รีวิว Xiaomi 13T l 13T Pro กล้อง Leica ระดับมืออาชีพ หน้าจอลื่น 144Hz สเปคจัดเต็ม

เปิดตัวในไทยแล้วอย่างเป็นทางการ สำหรับ Xiaomi 13T Series ที่ทำเอาตลาดสมาร์ทโฟนแตกตื่นกับสเปคที่ให้มาพร้อมกล้องพัฒนาร่วมกับ Leica ทั้ง 2 รุ่น ที่วางจำหน่ายในไทย ไม่ว่าจะเป็น Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro สมกับสโลแกน Masterpiece in sight รวมถึงสเปคด้านอื่นก็จัดเต็มไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอ CrystalRes AMOLED 144Hz อีกทั้ง ยังรองรับชาร์จเร็ว กันน้ำ-กันฝุ่นมาตราฐาน IP68 และอื่นๆ อีกมากมายที่จะมาบอกเล่าในรีวิวให้ชมไปพร้อมกัน

ดีไซน์สวยพรีเมียม

การออกแบบตัวเครื่อง Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro เรียกว่าเหมือนกันทุกมุม มีความคลาสสิกของฝาหลังโค้งมนรับกับขอบเครื่องด้านข้างทรงเหลี่ยม ทำให้ถือได้กระชับเข้ามือ โดยจะมีโมดูลกล้องด้านหลังสีดำตัดกับฝาหลังแแต่ละสีได้อย่างสวยงาม มาพร้อมสีสันให้เลือกถึง 3 สี ในแบบสไตล์ที่เป็นคุณ ได้แก่

• สี Alpine Blue เป็นฝาหลังหนังเทียม PU ที่ให้สัมผัสนุ่มสบายมือ มีความแข็งแรงทนทาน เช็คทำความสะอาดง่ายเมื่อโดนสิ่งสกปรก ไม่เกิดรอยนิ้วมือให้กวนใจ และยังระบายความร้อนได้ดี
• สี Meadow Green เป็นตัวเครื่องที่มีฝาหลังเป็นกระจก มาพร้อมสีเขียวที่ให้ความรู้สึกสบายตา สัมผัสลื่นและมีความพรีเมียม โดยที่วัสดุยังช่วยป้องกันรอยนิ้วมือได้อีกด้วย
• สี Black เป็นตัวเครื่องสีดำที่ดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล มีความคลาสสิกในแบบที่เรียบง่าย และเป็นวัสดุเดียวกันกับสี Meadow Green ที่มีความเรียบลื่น ทนทานต่อการขีดข่วนและรอยนิ้วมือ

ขนาดตัวเครื่องของ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro สี Alpine Blue จะอยู่ที่ 162.2 x 75.7 x 8.62 มิลลิเมตร ส่วนตัวเครื่องสี Meadow Green และ Black อยู่ที่ 162.2 x 75.7 x 8.49 มม. โดยที่น้ำหนักของ Xiaomi 13T สี Alpine Blue อยู่ที่ 193 กรัม และสี Meadow Green/ Black หนัก 197 กรัม ซึ่งในรุ่น Xiaomi 13T Pro จะมีน้ำหนักมากมากว่าอยู่ที่ 200 กรัม (Alpine Blue) และสี Meadow Green/ Black หนัก 206 กรัม

การจัดวางพอร์ตต่างๆ รอบตัวเครื่องของทั้งคู่ก็เหมือนกัน โดยที่ตัวเครื่องด้านบนมีช่องลำโพงเสียง ไมโครโฟนตัวที่ 2 ช่วยตัดเสียงรบกวน และเซ็นเซอร์อินฟราเรด (IR Blaster) สำหรับใช้เป็นรีโมทในการควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้า

ส่วนตัวเครื่องด้านล่างรุ่นนี้จะไม่มีช่องใส่หูฟัง 3.5 มม. มาให้ มีเพียงช่องใส่ซิมการ์ดแบบ Nano SIM 2 ช่อง ถัดไปทางขวาเป็นไมโครโฟน พอร์ตชาร์จ USB Type-C และสุดท้ายเป็นช่องลำโพงเสียงตัวเครื่องด้านล่าง

