล์ให้เลือกใช้งานมากมาย และรองรับการปรับแต่งหน้าสวยด้วย AI Beauty ไปพร้อมกัน รวมถึงการปรับฉากหลังเบลอได้อีกด้วย

ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ตระดับท๊อป

vivo X80 Pro 5G เป็นรุ่นท๊อปที่ขับเคลื่อนด้วยชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 Octa Core ความเร็ว 3.00 GHz ขนาด 4nm ทำงานคู่กับ RAM 12GB + ROM 256GB เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วได้ถึง 20% จากรุ่นก่อน และมีหน่วยประมวลผลกราฟิก GPU Adreno 730 ที่ช่วยให้แสดงผลกราฟิกลื่นและดีขึ้นกว่า 30% ตอบสนองการใช้งานทั่วไป เปิดแอปฯ ดาวน์โหลด หรือแม้การเล่นเกมก็ลื่นแบบที่ไม่แสดงอาการสะดุดให้เห็น

ส่วน vivo X80 5G จะใช้ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9000 Octa Core ความเร็ว 3.05 GHz ซึ่งเป็นชิปรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มีขนาด 4nm มาพร้อม RAM 12GB และ ROM 256GB ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานจากรุ่นก่อนได้สูงถึง 45%

ประสบการณ์เล่นเกมเหนือชั้น

สำหรับการทดสอบเล่นเกมนั้นต้องบอกว่าทั้งคู่สามารถเล่นเกมได้ทุกประเภท แม้ว่าชิปเซ็ตที่ใช้จะต่างกัน แต่การทำงานไม่ได้ลดหย่อนไปกว่ากัน อย่างเกม Asphalt 9 เกมแข่งรถที่ใช้กราฟิกและการเคลื่อนไหวค่อนข้างเยอะ เมื่อทดสอบเล่นบน vivo X80 Pro 5G เรียกว่าลื่นสุด สามารถปรับกราฟิกได้ที่ระดับสูง เกมก็ยังเล่นลื่นและภาพก็สวยงามเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ไม่มีสะดุดแม้จะชนสิ่งกีดขวางก็ตาม

ส่วน ROV ได้ทดสอบเล่นบน vivo X80 5G ก็สามารถปรับ FPS ได้ที่ระดับสูงสุด จังหวะการเดินหรือต่อสู้ก็ไหลลื่นไม่สะดุด เฟรมเรทอยู่ที่ราวๆ 59-60fps ไม่ต่ำไปกว่านี้ ถือว่าทำได้ดีเลยทีเดียว

Ultra Game mode

ผู้ช่วยในการเล่นเกมได้สมูทขึ้น ทั้งการดึงประสิทธิภาพของตัวเครื่องออกมาใช้งานได้เต็มที่ รวมถึงการปรับแต่งระบบสั่นเพื่อตอบสนองการเล่นเกมได้จริง และยังปิดการแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็นเมื่อเล่นเกม ทำให้เล่นลื่นได้ต่อเนื่อง

X-Axis Linear Motor

ระบบกันสั่นเสมือนจริง ที่ช่วยให้การเล่นเกมมีความสมจริง ตอบสนองการต่อสู้หรือจังหวะยิงปืน ชนของได้เหมือนกับเราอยู่ในเกมนั้นๆ ทำให้เกมที่เล่นสนุกไปอีกขั้น

ระบบระบายความร้อนขนาดใหญ่

Ultra Large Liquid Cooling Vapor Chamber เทคโนโลยีระบายความร้อนใหม่ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ครอบคลุมพื้นที่ได้เยอะขึ้น ผ่าน VC (Vapor Chamber) ขนาดใหญ่ที่ 4,285 มม. พร้อมแผ่นระบายความร้อนกราไฟท์ที่ใหญ่ขึ้น 84% ช่วยให้เครื่องไม่ร้อนขณะเล่นเกม ส่งผลให้อัตราเฟรมเรทคงที่ เล่นเกมลื่นไม่กระตุก

ความบันเทิงครบครัน

ตัวช่วยในการเล่นเกมและใช้งานเพื่อความบันเทิงก็ใส่มาให้จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็น