ตัวเครื่องด้านซ้ายไม่มีปุ่มใดๆ จะมีที่ด้านขวาของเครื่องที่ใส่ปุ่มปรับระดับเสียง และปุ่มพาวเวอร์มาให้ โดยออกแบบให้มีผิวสัมผัสและสีเดียวกับขอบข้าง ทำให้เครื่องดูสวยงาม

กันน้ำ – กันฝุ่น มาตราฐาน IP68

Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro ตัวเครื่องมีมาตราฐานกันน้ำ-กันฝุ่น ได้ที่ระดับ IP68 สามารถใช้งานได้ทุกสถานการณ์ หรือแม้แต่ตอนจำเป็นต้องโดนฝนก็ไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะได้รับความเสียหาย

หน้าจอ CrystalRes รีเฟรชเรท 144Hz

หน้าจอแสดงผลของ Xiaomi 13T Series เป็นจอ Corning Gorilla Glass 5 แบบ DotDisplay เทคโนโลยี CrystalRes AMOLED ขนาดใหญ่ 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2712 x 1220 พิกเซล เป็นหน้าจอเป็นแบนมีพื้นที่ใช้งานกว้างเกือบเต็มขอบ ซึ่งจะเห็นว่ามีขอบดำเพียงเล็กน้อย และมีกล้องหน้าแบบเจาะรูตรงกลาง ทำให้มีพื้นที่การใช้งานกว้างและสามารถเพิ่มความสว่างได้สูงสุด 2600 nits ใช้งานในที่โล่งแจ้งไม่มีปัญหา เห็นข้อความและคอนเทนต์ชัดเจน

ในเรื่องของเทคโนโลยีหน้าจอเรียกว่ายกรุ่นท๊อปมาไว้ในเครื่อง ทั้งการแสดงผลสี 68 พันล้านสี รองรับรีเฟรชเรท AdaptiveSync สูงสุด 144Hz โดยจะเป็นการปรับอัตรารีเฟรชเรทให้เหมาะสมกับการใช้งาน ตั้งแต่ 30/60/90/120/144Hz ขึ้นอยู่กับแอปพลิเคชั่นและการแสดงผลที่รองรับ เพื่อการใช้งานที่ราบรื่นและประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ ยังตอบสนองการสัมผัสสูงสุด 480Hz ช่วยให้การใช้งานบนจอแม่นยำ

ส่วนเรื่องการใช้งานเพื่อความบันเทิงบนจอของ Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro เรียกว่าตอบโจทย์อย่างมาก ทั้งการรองรับ HDR10+ ทำให้ได้ภาพที่มีความสมูทสมจริง เช่น ภาพน้ำตก หรือน้ำไหลที่แสดงบนจอจะมีความเป็นธรรมชาติ เหมือนกับที่เรามองด้วยตาเปล่า หรือจะเป็นการแสดงผลในพื้นที่ HDR ได้อย่างแม่นยำ ปรับความสวว่างและเก็บรายละเอียดได้คมชัด ทำให้การใช้งานเพื่อความบันเทิงมีอรรถรสยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ยังเป็นหน้าจอที่รองรับมาตราฐาน DCI-P3 และ TrueColor โดยจะแสดงสีสันที่มีความสมจริง เป็นธรรมชาติ และตรงกับที่เรามองเห็น ทำให้สีสันที่ได้บนหน้าจอไม่สว่างจ้าจนแสบตา มองแล้วสบายตา และยังมีฟีเจอร์ปกป้องดวงตาอย่างตอนใช้งานในที่แสงน้อย หรือตอนกลางคืน สมาร์ทโฟนสามารถหรี่ไฟ PWM สูงถึง 2880Hz ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตาที่เกิดจากการกระพริบ ทำให้ใช้งานสบายไม่ต้องจ้องหน้าจอมาก

ส่วนหน้าจอด้านล่างยังใส่เซ็นเซอร์สแกนนิ้วใต้จอมาให้ทั้ง 2 รุ่น รองรับการใช้งานสูงสุด 5 ลายนิ้วมือ ตอบสนองการทำงานเร็วแค่สัมผัสก็ปลดล็อคได้ทันที และยังถือว่ามีความแม่นยำสูง นอกจากนี้ ระบบปลดล็อคเพื่อความปลอดภัยยังมีการใช้งานสแกนใบหน้า และรหัสผ่านได้อีดด้วย

ลำโพงคู่ ระบบเสียง Dolby Atoms

เรื่องของพลังเสียงก็มีส่วนสำคัญในการทำงานร่วมกับหน้าจอแสดงผลที่มีคุณภาพ มาพร้อมลำโพงคู่รองรับระบบเสียง Dolby Atoms ที่ให้เสียงแบบมีมิติ กระจายเสียงได้รอบทิศทางเหมือนกำลังดูหนังในโรงภาพยนตร์ ซึ่งรองรับกับการใช้งานบน Netflix ที่รองรับระบบเสียงนี้ด้วยเช่นกัน

ประสิทธิภาพการทำงานเต็มพลัง

ด้านประสิทธิภาพการงานมีความแตกต่างกันเรื่องของชิปเซ็ต โดยที่ Xiaomi 13T ขับเคลื่อนด้วยชิป MediaTek Dimension 8200-Ultra ขนาด 4nm ซึ่งเป็นชิปเซ็ตระดับตัวรองที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดดเด่นในเรื่องของการประหยัดพลังงาน มาพร้อม GPU Mali-G610 ตอบสนองการทำงานกราฟิกได้นระดับดี ทั้งยังมาพร้อม RAM 12GB (LPDDR5) สามารถเพิ่มได้สูงสุดอีก 8GB ทำให้มี RAM มากถึง 20GB และหน่วยความจำภายใน ROM 256GB (UFS 3.1) ทำงานได้ลื่นไหลไม่สะดุด

ส่วนรุ่นพี่อย่าง Xiaomi 13T Pro จะใช้ชิปเซ็ตระดับบนอย่าง MediaTek Dimensity 9200+ Octa Core ความเร็ว 3.35GHz บวกกับระบบประมวลผลในตัว GPU Arm Immortalis-G715 ที่ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อการทำงานด้านกราฟิกและประมวลผลภาพให้ออกมาราบรื่น ทำงานเต็มประสิทธิภาพในทุกส่วน

ในส่วนของ Xiaomi 13T Pro ยังมาพร้อม RAM 12/16GB (LPDDR5X) สามารถเพิ่มได้สูงสุดอีก 8GB และหน่วยความจำภายใน ROM 256GB/1TB (UFS 4.0) สามารถทำงานได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะเเป็นการใช้งานทั่วไป เปิดแอปฯ ค้างไว้และสลับไป-มา ก็ไม่มีอาการค้างหรือกระตุกให้เห็น และยังสามารถโอนถ่ายข้อมูลต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

พื้นที่ระบายความร้อนขนาดใหญ่พิเศษ

Xiaomi 13T Series มีระบบระบายความร้อนและตอบสนองต่อความเย็นที่เสถียร โดยเลือกใช้สแตนเลสสตีล VC ขนาดใหญ่พิเศษ หรือกินพื้นที่ด้านหลังตัวเครื่องกว่า 5000 ตร.มม. สามารถระบายความร้อนได้เร็วและเสถียร ทำให้ในขณะที่เล่นเกม หรือเล่นเครื่องไปพร้อมกับการชาร์จแบตฯ ไม่มีปัญหาความร้อนกวนใจ แต่ถ้าหากเล่นนานๆ ก็สัมผัสความร้อนที่หลังเครื่องได้บ้าง แต่จะกระจายและลดลงอย่างรวดเร็ว