  • โหมด Eagle Eye ที่ช่วยให้สีสันและรายละเอียดที่คมชัด สวยงามในทุกซีน
  • ลำโพงสเตอริโอแบบคู่ ให้พลังสมจริงและมีมิติ ทั้งยังรองรับระบบเสียง Hi-Res ที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับฟังเสียงได้อย่างครบถ้วนทุกมิติ

แบตเตอรี่ใหญ่ ชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

แบตฯ จะมีความจุแตกต่างกันเล็กน้อย โดยที่ vivo X80 5G ให้แบตฯ ความจุ 4500mAh ส่วน vivo X80 Pro 5G แบตเตอรี่ความจุ 4700mAh และรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 80W FlashCharge ใช้เวลาชาร์จเต็ม 100% ในระยะเวลาประมาณ 35 นาที แต่ที่แตกต่างอีกจุดคือ vivo X80 Pro 5G จะรองรับชาร์จไร้สายที่ความเร็ว 50W FlashCharge และใช้เป็นแบตฯ สำรองให้เครื่องอื่นได้ด้วยฟีเจอร์ Reverse Charging

สรุปสิ่งที่แตกต่างกันระหว่าง vivo X80 5G และ vivo X80 Pro 5G

  • ความละเอียดหน้าจอ vivo X80 5G – 2400×1080 (FHD+) และ vivo X80 Pro 5G – 3200×1440 (WQHD+)
  • ชิปเซ็ต vivo X80 5G ใช้ MediaTek Dimensity 9000 ส่วน vivo X80 Pro 5G ใช้ Snapdragon 8 Gen 1
  • กล้องหลัง vivo X80 5G (50MP+12MP+12MP) และ vivo X80 Pro 5G (50MP+48MP+12MP+8MP)
  • ความจุแบตฯ vivo X80 5G แบตฯ 4500mAh และ vivo X80 Pro 5G แบตฯ 4700mAh

สรุปจุดเด่นของ vivo X80 5G และ vivo X80 Pro 5G

  • หน้าจอรองรับรีเฟรชเรท 120Hz, HDR 10+
  • กล้องเคลือบ ZEISS T*
  • ภาพบุคคลสไตล์ ZEISS
  • แบตฯ รองรับชาร์จเร็ว 80W FlashCharge

จุดที่ควรพิจารณา

  • ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.

สเปค vivo X80 Pro 5G

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 3200 × 1440 (WQHD+)
  • เทคโนโลยีหน้าจอ LTPO 3.0 รีเฟรชเรท 120Hz, HDR10+
  • ชิปเซ็ต Snapdragon 8 Gen 1 Octa-core ความเร็ว 3.0 GHz
  • GPU Adreno 730
  • RAM 12GB, ROM 256GB
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด Nano SIM
  • กล้องหลัง 4 เลนส์
  • กล้องหลัก 50MP, รูรับแสง f/1.75, PDAF
  • กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 48MP, รูรับแสง f/2.2
  • กล้อง Portrait ความละเอียด 12MP, รูรับแสง f/1.85
  • กล้อง Telephoto ความละเอียด 8MP, รูรับแสง f/3.4, Digital Zoom 5x, Optical Zoom 60x
  • กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, f/2.45, HDR
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Wi-Fi 5, 2.4G/5G, Bluetooth 5.2, USB Type-C, On-The-Go, NFC
  • ระบบความปลอดภัย สแกนนิ้วใต้หน้าจอ, สแกนใบหน้า, รหัสผ่าน
  • ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 based on Android 12
  • แบตเตอรี่ 4700 mAh ชาร์จเร็ว 80W FlashCharge, 50W Wireless FlashCharge
  • ขนาดตัวเครื่อง 164.57 × 75.30 × 9.10 มม.
  • น้ำหนัก 219 กรัม