ทดสอบเล่นเกม

ในส่วนการทดสอบเล่นเกม ได้ใช้ Xiaomi 13T Pro เพื่อเล่น ROV และ Asphalt 9 โดยสามารถเปิดใช้งานเฟรมเรทได้ในระดับสูงสุดทั้งคู่ เล่นลื่นและตอบสนองเร็ว มีการเปิดใช้งาน Game Turbo เข้ามาช่วยในการจัดการประสิทธิภาพของหน่วยความจำ การทำงานต่างๆ เพื่อป้องกันการรบกวนระหว่างที่เล่นเกม

สำหรับ ROV ต้องบอกว่าเล่นลื่นและสนุก ด้วยหน้าที่ใหญ่ทำให้เห็นกว้างขึ้น รวมถึงการตอบสนองการสัมผัสที่เร็ว ลื่นไหล โดยที่เฟรมเรทไม่มีหลุดต่ำกว่า 60fps และเกม Asphalt 9 ก็ต้องบอกเลยว่าภาพที่ได้มีความคมชัด สีสันสวยชวนเล่น ซึ่งจะเห็นว่าภาพและเสียงเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทำให้การเล่นเกมทำได้เต็มที่และสนุกสนานกับทั้งภาพและเสียง

แบตฯ ใหญ่ รองรับชาร์จเร็ว

Xiaomi 13T Series มาพร้อมแบตฯ ขนาดใหญ่ 5000mAh รองรับชาร์จเร็วทั้งคู่ แตกต่างกันที่ Xiaomi 13T Pro จะรองรับ Xiaomi 120W HyperCharge ช่วยประหยัดเวลาในการชาร์จเร็วขึ้น สามารถชาร์จแบตฯ เต็ม 100% ได้ในเวลาแค่ 19 นาที เรียกว่าไไม่ถึงชั่วโมงก้มีแบตฯ มาใช้งานต่อเนื่องทั้งวัน หรือหากมีเวลาน้อยก็ชาร์จแค่ 5 นาที ได้แบตฯ เพิ่มาถึง 36% ทั้งยังมั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยในการใช้งานได้ด้วยชิปเซ็ต Xiaomi Surge G1 พัฒนาจาก ISP (Internal ShortagePrecaution), SOA (Safety Operating Area), DTPT (Dynamic Turbo Power Technology) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเฉพาะในการเพิ่มควาปลอดภัยและช่วยให้แบตฯ ใช้งานได้นานขึ้น

ส่วน Xiaomi 13T จะมาพร้อมชาร์จเร็วเหมือนกัน แต่จะเป็น Xiaomi 67W turbo charging สามารถชาร์จเต็มได้ในเวลา 42 นาที หรือชาร์จเพียง 5 นาที ก็ได้แบตฯ มาใช้งาน 21% ซึ่งถือว่าสะดวกสำหรับสมาร์ทโฟนที่มีแบตฯ ความจุเยอะ ช่วยลดเวลาในการชาร์จได้

ทั้งนี้ Xiaomi 13T Series จะไม่มีอะแดปเตอร์ชาร์จเร็วแถมมาให้ในกล่องแล้ว หากลูกค้าต้องการใช้งานจะต้องซื้อเพิ่ม

กล้องถ่ายภาพระดับมืออาชีพ

Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro เป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นที่กล้องถ่ายภาพได้ร่วมกันพัฒนากับ Leica กับเลนส์ Summicron – LEICA VARIO-SUMMICRON 1:1.9-2.2/15-50 มม. ASPH ที่นำมาไว้บนสมาร์ทโฟน มีประสิทธิภาพในการรับแสงให้ถ่ายทอดออกมาเป็นภาพถ่ายสไตล์ Leica โดยให้กล้องด้านหลังมาเหมือนกันที่ 3 เลนส์ แบ่งออกเป็น

• กล้องหลักเลนส์ optical ระดับโปรจาก Leica ความละเอียด 50MP, รูรับแสง f/1.9, รองรับกันสั่น OIS, AF
• กล้อง Telephoto 50MP, f/1.9, ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม., AF, Digital Zoom 20x
• กล้องมุมกว้าง 12MP, รูรับแสง f/2.2

โหมดถ่ายภาพใน Xiaomi 13T มีให้เลือกใช้งานหลากหลายตามสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็น ถ่ายต่อเนื่อง ความเร็วสูง โหมดกลางคืน (มุมกว้าง/กว้างพิเศษ/เทเลโฟโต) HDR, สโลว์โมชัน พาโนรามา เอกสาร Long Exposure เป็นต้น

Xiaomi Imaging Engine

เป็นอัลกอริธึมภาพอัจฉริยะ ที่ช่วยจับภาพในช่วงเวลาที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึงการปรับแต่งด้วย AI ให้ออกมาเหมาะสมกับฉากนั้นๆ และมีเทคโนโลยี Xiaomi ProFocus ช่วยล็อกโฟกัสให้นิ่ง เหมาะกับการถ่ายภาพที่มีการเคลื่อนไหวเร็ว อย่างหน้าคน เด็ก สัตว์เลี้ยง ทำให้ได้ภาพที่มีความคมชัดไม่หลุดกรอบ

กล้องหลัก 50MP

กล้องหลักให้มาที่ความละเอียดสูง 50MP รูรับแสง f/1.9 ทั้งยังทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ สามารถเก็บรายละเอียดของภาพ รวมถึงสีและแสงได้อย่างครบถ้วน

กล้อง Telephoto 50MP

กล้อง Telephoto ความโฟกัสเทียบเท่าเลนส์เทเลโฟโต้ 50 มม. มาพร้อมรูรับแสง f/1.9 รองรับดิจิตอลซูมได้สูงสุด 20 เท่า สามารถเก็บภาพในระยะไกลได้ง่ายและยังได้ภาพที่มีความคมชัดสูง

กล้องมุมกว้าง 12MP

กล้องเลนส์มุมกว้างให้มาที่ความละเอียด 12MP ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 15 มม. สามารถเก็บภาพและรายละเอียดได้ครบ ไม่ว่าจะเป็นคนสถานที่ วิวทิวทัศน์ ก็สามารถเก็บได้ครบไม่ตกเฟรม

สไตล์การถ่ายภาพแบบ Leica

Xiaomi 13T Series มาพร้อมกล้องหลังสไตล์ Leica ในแบบ Leica Authentic Look และ Leica Vibrant Look โดยมีไอคอนให้ปรับการใช้งานที่มุมบนขวา รองรับการใช้งานนร่วมกับ HDR ทำให้ภาพถ่ายออกมาสมบูรณ์ เก็บรายละเอียดได้ครบถ้วน นอกจากนี้ ยังมี DNA ของความเป็น Leica อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฟิลเตอร์จาก Leica เสียงชัตเตอร์คลาสสิกของ Leica ลายน้ำ Leica หรือแม้แต่เลนส์ถ่ายภาพพอร์ตเทรตที่มีระยะให้เลือกตั้งแต่ 35 มม., 50 มม., 90 มม.

สำหรับกล้องถ่ายภาพสไตล์ Leica ทั้ง 2 แบบ ให้สีสันแบบ DCI-P3 100% มีความสมจริง จะมีความแตกต่างกัน ดังนี้

• Leica Authentic Look : เป็นสไตล์ของ Leica ที่แท้จริง ให้แสงและเงาที่คมชัด มีความเป็นธรรมชาติสมจริง
• Leica Vibrant Look : เป็นสีที่มีความสว่างสดใส แสดงสีสันได้อย่างสวยงาม เหมาะกับการถ่ายภาพที่มีสีสัน

โหมดถ่ายภาพ Pro กำหนดเอง

ในโหมดถ่ายภาพ Pro สไตล์กำหนดเองที่เปิดตัวครั้งแรกบน Xiaomi 13 Ultra ก็ได้นำมาใส่บน Xiaomi 13T Series สามารถเลือกปรับแต่งโทนนสี การไล่สี และพื้นผิวในขั้นตอนการกำหนดไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ได้ภาพที่สวยขึ้นได้ด้วยตัวเอง เพิ่มความสร้างสรรค์ในแบบของ Leica