สเปค vivo X80 5G

  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2400×1080 (FHD+)
  • เทคโนโลยีหน้าจอ 120Hz, HDR10+
  • ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9000 Octa-core ความเร็ว 3.05 GHz
  • GPU Mali-G710 MC10
  • RAM 12GB, ROM 256GB
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด Nano SIM
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
  • กล้องหลัก 50MP, รูรับแสง f/1.75, PDAF
  • กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12MP, รูรับแสง f/1.98
  • กล้อง Portrait ความละเอียด 12MP, รูรับแสง f/2.0
  • กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, f/2.45, HDR
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Wi-Fi 5, 2.4G/5G, Bluetooth 5.3, USB Type-C, On-The-Go, NFC
  • ระบบความปลอดภัย สแกนนิ้วใต้หน้าจอ, สแกนใบหน้า, รหัสผ่าน
  • ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 based on Android 12
  • แบตเตอรี่ 4500 mAh ชาร์จเร็ว 80W FlashCharge
  • ขนาดตัวเครื่อง 164.95 × 75.23 × 8.30 มม.
  • น้ำหนัก 206 กรัม
  • หน้าจอ AMOLED ขนาด 6.78 นิ้ว ความละเอียด 2400×1080 (FHD+)
  • เทคโนโลยีหน้าจอ 120Hz, HDR10+
  • ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9000 Octa-core ความเร็ว 3.05 GHz
  • GPU Mali-G710 MC10
  • RAM 12GB, ROM 256GB
  • รองรับการใช้งาน 2 ซิมการ์ด Nano SIM
  • กล้องหลัง 3 เลนส์
  • กล้องหลัก 50MP, รูรับแสง f/1.75, PDAF
  • กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12MP, รูรับแสง f/1.98
  • กล้อง Portrait ความละเอียด 12MP, รูรับแสง f/2.0
  • กล้องหน้า 32 ล้านพิกเซล, f/2.45, HDR
  • รองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 6, Wi-Fi 5, 2.4G/5G, Bluetooth 5.3, USB Type-C, On-The-Go, NFC
  • ระบบความปลอดภัย สแกนนิ้วใต้หน้าจอ, สแกนใบหน้า, รหัสผ่าน
  • ระบบปฏิบัติการ Funtouch OS 12 based on Android 12
  • แบตเตอรี่ 4500 mAh ชาร์จเร็ว 80W FlashCharge
  • ขนาดตัวเครื่อง 164.95 × 75.23 × 8.30 มม.
  • น้ำหนัก 206 กรัม

อุปกรณ์ภายในกล่อง

  • สมาร์ทโฟน
  • อแดปเตอร์ 80W FlashCharge
  • สาย USB Type-C
  • หูฟังสมอลทอร์คแจ็ค 3.5 มม.
  • จุกยางสำหรับหูฟัง 3 ขนาด
  • เคสพลาสติกแข็ง
  • เข็มจิ้มซิม
  • คู่มือและใบรับประกัน

สรุปท้ายรีวิว

vivo X80 Series 5G เป็นสมาร์ทโฟนแฟลกชิปที่ยังคงตอบโจทย์การใช้งานพรีเมียม ทั้งดีไซน์ที่โดดเด่น รวมถึงประสิทธิภาพจัดเต็มเรื่องกล้องที่คราวนี้มาพร้อมการถ่ายวิดีโอในที่แสงน้อยได้ดีขึ้น จากการพัฒนาและใช้ชิปประมวลผลภาพ vivo V1+ ทำงานร่วมกันกับ ZEISS ที่ยังคงความเด่นตั้งแต่รุ่นแรกที่ร่วมมือกันจนมาถึงรุ่นนี้กับความสามารถเพิ่มขึ้น เหมาะกับใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนกล้องดี ดีไซน์สวยแบบพรีเมียมไว้ใช้งานรุ่นนี้ตอบโจทย์แน่นอน

การวางจำหน่าย

  • vivo X80 Pro 5G มีตัวเลือกสีดำ Cosmic Black จำหน่ายในราคา 39,999 บาท
  • vivo X80 5G มีตัวเลือก 2 สี ได้แก่ สี Urban Blue และ สีดำ Cosmic Black จำหน่ายในราคา 29,999 บาท

เป็นเจ้าของได้ตั้งแต่ 27 พฤษภาคม 2565 ณ vivo Brand Shop ทุกสาขา ตัวแทนจำหน่ายชั้นนำBaNANA, IT City, CSC, Jaymart, TG FONE, KINGKONG, BKK, Singer, Big C, Maxlink, Power Mall, Stamp และAdvice และผู้ให้บริการเครือข่ายAIS, True, Dtac รวมถึงvivo Official Store บนร้านค้าออนไลน์ชั้นนำทั้งLAZADA, Shopee, JD Central และThisshop

แสดงความคิดเห็น