ฟิลเตอร์ Leica

เพิ่มสีสันที่สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกผ่านภาพถ่ายได้ด้วยฟิลเตอร์ Leica ที่มีมาให้ใช้งาน 6 แบบ ทั้ง

• Leica Vivid ให้สีภาพในโทนอุ่น มีความชัดเจนของสี
• Leica Natural โทนสีย้อนยุคแต่ไม่ถึงกับดำ ออกสีน้ำตาล เหมาะสำหรับการถ่ายภาพบุคคล
• Leica BW Natural เน้นที่การบรรยายภาพที่ชัดเจนและทรงพลัง
• Leica BW High Contrast โทนสีเข้มเน้นสื่อถึงอารมณ์
• Leica ซีเปียสไตล์ย้อนยุคในสีโทนอุ่น
• Leica Blue ย้อนอดีตโทนสีฟ้าเย็นๆ

ลายน้ำ Leica แบบใหม่

ลายน้ำสไตล์ Leica ที่บ่งบอกเอกลักษณ์พร้อมรายละเอียดของงภาพ มีความโดดเด่นและแตกต่าง จากเดิมที่มีให้ใช้เฉพาะใต้รูปด้านล่าง แต่สำหรับรุ่นนี้เพิ่มมาให้อีก 2 แบบให้เลือกใช้ ทำให้ภาพที่ถ่ายออกมาไม่ถูกบดบังและโชว์ภาพถ่ายพร้อมรายละเอียดได้อย่างสวยงาม

Portrait สวยด้วยระบบเลนส์ขั้นสูง

โหมดถ่ายภาพ Portrait หรือโหมดบุคคลสามารถปรับค่า F ได้ตามที่ต้องการให้ฉากหลังเบลอ รวมถึงยังใช้งานร่วมกับโหมด Beautify เพื่อปรับแต่งหน้าสวย และเลือกใช้ฟิลเตอร์ไปได้พร้อมกัน เพิ่มความโดดเด่นให้กับภาพบุคคลออกมาสวยงามและโดดเด่นขึ้น นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ระบบเลนส์ขั้นสูง หรือ Master-lens system ที่เป็นระยะการถ่ายภาพบุคคลแบบมืออาชีพ มีให้เลือกใช้งาน 3 แบบ ตั้งแต่

• Documentary – เลนส์สารคดี 35 มม. : เป็นระยะที่โฟกัสในมุมเดียวกับสายตา สามารถเก็บภาพคนและฉากหลังได้พร้อมกัน
• Swirly bokeh – เลนส์โบเก้หมุนวน 50 มม. : เน้นตัวบุคคลให้มีความโดดเด่นชัดเจน พื้นหลังเบลอหมุนเป็นวงเล็กน้อย ได้ภาพที่สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกได้เป็นอย่างดี
• Soft focus – เลนส์นวลแสง 90 มม. : เน้นภาพคนใกล้ขึ้น พร้อมกับการเปิดรูรับแสงกว้าง ให้ได้ภาพที่มีความเบลอฟรุ้งๆ มีความละมุนมากขึ้น

โหมดกลางคืน

โหมดถ่ายภาพกลางคืนของ Xiaomi 13T Series ก็ไม่ธรรมดา รองรับการใช้งานได้ทุกเลนส์ ไม่วาจะถ่ายระยะใกล้หรือไกลก็เอาอยู่ ทั้งการเก็บรายละเอียดของภาพถ่าย สีสันที่เห็นมีความสวยงามคมชัด ลดการเกิดนอยซ์ได้ดี ทำให้ได้ภาพกลางคืนที่มีความสมบูรณ์

กล้องเซลฟี่ความละเอียดสูง 20MP

กล้องหน้าของทั้งคู่ให้มาที่ความละเอียด 20MP สามารถปรับแต่งหน้าสวยได้ตั้งแต่ระดับ 0 – 100 ทั้งยังเลือกปรับใบหน้าเรียว คางเล็ก ตาโต ปาก และอื่นๆ ได้อีก หรือจะเพิ่มสีสันด้วยฟิลเตอร์ก็มีให้เลือกใช้งาน

ส่วนในโหมดวิดีโอจะมีความแตกต่างกันของทั้ง 2 รุ่น โดยที่ Xiaomi 13T จะรองรับการถ่ายวิดีโอที่ความละเอียด 4K (3840×2160) ที่ 30 fps ส่วน Xiaomi 13T Pro จะรองรับที่ความละเอียด 8K@24fps ด้วยความละเอียดระดับ Ultra-high ทั้งยังรองรับการบันทึกวิดีโอที่ 10-bits LOG 4:2:0 H.265 ด้วย Rec.709 LUT ที่มีเฉพาะในกล้องโปรฯ เท่านั้น

ระบบปฎิบัติการ

Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro ขับเคลื่อนด้วยระบบปฎิบัติการ MIUI 14 based on Android 13 มาพร้อม UI ที่มีความทันสมัย สีสันสวยงาม สามารถปรับแต่งการทำงานได้อย่างอิสระ ทำให้เข้าถึงการทำงานที่ง่ายและเร็ว รวมถึงเรื่องการปรับแต่งให้ระบบใช้หน่วยความจำน้อยลง เพิ่มที่ว่างให้ส่วนอื่นๆ เพื่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และยังคงให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน เพื่อป้องกันข้อมูลหลุดออกไปสู่ภายนอก

สรุปท้ายรีวิว

Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro เป็นสมาร์ทโฟนที่ตอบโจทย์การใช้งานในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกล้องที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาร่วมกับ Leica ทำให้มีลูกเล่นและสไตล์ที่บ่งบอกความเป็นมืออาชีพอย่าง Leica มาพร้อมสเปคจัดเต็มในทุกด้าน ทั้งหน้าจอที่มีความสวยงามคมชัด ชิปเซ็ตใช้งานลื่นไหล และแบตฯ ใหญ่ รองรับชาร์จเร็ว ในราคาที่ให้เป็นเจ้าของเริ่มต้นเพียง 15,990 บาท เรียกว่าคุ้มเกินคุ้ม

จุดเด่น

• กล้องระดับมืออาชีพ พัฒนาร่วมกับ Leica
• หน้าจอ CrystalRes AMOLED รีเฟรชเรท 144Hz
• แบตฯ ใหญ่ ชาร์จเร็ว
• กันน้ำ-กันฝุ่นมาตราฐาน IP68

จุดที่ควรพิจารณา

• ไม่มีอะแดปเตอร์มาให้ในกล่อง
• ไม่มีช่องหูฟัง 3.5 มม.

สเปค Xiaomi 13T

• หน้าจอจอแสดงผล CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2712 x 1220 พิกเซล
• เทคโนโลยีหน้าจอ : รีเฟรชเรท 144Hz, แสดงสี 68 พันล้านสี, ตอบสนองการสัมผัส: สูงสุด 480Hz, DCI-P3
• ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 8200-Ultra
• RAM 12GB (LPDDR5) + ROM 256GB (UFS 3.1)
• GPU Mali-G610
• กล้องหลัง 3 เลนส์
• กล้องหลักเลนส์ optical ระดับโปรจาก Leica ความละเอียด 50MP, รูรับแสง f/1.9, รองรับกันสั่น OIS, AF
• กล้อง Telephoto 50MP, f/1.9, ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม., AF, Digital Zoom 20x
• กล้องมุมกว้าง 12MP, รูรับแสง f/2.2
• กล้องหน้า 20MP, f/2.2
• ลำโพงคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
• การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 6, Bluetooth 5.4, NFC
• ระบบปฏิบัติการ MIUI 14 based on Android 13
• มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68
• แบตเตอรี่ 5000mAh, รองรับชาร์จเร็ว 67W Turbo Charging
• สี : Alpine Blue, Meadow Green และ Black

สเปค Xiaomi 13T Pro

• หน้าจอจอแสดงผล CrystalRes AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด 2712 x 1220 พิกเซล
• เทคโนโลยีหน้าจอ : รีเฟรชเรท 144Hz, แสดงสี 68 พันล้านสี, ตอบสนองการสัมผัส: สูงสุด 480Hz, DCI-P3
• ชิปเซ็ต MediaTek Dimensity 9200+
• RAM : 12GB (LPDDR5) + ROM 256GB (UFS 3.1) / 16GB (LPDDR5) + ROM 1TB (UFS 3.1)
• GPU Arm Immortalis-G715
• กล้องหลัง 3 เลนส์
• กล้องหลักเลนส์ optical ระดับโปรจาก Leica ความละเอียด 50MP, รูรับแสง f/1.9, รองรับกันสั่น OIS, AF
• กล้อง Telephoto 50MP, f/1.9, ความยาวโฟกัสเทียบเท่า 50 มม., AF, Digital Zoom 20x
• กล้องมุมกว้าง 12MP, รูรับแสง f/2.2
• กล้องหน้า 20MP, f/2.2
• ลำโพงคู่ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos
• การเชื่อมต่อ 5G, Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4, NFC
• ระบบปฏิบัติการ MIUI 14 based on Android 13
• มาตรฐานป้องกันฝุ่นและน้ำ IP68
• แบตเตอรี่ 5000mAh, รองรับชาร์จเร็ว Xiaomi 120W HyperCharge
• สี : Alpine Blue, Meadow Green และ Black

อุปกรณ์ภายในกล่อง

• Xiaomi 13T l 13T Pro
• สายชาร์จ USB Type-C
• อุปกรณ์ถอดซิม
• เคสซิลิโคน
• คู่มือการใช้งานเบื้องต้น

ราคาและการวางจำหน่าย

Xiaomi 13T และ Xiaomi 13T Pro มีตัวเลือก 3 สี ได้แก่ Alpine Blue, Meadow Green และ Black วางจำหน่ายในราคา

Xiaomi 13T Pro

• รุ่น RAM 12GB + ROM 512GB ราคา 19,990 บาท
• รุ่น RAM 16GB + ROM 1TB ราคา 23,990 บาท (มีวางจำหน่ายที่ Xiaomi Store และช่องทางออนไลน์เท่านั้น)

Xiaomi 13T

• รุ่น RAM 12GB + ROM 256GB ราคา 15,990 บาท

จำหน่ายที่ Xiaomi Store, Xiaomi Zone, ร้านค้าที่ร่วมรายการ, และช่องทางออนไลน์ ส่วน Xiaomi 13T Pro ความจุ 16GB+1TB มีวางจำหน่ายที่ Xiaomi Store และช่องทางออนไลน์เท่านั้น

โปรโมชั่นพิเศษ 4 ต่อ! เมื่อซื้อ Xiaomi13TSeries

• ต่อที่ 1 ฟรี Xiaomi Watch S1 มูลค่า 6,990 บาท
• ต่อที่ 2 ฟรี Adapter มูลค่าสูงสุด 1,599 บาท*
• ต่อที่ 3 ฟรีประกันตัวเครื่อง 2 ปี
• ต่อที่ 4 ฟรีประกันหน้าจอแตก เปลี่ยน 1 ครั้ง ภายใน 6 เดือน

หมายเหตุ

*ฟรี Adapter 120W เฉพาะรุ่น Xiaomi 13T Pro และฟรี Adapter 67W เฉพาะรุ่น Xiaomi 13T
*ไม่มี Adapter แปลงไฟมาให้ในกล่อง
*ของแถมมีจำนวนจำกัด 2,000 ชิ้น
*โปรดตรวจสอบเงื่อนไขและรายละเอียดเพิ่มเติม ณ จุดขาย
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

แสดงความคิดเห็น